รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ นิยาย บท 153

“ไปโรงพยาบาลกัน” ทันทีที่จี้หลิงชวนพูดจบ มู่ซีซีก็ขมุบขมิบปากและหดหัวอย่างไม่พูดอะไร เธอไม่อยากไปโรงพยาบาลจริง ๆ…….

“ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล?”

เมื่อมู่ซีซีพูดจบ จี้หลิงชวนก็ตอบว่า:“พาคุณไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล”

ในตอนท้าย จี้หลิงชวนมองไปที่หน้าตาที่ไม่เต็มใจของมู่ซีซี และพูดเสริมว่า:“นัดไว้ล่วงหน้าแล้ว ยังไงก็ต้องไป ต่อให้คุณจะหาข้ออ้างมาก็ไม่มีประโยชน์”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จี้หลิงชวนก็ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าของมู่ซีซี เขายื่นมือไปจับมือเล็ก ๆ ของมู่ซีซีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วพามู่ซีซีเดินออกไปข้างนอก

สุดท้ายใบหน้าเล็ก ๆ ของมู่ซีซีก็ดูกลัดกลุ้ม และแทบจะถูกจี้หลิงชวนควบคุมตัวไปที่โรงพยาบาล

จี้หลิงชวนได้ทำการนัดไว้ล่วงหน้าแล้ว จี้หลิงชวนจึงจูงมือของมู่ซีซีตรงไปที่ห้องตรวจของศาสตราจารย์ฟู่

เขายกมือขึ้นไปเคาะประตูห้อง เสียงที่อ่อนโยนของศาสตราจารย์ฟู่ดังขึ้นว่า:“เชิญเข้ามา”

จี้หลิงชวนเปิดประตูแล้วจูงมือของมู่ซีซีเดินเข้าไป

แม้ว่าผมของศาสตราจารย์ฟู่จะเป็นสีขาวหมดแล้ว แต่กลิ่นอายของความรู้บนร่างกายก็ไม่สามารถมองข้ามได้

“คุณย่าฟู่” จี้หลิงชวนทักทายอย่างคุ้นเคย

มู่ซีซีที่อยู่ข้าง ๆ มองไปที่จี้หลิงชวนด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงที่คุ้นเคยของจี้หลิงชวนเมื่อกี้ เขาจะต้องรู้จักศาสตราจารย์ท่านนี้อย่างแน่นอน

มู่ซีซีที่มองไปที่ศาสตราจารย์ฟู่อย่างมีมารยาท เธอเรียกและทักทายตามจี้หลิงชวนว่า:“สวัสดีค่ะ คุณย่าฟู่”

เมื่อกี้ตอนที่จี้หลิงชวนจับมือของมู่ซีซีเดินเข้ามา สายตาของศาสตราจารย์ฟู่ก็มองไปที่มู่ซีซีอย่างสงบเยือกเย็น

ยิ่งมองมู่ซีซีก็ยิ่งพอใจ เด็กผู้หญิงคนนี้ มองจากรูปลักษณ์หน้าตาแล้วก็เหมาะสมกับหลิงชวนจริง ๆ

อีกทั้งยังมีมารยาทและแววตาที่ใสซื่อ แสดงให้เห็นได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไร

มีอย่างเดียวคือเด็กผู้หญิงคนนี้ดูจะอายุน้อยไปหน่อย

อย่างไรก็ตามสายตาของศาสตราจารย์ฟู่ที่มองไปที่มือของจี้หลิงชวนและมู่ซีซีที่จับกันไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม ดูเหมือนว่าในหัวใจของเจ้าหนุ่มจี้ เด็กผู้หญิงคนนี้จะมีสถานะบางอย่าง!

ศาสตราจารย์ฟู่ยิ้มและพยักหน้าให้จี้หลิงชวนและมู่ซีซี และรีบพูดอย่างอ่อนโยนว่า:“เอาล่ะ หลิงชวน พวกเธอทั้งสองคนนั่งลงก่อนเถอะ”

จี้หลิงชวนพยักหน้าแล้วให้มู่ซีซีนั่งลงตรงข้ามกับศาสตราจารย์ฟู่

จี้หลิงชวนพูดกับศาสตราจารย์ฟู่อย่างไม่อ้อมค้อมว่า:“คุณย่าฟู่ครับ ช่วงที่เธอมีประจำเดือน เธอจะปวดท้องอย่างรุนแรง”

จี้หลิงชวนพูดเรื่องส่วนตัวของเธอออกมาอย่างนี้ และหมอที่อยู่ตรงหน้าก็รู้จักจี้หลิงชวน

