มู่ซีซียังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นนายหญิงจี้ยืนกรานอย่างนั้น มู่ซีซีจึงทำได้เพียงแค่ พยักหน้าและออกจากห้องของนายหญิงจี้ไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลังจากที่มู่ซีซีลุกขึ้นไปอาบน้ำและลงไปที่ชั้นล่าง เธอเห็นว่าแม่บ้านจางกลับมาแล้ว และเธอกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้าในครัว นายหญิงจี้สวมแว่นขอบทองกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอ่านหนังสือ
เมื่อลงมาที่ชั้นล่าง นายหญิงจี้ก็รีบวางหนังสือในมือของเธอลงและกวักมือเรียกมู่ซีซี"ซีซีมาทานอาหารเช้ากันเถอะ วันนี้แม่บ้านจางทำโจ๊กไก่"
มู่ซีซียิ้มและรีบเดินเข้าไปช่วยพยุงนายหญิงจี้ไปที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นว่าแม่บ้านจางกำลังยุ่งอยู่ มู่ซีซีจึงหันไปมองที่นายหญิงจี้ แล้วพูดขึ้นว่า "คุณย่า คุณนั่งลงก่อนนะคะ หนูจะไปช่วยแม่บ้านจางก่อน"
เมื่อพูดจบมู่ซีซีก็เดินเข้าไปในครัว เธอรีบเอื้อมมือไปหยิบจานและตะเกียบในมือจากแม่บ้านจาง มู่ซีซีไม่ทันได้ระวังนายหญิงจี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากห้องครัว เธอมองไปที่แม่บ้านจางและหรี่เสียงพูดของเธอให้เบาลง "แม่บ้านจางคะ จี้หลิงชวนเป็นอย่างไรบ้าง?เขาโอเคไหม?"
มู่ซีซีกังวลเรื่องของจี้หลิงชวนทั้งคืนจนนอนไม่หลับ และเดิมทีเธอวางแผนไว้ว่าจะหาข้ออ้างออกไปที่โรงพยาบาลอย่างเงียบๆ แต่ไม่นึกเลยว่าแม่บ้านจางจะกลับมาก่อน
“คุณซีซีไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ คุณชายจี้ไม่เป็นไร ตอนนี้ฟางเซิ่งกำลังดูแลเขาอยู่ที่โรงพยาบาล คุณชายจี้จึง ให้ฉันกลับมาดูแลนายหญิงก่อน ”
เมื่อมู่ซีซีได้ยินว่าจี้หลิงชวนไม่เป็นอะไรร้ายแรง เธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย และพยักหน้าให้แม่บ้านจาง จากนั้นก็ช่วยถือชามและตะเกียบออกไปที่ห้องทานอาหาร
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากับนายหญิงจี้เสร็จแล้ว มู่ซีซีก็เหลือบไปมองนาฬิกาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าเป็นเวลา 8:30 น. แล้ว มู่ซีซีก็อดคิดเรื่องจี้หลิงชวนเป็นคนจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารไม่ได้ จี้หลิงชวนต้องไม่คุ้นเคยกับอาหารผู้ป่วยของโรงพยาบาลอย่างแน่นอน และไม่รู้ว่าตอนนี้จี้หลิงชวนจะทานอาหารเช้าหรือยัง
ข้าวต้มไก่ฝีมือแม่บ้านจางเมื่อเช้านี้ไม่มันเยิ้มและมีคุณค่าทางโภชนาการ และค่อนข้างเหมาะสำหรับผู้ป่วย
เมื่อมู่ซีซีเห็นว่านายหญิงจี้ทานเกือบจะอิ่มแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับนายหญิงจี้ว่า "คุณย่าคะ หนูเห็นว่าข้าวต้มไก่ที่แม่บ้านจางทำในตอนเช้ายังมีเหลืออยู่ ยังไงหนูก็ไม่มีธุระอะไร อย่างนั้นหนูห่อไปส่งให้จี้หลิงชวนที่โรงพยาบาลจะไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ทันทีที่คำพูดของมู่ซีซีจบลง นายหญิงจี้ยิ้มและพูดขึ้นว่า "ซีซีใครบอกว่าวันนี้ เธอไม่มีธุระอะไรล่ะ?เรื่องจี้หลิงชวนฝากให้แม่บ้านจางดูและเถอะนะ วันนี้ไปทำธุระเรื่องสำคัญเป็นเพื่อนย่าหน่อย"
เมื่อได้ยินนายหญิงจี้พูดอย่างนั้น มู่ซีซีก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำยอม เธอมองไปที่นายหญิงจี้ และอดที่จะถามไม่ได้ว่า "คุณย่า วันนี้มีธุระสำคัญอะไรที่จะต้องทำอย่างนั้นเหรอคะ?"
