รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ นิยาย บท 186

เช้าวันต่อมาที่มู่อวี๋เฟยตื่น ไม่สนว่าตัวเองมีแผลเต็มตัว พยายามฝืนนั่งขึ้นมา แล้วรีบส่งข้อมูลของมู่ซีซีไปให้หยวนลี่

หยวนลี่ก็รักษาคำพูด ไม่นานก็ใช้เงินไปจ้างนักสืบชื่อดังไปสืบเรื่องของมู่ซีซีทันที

แต่ว่าเพราะแม่มู่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ บวกกับเรื่องก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะสืบคงต้องใช้เวลานาน

นักสืบคนนั้นบอกว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน

มู่อวี๋เฟยคิดว่านานเกินไป แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น ตอนนี้เธอจึงต้องนั่งรอไปอีกครึ่งเดือน

เวลาเดียว อีกฝั่งมู่ซีซีเริ่มทำงานในบริษัทจี้ซือได้หลายวันแล้ว ยังทำงานเป็นล่ามเหมือนเดิม นอกจากจะโดนจี้หลิงชวนเรียกเข้าไปส่งกาแฟในห้องทำงาน แถมยังโดนเขากอดเขาจูบอีก

จี้หลิงชวนเหมือนโรคจิต ชอบดูท่าทางที่มู่ซีซีหน้าแดงเพราะโดนเขาแกล้งแล้วรีบหนีออกไป

ใกล้จะถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว จี้หลิงชวนจึงเรียกมู่ซีซีมากินมื้อเที่ยงในห้องทำงานเขาด้วยกัน

มู่ซีซีจึงโดนจี้หลิงชวนเอาเปรียบ เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ จี้หลิงชวนค่อยยอมปล่อยเธออย่างอิ่มเอมใจ

มู่ซีซีที่หน้าแดง รีบหนีออกจากห้องทำงานจี้หลิงชวนอย่างลนลาน

โชคดีที่ชั้นนี้มีแค่ห้องทำงานของฟางเซิ่งไม่มีคนอื่นทำงานที่นี่ ไม่งั้นเดี๋ยวทุกคนเห็นทุกครั้งที่มู่ซีซีออกมาจากห้องทำงานผู้บริหารต้องหน้าแดงตลอด เดี๋ยวทุกคนจะรู้สึกผิดปกติแล้วดูออก

พอพักกลางวันแล้ว จี้หลิงชวนก็กลับไปบ้างานเหมือนเดิม เอาแต่ยุ่งกับการเคลียร์งาน รอเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว จี้หลิงชวนค่อยวางปากกาในมือลง นวดระหว่างคิ้วเบาๆ จากนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆก็ดัง

มือจี้หลิงชวนหยุดชะงัก หยิบโทรศัพท์มาดู นายหญิงจี้เป็นคนโทรมา

จี้หลิงชวนจึงรีบรับสายทันที

ผ่านวันครบรอบวันที่คุณป้าเสียไปหลายวันแล้ว เมื่อวานจี้หลิงชวนก็เพิ่งไปเยี่ยมนายหญิงจี้ที่โรงพยาบาล อารมณ์ท่านก็เริ่มดีขึ้น นี่จึงทำให้จี้หลิงชวนรู้สึกโล่งใจไม่น้อย

พอกดรับสาย เสียงอ่อนโยนของนายหญิงจึงลอยมาทันที "หลิงชวน ยังทำงานอยู่หรือเปล่า? ย่าโทรมารบกวนงานของหลานหรือเปล่า?"

จี้หลิงชวนได้ยินน้ำเสียงที่เป็นห่วงของคุณย่า สีหน้าเย็นชาของเขาจึงดูอ่อนโยนไม่น้อย แล้วพูดตอบว่า "คุณย่า ผมยุ่งเสร็จพอดีเลยครับ ไม่ได้รบกวนงานของผมครับ"

จากนั้นจี้หลิงชวนจึงเปลี่ยนประเด็น "คุณย่าครับ กี่วันนี้ร่างกายคุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ?"

"ร่างกายดีขึ้นแล้ว หลานไว้ใจเถอะ ตอนนี้ย่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว หลานไม่ต้องเป็นห่วงย่าหรอก หลานเป็นห่วงเรื่องสำคัญของตัวเองเถอะ"

กี่วันนี้นายหญิงจี้เดินออกมาจากความเสียใจที่เสียลูกตัวเองได้แล้ว จึงรู้สึกเหงามากกว่าเดิม

กับเรื่องที่มู่ซีซีกับจี้หลิงชวนยุ่งเกี่ยวกัน คนที่นายหญิงจี้ให้ไปสืบเรื่องมู่ซีซี ถึงรู้ก็ไม่กล้ารายงานนายหญิง เพราะจี้หลิงชวนออกคำสั่งไว้ว่าห้ามให้นายหญิงรู้เด็ดขาด

ไม่มีใครกล้าไปขัดจี้หลิงชวน เพราะฉะนั้นจนถึงตอนนี้นายหญิงจี้ยังไม่รู้ว่าความจริงที่จี้หลิงชวนกับมู่ซีซีเกี่ยวข้องกันตั้งนานแล้ว

จี้หลิงชวนได้ยินสิ่งที่คุณย่าพูดเมื่อกี้ จึงนวดระหว่างคิ้วตัวเองแล้วพูดว่า "คุณย่า คุณย่าอยากพูดอะไรก็พูดตรงๆเถอะครับ……"

พอจี้หลิงชวนพูดแบบนี้ ความจริงนายหญิงก็เป็นคนตรงๆอยู่แล้ว จึงไม่อ้อมค้อมอีก แล้วพูดตรงๆว่า "หลิงชวน เมื่อวานย่าให้คนไปเช็กแล้ว มู่ซีซีตระกูลมู่คนนั้นเป็นคนที่เหมาะสมกับหลานจริงๆ ครั้งนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน เพราะฉะนั้นหลิงชวน เมื่อไหร่หลานจะแต่งงานกับมู่ซีซีล่ะ?"

พูดจบ นายหญิงก็พูดเสริมอีกคำว่า "เดี๋ยวเดือนสิงหานี้มู่ซีซีคนนั้นก็จะครบยี่สิบแล้ว พวกหลานก็แต่งงานกันก่อน แล้วจัดงานยกน้ำชาเล็กๆ เดี๋ยวรอให้ถึงเดือนสิงหาค่อยไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน"

ตอนที่จี้หลิงชวนได้ยินคุณย่าพูดถึงมู่ซีซีเขาเองก็เดาได้บ้างแล้วว่าท่านจะพูดอะไร ตอนนี้ได้ยินคุณย่าพูดออกมาเอง จี้หลิงชวนก็ยังรู้สึกอึ้งเล็กน้อยอยู่ดี

แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ในใจจี้หลิงชวนไม่ได้รู้สึกต่อหน้าเหมือนครั้งก่อนที่คุณย่าบอกว่าเขาต้องแต่งงานกับมู่อวี๋เฟย

ใช่ ในใจเขาไม่ต่อต้านที่จะแต่งงานกับมู่ซีซีเลย แต่กลับรู้สึกคาดหวัง ตั้งตารอที่จะแต่งงานกับมู่ซีซี

แต่ว่าตอนนี้เขากับมู่ซีซีอยู่บ้านเดียวกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับแต่งงานแล้ว ก็แค่เดินด้วยกันอย่างเปิดเผยเหมือนคู่ที่แต่งงานแล้วไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทะเบียนสมรส

พอนายหญิงจี้พูดออกไปอย่างระมัดระวังแล้วจึงกลั้นลมหายใจรอฟังคำตอบของหลานตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