แก้มอันขาวผ่องของมู่ซีซีเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้หลิงชวนพูดแล้ว ศาสตราจารย์ฟู่ก็พยักหน้า สายตาของเขาจ้องมองไปที่มู่ซีซีที่เขินอายจนทำอะไรไม่ถูก และถามอย่างใจดีว่า:“ปีนี้หนูอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“อายุสิบเก้าปีค่ะ……” มู่ซีซีตอบ เธอเกิดวันที่ยี่สิบสี่เดือนธันวาคม หลังจากวันที่ยี่สิบสี่เดือนธันวาคมปีนี้ เธอก็จะอายุยี่สิบปีแล้ว

ในตอนนั้นมู่ซีซียังเด็ก เมื่อเห็นว่าตัวเองนอนอยู่ตามลำพังบนเตียงในโรงพยาบาล และบนมือก็มีเข็มฉีดยาอยู่ มู่ซีซีกลัวมากจนร้องไห้ออกมา และพยายามจะดิ้นลงจากเตียงเพื่อไปหาพ่อแม่

ผลสุดท้ายมู่ซีซีก็ไม่สนใจเข็มฉีดยาบนมือและลุกจากเตียงในทันที ทำให้เข็มฉีดยาบนมือหัก และปลายเข็มก็ไปทิ้มหลอดเลือดของมู่ซีซีจนทำให้เลือดไหลออกมา มู่ซีซีตกใจกลัวและนั่งคุกเข่าลงบนพื้น เธอร้องไห้อยู่สักพัก ก่อนที่พยาบาลจะได้ยินเสียงแล้วผลักประตูมาเจอ

พยาบาลรีบช่วยทำแผลให้มู่ซีซี หลังจากนั้นคนรับใช้ที่ส่งมู่ซีซีมาโรงพยาบาลจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็มาดูมู่ซีซี

จากนั้นมู่ซีซีก็จำได้ว่าตัวเองป่วยและหมดสติอยู่ในห้อง มีเพียงคนรับใช้ที่เห็นแล้วสงสารจึงพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาล แต่เนื่องจากที่โรงเรียนของมู่อวี๋เฟยมีกิจกรรมการแสดง พ่อกับแม่จึงไปเป็นเพื่อนมู่อวี๋เฟย

หลังจากนั้นมามู่ซีซีก็ต่อต้านการที่จะมาโรงพยาบาล

มู่ซีซียื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของจี้หลิงชวนอย่างระมัดระวัง เมื่อหันหน้ามามองกันแล้ว มู่ซีซีก็มองไปที่จี้หลิงชวนและพูดเบา ๆ ว่า:“ไม่เจาะเลือดได้ไหม?ฉันสบายดี……ไม่ต้องตรวจร่างกาย เรากลับกันเลยได้ไหม?”

จี้หลิงชวนมองไปที่มู่ซีซี และจับมือไว้แน่นสองสามนาที:“แค่เจาะเลือดนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว หลังตรวจร่างกายแล้วเราก็จะกลับบ้านกัน”

จี้หลิงชวนเห็นความกลัวในเสียงของมู่ซีซี และยากที่เขาจะเกลี้ยกล่อมมู่ซีซีอย่างอดทน

ใบหน้าเล็ก ๆ ของมู่ซีซีมีเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมา และเธอยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พยาบาลที่แผนกเจาะเลือดก็พูดขัดจังหวะมู่ซีซี:“ถึงคิวคุณแล้วค่ะ คุณสองคนใครจะเจาะเลือดค่ะ?”

เมื่อได้ยินเสียงของพยาบาล จี้หลิงชวนก็พามู่ซีซีเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว จี้หลิงชวนรีบพูดกับพยาบาลที่เจาะเลือดว่า:“เธอต้องเจาะเลือดครับ”

เมื่อมู่ซีซีได้ยินจี้หลิงชวนพูดอย่างนั้น เธอก็รู้ว่าวันนี้ตัวเองไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เธอกัดริมฝีปากและระงับความกลัวอันบ้าคลั่งไว้ในใจของตัวเอง และหันหน้าไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัว แล้วยกแขนที่สั่นเทาของตัวเองขึ้น

จี้หลิงชวนที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่มู่ซีซีอย่างตกใจเล็กน้อย เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ในที่สาธารณะ การกระทำของเขาเร็วกว่าการตอบสนองของสมอง เขาดึงมู่ซีซีเข้ามาไว้ในอ้อมกอด และมืออีกข้างหนึ่งก็ปิดตาของมู่ซีซีไว้ แล้วก้มลงไปพูดข้าง ๆ หูของมู่ซีซีเบา ๆ ว่า:“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