ตอนที่ 20 อยากให้เธอช่วยเขาทำอะไร
มู่เฉินหย่วนเห็นจู่ซือซือถือแส้ ใบหน้าที่มีความบอบบางกำลังใช้แส้ฟาดไปบนตัวของถังซินแรงๆ เหมือนกับได้โกรธแค้นอะไรมา
เขาไม่คิดว่าสองปีที่ผ่านมาได้เลี้ยงจู่ซือซืออย่างเอาใจ จนทำให้เธอนับวันยิ่งกลายเป็นคนเอาแต่ใจ ในฉากนั้นถึงกับถือเอาแส้ฟาดคน
ถ้าไม่มีตระกูลมู่ปกป้องอยู่ ไม่รู้ว่าเธอต้องตายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง!
มู่เฉินหย่วนรีบเก็บมือถือแล้วผลักประตูรถลงไป ก้าวเท้ากว้างๆ เดินมุ่งตรงไปทางกองถ่าย ในขณะจู่ซือซือกำลังจะยกแส้ฟาดลงไป ก็มีเสียงดังขึ้นมา “ซือซือ”
น้ำเสียงไม่ดังมากแต่กลับมีความหนักแน่นและมีพลัง คนในกองถ่ายต่างก็ได้ยิน
แส้นั้นของจู่ซือซือยังไม่ทันได้ฟาดลงไป เมื่อเธอได้เห็นมู่เฉินหย่วนมาก็รีบแปลงร่างเป็นเด็กสาว เดินกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม “พี่เฉิน พี่มาได้ยังไง?”
เธอยังใช้หัวถูไปถูมาที่อกของเขา
สายตามู่เฉินหย่วนนิ่งสงบและไม่ได้ผลักเธอออกไป เพียงแต่พูดว่า “จะพาเธอไปกินอาหารเที่ยง” สายตาก็สาดส่องภายในกองถ่าย เห็นกวนหลิงเอ๋อกำลังพยุงถังซินขึ้นมา
ถังซินสวมชุดแสดงสีขาว ในขณะลุกขึ้นมาชายกระโปรงก็มีลอยสีแดงอยู่ ตอนเดินก็มีหยดเลือดไหลจากในเสื้อลงบนพื้น ดูแล้วจู่ซือซือจะลงมือหนักไปหน่อย
“ท่านประทานมู่”
“ท่านประทานมู่”
วงการบันเทิงไม่มีใครรู้ความเป็นมาของจู่ซือซือ ยังมีเบื้องหลังของผู้สนับสนุนเธอ
มู่เฉินหย่วนเป็นคนถ่อมตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นใคร ในตอนนี้เพียงเห็นบุคคลสำคัญระดับนี้ ทุกคนต่างก็รายล้อมเข้ามาทักทาย ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าเบาๆ
เขาเดินตามจู่ซือซือเข้าไปในห้องพักผ่อน ฝีเท้ามู่เฉินหย่วนก็หยุดกะทันหัน แล้วพูดกับเด็กบริการในกองถ่ายที่อยู่ตรงข้าง “หายารักษาแผลที่ดีที่สุดในกองถ่ายไปให้นักแสดงที่อยู่ในร่มคนนั้น”
เด็กบริการก็รีบพยักหน้า
ทางด้านนั้น กวนหลิงเอ๋อได้พยุงถังซินนั่งลง รีบเปิดเสื้อของเธอออกมา ได้เห็นเลือดสดของถังซินไหลออกมาจากแขน รู้สึกระคายเคืองที่เบ้าตา “พี่คะ นั่งลงก่อน ฉันจะไปซื้อยามาให้พี่”
เพียงแค่เธอไม่มีชื่อเสียง ไม่มีความหนักแน่นพอที่จะเข้าไปเอายาของกองถ่าย
ในขณะกวนหลิงเอ๋อกำลังจะไปซื้อยา มีเด็กบริการคนหนึ่งเดินเข้ามาเอายารักษาแผลกับก้อนสำลีให้เธอ หลังจากนั้นก็เดินออกไป เธอยังรู้สึกงงงวย ไม่คิดว่าเด็กบริการจะเอายามาให้เธอ?
กวนหลิงเอ๋อเพียงคิดว่าคงมีคนเห็นถังซินได้รับบาดเจ็บก็เลยให้คนเอายามาให้เธอ ยังแอบด่าอยู่ในใจแล้วรีบใช้ก้อนสำลีเช็ดไปที่รอยแผลบนแขนของถังซิน
“ต้องขอโทษพี่สาวด้วยนะคะ” เสียงคำขอโทษเบา ๆ ของกวนหลิงเอ๋อ
“แค่แผลภายนอกเท่านั้นไม่เป็นอะไรมากหรอก” ถังซินพูดออกมา เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ จะไม่สนใจได้ยังไง
เธอมองไปทางห้องพักรับรองที่อยู่ทางด้านนั้น เมื่อกี้เธอได้เห็นมู่เฉินหย่วนมา จูซือซือกะพุ่งเข้าไปหา ความสัมพันธ์ของทั้งสองคงไม่ทำธรรมดา “หญิงสาวคนนั้น ใช่ไม่ใช่จูซือซือ?”
“นอกจากเธอแล้วจะมีใครในวงการบันเทิงจะมีความเอาแต่ใจแบบนี้?”
ถังซินก็กระจ่างขึ้นมาทันที
ทำไมเพียงแค่เธอพบกับจูซือซือก็รู้สึกคุ้นตา ที่แท้ก็อยู่ในภายใต้ร่มเงาของตระกูลมู่ เป็นหนึ่งคุณหนูของวงการบันเทิง เธอรู้ว่าตระกูลมู่มีรองประธานท่านหนึ่ง เป็นพ่อบุญธรรมของจู่ซือซือ
เพียงไม่คิดว่า เบื้องหลังผู้สนับสนุนใหญ่ของหญิงสาวคนนี้ที่แท้ก็เป็นมู่เฉินหย่วน
กวนหลิงเอ๋อทายาให้ถังซิน ปากก็บ่นพึมพำไม่หยุด “ฐานะทางบ้านเธอก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่มีคนอุปถัมภ์คอยพยุง ถ้าฉันโชคดีอย่างเธอ การจะเป็นดาวเด่นคงไม่ไกลเกินเอื้อม!”
“สมองงี่เง่าอย่างเธอยังจะอยากมีชื่อเสียง?” ถังซินตบไปที่หัวของเธอไปหนึ่งที “เป็นแบบที่ไปประเคนถึงที่แล้วให้คนถ่ายรูปเปลือย แล้วถูกส่งไปสถานีตำรวจใช่มั้ย”
กวนหลิงเอ๋อตกตะลึง แล้วหัวเราะเยาะ “พี่...พี่รู้แล้วเหรอ?”
“ถึงฉันอยู่อย่างไม่มีความสุข ก็เป็นเรื่องของฉัน” ถังซินสูดหายใจลึกเพื่อระงับความโกรธในใจ แต่ริมฝีปากยังไม่หยุดสั่น “หลังจากนี้ ห้ามพูดถึงชื่อนี้อีกต่อไป!”
สายตาของเธอดุมาก มองกวนหลิงเอ๋อด้วยสายตาเยือกเย็น “ถ้าเธอกล้าเอ่ยชื่อนี้อีก ฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นพี่น้องกับเธอ ติดหนี้มู่เฉินหย่วน ห้าแสนหยวน เธอก็หาทางจัดการเองก็แล้วกัน”
กวนหลิงเอ๋อไม่เคยเห็นพี่สาวเป็นแบบนี้มาก่อน มองพี่สาวด้วยสายตาที่หวาดกลัว แล้วพยักหน้า
เธอไม่เข้าใจเรื่องของพี่จิ่นหยาง เพียงแต่รู้ว่าเป็นแฟนพี่สาวตอนไปเรียนต่อที่เมืองนอก ฐานะทางบ้านก็ดี วันคริสต์มาสในวันนั้น ได้ส่งปราสาทเล็กๆ มาให้เธอ ไม่คิดว่าประสาทเล็กๆ นี้จะราคาถึงหนึ่งล้านห้าแสนหยวน
เดิมทีพี่สาวเคยพูดว่าวันตรุษจีนปีใหม่จะพาพี่จิ่นหยางมาให้พวกเรารู้จัก เมื่อถึงวันตรุษจีนปีใหม่ มีเพียงพี่สาวกลับมาคนเดียว แถมยังเปลี่ยนชื่ออีกด้วย คบหากับมู่หยางชิวอย่างสายฟ้าแลบแล้วก็แต่งงาน
มู่หลิงเอ๋อเคยลองถามถังซินว่าทำไมถึงได้เลิกกับพี่จิ่นหยาง ตอนนั้นถังซินก็เกือบจะใช้มือตบหน้าของเธอ เพียงแต่เตือนเธอว่าไม่ให้พูดถึงเขาอีก หลังจากนั้นเธอก็ไม่กล้าเอ่ยชื่อนี้อีกเลย
เมื่อหายโกรธแล้ว ถังซินจึงเข้าไปถามกวนหลิงเอ๋อ “เธอกับมู่เฉินหย่วนเซ็นต์สัญญาอะไรกัน?”
“ก็เป็นสัญญาแปลหนึ่งฉบับ” กวนหลิงเอ๋อเหลือบไปมองพี่สาว เห็นเธอไม่มีท่าทีที่โกรธ จึงพูดว่า “ท่านประทานมู่ถามฉันว่า พี่พูดภาษาอูเค่อป๋อได้มั้ย เงินห้าแสนหยวน ถือว่าเป็นค่าแปลของพี่”
“เธอทำไมรู้ว่าฉันพูดภาษานี้ได้หละ?”
“ฉันไม่รู้เลย!” กวนหลิงเอ๋อกุมศีรษะไว้ กลัวถังซินจะตีเธออีก “ฉันเพียงรู้สึกว่าพี่สาวเป็นนักแปลที่เก่งมาก จะต้องพูดภาษานี้ได้ ตอนนั้นก็เลยพยักหน้า”
ในใจถังซินรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
ถึงได้รู้ว่าทำไมวันนั้นในห้องน้ำมู่เฉินหย่วนถึงถามเธอว่าพูดภาษาอูเค่อป๋อได้มั้ย ดูแล้วเขาคงได้ตรวจสอบประวัติของเธอมาก่อนหน้านี้ ซ้ำยังตั้งใจหลอกล่อกวนหลิงเอ๋อจนติดกับ ไม่งั้นกวนหลิงเอ๋อคงโดนส่งไปสถานีตำรวจแล้ว
แต่ว่าภาษานี้ถังซินได้เรียนรู้จากในหนังสือ นอกจากคนนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอพูดภาษานี้ได้ คนที่สามารถพูดภาษานี้ได้ทั่วโลกมีไม่ถึงห้าสิบคน เธอจึงไม่เขียนไว้ในข้อมูลการทำงาน
ถ้าอย่างนั้น มู่เฉินหย่วนรู้มาจากไหนว่าเธอสามารถพูดภาษานี้ได้ ?
เขาอยากให้เธอช่วยทำอะไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...