บทที่ 22 ใครก็ได้ช่วยเธอที
ถังซินส่งข้อความไปให้มู่หยางซิว บอกว่ามีงานวันเกิดของหัวหน้าแผนก พองานจบอยากให้เขามารับ
มู่หยางซิวก็ปฏิเสธตามคาด เขาบอกว่าตอนดึกมีธุระให้เธอเรียกรถกลับเอง
นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ถ้าเกิดเขามารับเธอ การแสดงของเขากับเฉียวมั่นหลัวก็คงจะดำเนินต่อไปไม่ได้
ถังซินเองก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเลิกงานเธอก็เรียกรถไปโรงแรมนั่นกับเพื่อนร่วมงาน ไม่พนักงานหลายคนที่มาถึงแล้ว นั่งคุยกันเป็นกลุ่มทำให้ห้องนั่นครึกครื้นขึ้นมา
ผ่านไปพักใหญ่ หัวหน้าแผนกก็มา
มีหลายคนที่เดินมาพร้อมกับหัวหน้าแผนก นอกจากคนที่นักจะมาพักที่บริษัทบ่อยๆอย่างรองหัวหน้าแล้ว ก็ยังมีหัวหน้าแผนกอีกหลายคน และแน่นอนว่าเฉียวมั่นหลัวก็ไม่ขาด และถังซินก็บังเอิญไปสบสายตาเธอเข้าพอดี
“ ถังซิน มานั่งตรงนี้สิ ” เฉียวมั่นหลัวร้องเรียกพร้อมกับรอยยิ้ม “ ได้ยินมาว่าคุณเก่งภาษาฝรั่งเศส พอดีว่าฉันก็กำลังเรียนอยู่เหมือนกัน ก็เลยอยากจะให้คุณช่วยสอนสักหน่อย ”
“ ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกค่ะ ” ถังซินก็ยิ้มเหมือนกัน ก่อนจะนั่งลงอย่างไปลังเล
คนที่นั่งอยู่ข้างๆถังซินเป็นผู้ชาย เธอดูๆแล้วก็เห็นว่าไม่ใช่หัวหน้าแผนกชั้นสูงอะไร แต่เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอที่ชื่อเฉินเสียงที่มีลุงเป็นหัวหน้าแผนกอะไรสักอย่าง
เพียงแวบเดียว ถังซินก็เข้าใจ
เฉินเสียง น่าจะเป็นคนที่เฉียวมั่นหลัวเตรียมเอาไว้แน่ๆ
เฉินเสียงทักทายถังซินอย่างเป็นมิตร เหมือนไม่มีอะไรแปลก ถังซินก็ไม่ได้ตอบกลับไปเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น
พอกินข้าวกันไปสักพัก แต่ละโต๊ะก็เริ่มดื่มกัน
เฉียวมั่นหลัวราวกับเป็นหัวหน้าที่จิตใจดีอ่อนโยน มีรองหัวหน้าอยู่ตรงนี้ด้วย เธอก็ไม่ได้ล้ำเส้นอะไรทั้งสามารถคุยเข้ากับคนอื่นได้ดี และยังสามารถทำให้ถังซินดื่มเหล้าได้อีก
ถังซินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ มีกี่แก้วก็ดื่มเท่านั้น แต่เธอเองก็เตรียมตัวมาอย่างดี เพราะเอาแต่อมเหล้าเอาไว้พอไม่ทันมีคนสังเกตก็คายใส่ฟองน้ำที่อยู่ในแขนเสื้อ
ไม่อย่างงั้นการที่เฉียวมั่นหลัวเอาเหล้าขาวกับไวน์แดงผสมกันให้ดื่มเร็วขนาดนี้ เธอคงจะต้องตายก่อนเมาแน่ๆ
“ ประธานมู่ ! ”
ไม่รู้ว่าใครเรียกชื่อนี้ขึ้นมา ทำให้คนที่นั่งอยู่ต่างๆก็ลุกขึ้นตามๆกัน
ถังซินหันกลับไปมองแวบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่ามู่เฉินหย่วนจะมา แถมยังสวมใส่ชุดที่ดูเป็นทางการกว่าเมื่อก่อนอีก คนที่จูงมือเขามาอย่างจู่ซือซือก็ใส่ชุดกระโปรงแดงที่เพริศพริ้ง ทั้งสองเหมือนเพิ่งออกจากโรงแรมสักแห่งหนึ่งมา
“ ทุกคนไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมแค่บังเอิญมาคุยงานแถวนี้พอดี พอดีได้ยินว่าหัวหน้าหลิวจัดงานวันเกิดที่นี่ก็เลยแวะมาดื่มสักแก้ว ”
มู่เฉินหย่วนยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับหัวหน้าหลิว
คนอื่นๆต่างก็ร่วมดื่มด้วยคนละแก้ว ถังซินจะไม่ดื่มก็กระไรอยู่
เธอเพิ่งจะเดินไปถึงด้านหน้าของมู่เฉินหย่วน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจให้ได้ยินกันแค่สองคน “ ให้เงินห้าแสนเพื่อให้คนไปคุยงานกับผมเหมือนจะน้อยไป ก็เลยเอาของขวัญชิ้นพิเศษมาให้ ”
พอพูดจบถังซินก็รู้สึกว่ามีคนมาจับที่สะโพกทำให้เธอเองตกใจจนจับแก้วไวน์เกือบไม่อยู่ ก็เลยรีบใช้มือไปจับที่สะโพกตัวเองดูปรากฏว่าเป็นแผ่นการ์ดแผ่นหนึ่งถึงได้รีบจับไว้
พอเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกที มู่เฉินหย่วนก็พาจู่ซือซือเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว
มีสายตาหลายคู่มองอยู่ทำให้หัวใจเธอเต้นรัว พอกลับมานั่งที่โต๊ะเธอถึงได้มองสิ่งที่มู่เฉินหย่วนเพิ่งจะยัดใส่ในมือให้ปรากฏว่าเป็นคีย์การ์ดห้องพัก
เป็นของโรงแรมที่มู่หยางซิวกับเฉียวมั่นหลัวมักจะไปบ่อยๆ ขนาดห้องพักก็เป็นห้องที่เขาทั้งสองใช้พักด้วยกันอย่างลับๆ
โทรศัพท์ดังขึ้น เพราะมีข้อความเข้า
[ อีกสามสิบนาที มู่หยางซิวจะส่งข้อความให้เฉียวมั่นหลัว ]
หืม??
ถึงแม้ถังซินจะเรียนล่ามมา แต่ในเรื่องกระบวนการรับรู้ของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอรู้ว่าว่านี่จะต้องเป็นมู่เฉินหย่วนส่งมาให้ แต่มันก็สั้นเกินไป จนรู้สึกงงงวย
พอมองดูคีย์การ์ดในมือแล้ว ใช้เวลาพักใหญ่ในที่สุดถังซินก็เข้าใจ มู่เฉินหย่วนคงจะอยากบอกว่า เขาจะล่อให้เฉียวมั่นหลัวไปที่โรงแรมนั่น และเธอก็มีเวลาเพียงสามสิบนาทีในการจัดฉาก
ถังซินเห็นว่าเหลือเวลาไม่มาก ก็เลยหันกลับมาชนแก้วกับเฉียวมั่นหลัว มองดูกระทั่งเธอดื่มเหล้าลงไปส่วนตัวเองก็ดื่มไปเพียงนิดเดียวเท่านั้นเพื่อให้หน้าแดงขึ้นมาที่เหลือก็เทใส่ฟองน้ำในแขนเสื้อนั่น
ดื่มไปสักพักเธอก็แกล้งทำเป็นไม่ทันได้ระวัง ล้มลงไปในอ้อมอกของเฉินเสียง
“ ถังซิน คุณไม่เป็นใช่มั้ย? ” เฉินเสียงถือโอกาสหลุบเอวบางๆนั่น พร้อมกับเสแสร้งทำเป็นคนดี “ อย่าบอกนะว่าเธอเมาแล้ว? ”
“ ฉันยังไม่เมา ” ถังซินพูดในลำคอเบาๆ อยากจะลุกออกจากอ้อมอกของเขา แต่ไม่ว่ายังไงก็ลุกไม่ขึ้น
เฉียวมั่นหลัวดื่มไปไม่น้อย ถึงแม้หน้าจะเริ่มแดงแต่ก็ยังคงสภาพที่เหมือนตื่นตัวตลอดเวลา พอเห็นว่าถังซินอยู่ในอ้อมอกของเฉินเสียงก็ขยิบตารับรู้กันสองคน
เฉินเสียงใช้โอกาสที่ไม่ทันมีคนสังเกตค่อยๆพยุงตัวถังซินออกไป
ตอนที่อยู่ในงาน เธอยังคงคิดหนักกับเรื่องที่ว่าจะหลอกล่อเฉียวมั่นหลัวมาที่โรงแรมยังไง แต่พอได้คีย์การ์ดที่มู่เฉินหย่วนส่งมาให้ปัญหามันก็คลี่คลาย
อดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าคุณคุณอามู่นี่ก็เก่งกาจและมีฝีมือไม่เบา
“ จะเอาคีย์การ์ดให้ก็ให้ดีๆไม่ได้รึไง ไม่เป็นจำเป็นต้องใช้วิธีแบบนั้นสักหน่อย ” ถังซินพูดขึ้นเบาๆ ถึงตอนนี้สะโพกก็ยังรู้สึกอุ่นๆ เหนียวเนื้อเหนียวตัวไปหมด
ต้องรีบกลับบ้านไปอาบน้ำ
ถังซินคิดเอาไว้อย่างนี้ แต่พอออกจากลิฟท์มาเดินได้ไม่กี่ก้าว ข้อมือก็โดนคนจับเอาไว้
เขาคนนั้นบีบแรงจนข้อมือของเธอเกือบหัก
“ ยินยิน ” เป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่กลับทำให้ถังซินยืนนิ่งตัวแข็งขนลุกไปหมด
ถังซินไม่กล้าขยับ
เสียงรองเท้าหนังที่เสียดสีกับพื้นดังขึ้น ก่อนร่างสูงโปร่งนั่นจะมายืนอยู่ตรงหน้าบดบังการมองเห็นของเธอ สิ่งที่ถังซินเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือเสื้อกั๊กสีเทาของคนที่อยู่ตรงหน้า และนาฬิกาข้อมือ
“ ขอโทษๆ พอดีเจอคุณแล้วดีใจไปหน่อย เจ็บหรือป่าว? ” ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความรู้สึกขอโทษแล้วคลายมือออก ก่อนจะถอยห่างออกไปนิดหนึ่งพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย
และนี่ มันทำให้ถังซินมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้ชัดๆ
โครงหน้าที่ทุกๆอย่างประกอบกันแล้วดูไม่เบื่อ แถมยังออกแนวไปทางฝั่งตะวันออก จมูกโด่งเป็นสัน และแว่นตาขอบทองและนัยน์ตาสีฟ้า
แววตาและรอยยิ้มดูแล้วเป็นมิตร แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่ชายตรงหน้าใช้มือทั้งสองข้างบีบคอเธออย่างบ้าระห่ำ มันก็ทำให้ถังซินรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
เธอกลัวจนไหล่สั่นอย่างห้ามไม่ได้
ชายตรงหน้ามองถังซินราวกับเป็นเสือที่จ้องจะเขมือบเหยื่อ แต่เพียงแววเดียวสายตาแบบนั้นก็หายไป
เขาขยับเข้าใกล้อีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นคลำที่แก้มของถังซินเบาๆ “ยินยิน ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมทำผิดมากมายที่ทำให้คุณต้องเสียใจ แต่พออยู่ในคุกนานๆ ผมก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วนะ ”
“ ผมคิดถึงคุณมาตลอด พอออกจากคุกก็เลยอยากจะมาขอโทษคุณ แต่หาเท่าไหร่ก็หาคุณไม่เจอ จริงๆเป็นเพราะคุณเปลี่ยนชื่อแล้วนี่เอง ทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะ หื้ม? ”
ถังซินเอาแต่จับชายเสื้อตัวเองแน่น แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่ม
ฝันร้ายเมื่อหลายปีก่อนยังคงตามหลอกหลอนเธอจนถึงทุกวันนี้ เธอกลัวหลินเฉิงจี๋ขนาดที่ว่า ได้แค่ยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้นและไม่มีแรงจะผลักเขาออก
ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยเธอที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...