“อีกสักพักเดี๋ยวเธอก็รู้เอง ตอนนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป” นายหญิงจี้พูดพลางยิ้มให้กับมู่ซีซีด้วยท่าทางลึกลับ เธอมองที่มู่ซีซีด้วยแววตาที่เป็นประกาย
วันนี้มู่ซีซีสวมกระโปรงยาวถึงเข่าบนกระโปรงปักรูปห่านสีเหลือง มู่ซีซีสวมชุดนี้แล้วดูดีมาก แถมสีของมันยังดูขับผิวของมู่ซีซีให้ดูขาวผ่องขึ้นไปอีก นายหญิงจี้พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นสายตาของนายหญิงจี้ก็ค่อยๆเคลื่อนไปที่ผมหางม้าที่ถูกมัดแบบลวกๆและส่ายหัวไปมาเล็กน้อย
สายตาของเธอยังมองไปที่ใบหน้าอันขาวบริสุทธิ์ที่ไม่ได้ใช้เครื่องสำอางตกแต่ง ใบหน้าของมู่ซีซี สวยอยู่แล้ว และผิวของเธอก็ดูดีมากเช่นกัน และหน้ามันดูฉ่ำน้ำมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หน้าที่ไร้เครื่องสำอางอาจไม่ได้รับความสนใจเพียงพอจากผู้คน ยังต้องแต่งหน้าบ้างเล็กน้อย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นายหญิงจี้รีบบอกแม่บ้านจางที่อยู่ทางด้านข้างว่า "แม่บ้านจาง เธอรีบไปหาสไตลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมมาให้ได้ภายใน 20 นาทีนี้"
“ทราบแล้วค่ะ นายหญิง ” แม่จางรีบตอบกลับและเดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
สิ่งที่มู่ซีซีคิดได้ก็คือเธอจะต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ไหนสักแห่งแน่ จึงทำให้เธอต้องแต่งตัวเป็นทางการเช่นนี้
“สักครู่ เดี๋ยวเธอก็รู้” นายหญิงจี้ยิ้มพร้อมกับมองมู่ซีซีด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่เลือกกระเป๋าให้เข้าชุดกับมู่ซีซีเสร็จ นายหญิงจี้ก็พามู่ซีซีลงไปที่ชั้นล่าง จากนั้นก็นั่งรถออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถแล่นผ่านตรอกเล็กๆหลายตรอก และในที่สุดก็หยุดที่ประตูลานบ้านโบราณที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
นายหญิงจี้พามู่ซีซีลงจากรถ มู่ซีซีมองไปยังลานด้านหน้าของบ้านด้วย ดวงตาที่เปล่งประกายและความประหลาดใจ เธอไม่เคยพบสถานที่แบบนี้ในใจกลางเมืองหรงมาก่อน
หลังจากที่มู่ซีซีเดินเข้าไปในลานบ้านพร้อมกับนายหญิงจี้ ในตอนนั้นเอง เธอจึงจำได้ว่ามีร้านอาหารส่วนตัวที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษในเมืองหรง รู้สึกว่าชื่อของมันคือ ฉือเหว่ยโหลว
มู่ซีซีเคยได้ยินมู่อวี๋เฟยพูดโอ้อวดมาก่อน โดยกล่าวว่าอาคารฉือเหว่ยโหลว จะให้บริการเพียงสองโต๊ะต่อวันและแขกไม่สามารถสั่งอาหารได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพ่อครัวว่าพ่อครัวจะทำอาหารอะไรและแขกก็จะต้องทานอาหารนั้น
แต่ถึงอย่างนั้น จากที่ได้ยินคนพูดมา ภัตตาคารฉือเหว่ยโหลวมีคนต่อคิวถึงปีหน้าโน่น
ในตอนที่นายหญิงจี้และมู่ซีซีเดินเข้าไปถึง มีพนักงานสาวสวมชุดกี่เพ้าเข้ามาต้อนรับอย่างมีมารยาท พร้อมกับพาทั้งสองเข้าไปที่ห้องรับรองส่วนตัวที่มีมนต์เสน่ห์ของความโบราณนั้นอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...