บทที่ 489 ทารกในครรภ์ไม่กลับหัว
หลังออกมาจากบริษัท ถังซินก็ไปเรียกรถที่ข้างถนน ไม่ช้าก็กลับมาถึงยังที่พัก
ในขณะที่เธอเดินมาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ของจู่ซือซือนั้น ก็มีอาการหน้ามืดตาลายเล็กน้อย มือยันเอาไว้ที่บนกำแพง ฝืนกดกริ่งที่หน้าประตู
ไม่ช้าก็มีคนมาเปิดประตู
“พี่ถังซิน!” คนที่เปิดประตูคือจู่ซือซือ เธอเห็นถังซินสีหน้าเริ่มซีด ก็รีบมาประคองเธอเอาไว้ทันที
“พี่ไม่เป็นไร” ถังซินเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเธอ
ฉางผิงรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้วยกมาให้กับถังซิน สีหน้าเศร้าซึม “ขอโทษครับน้า ผมนี่มันไม่มีประโยชน์จริงๆ มองดูน้าถูกพาไปที่สถานีตำรวจ ทำให้แต่ร้อนรน ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย”
ถังซินลูบศีรษะของเขา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าคิดแบบนี้สิ เธอดูน้าไม่เป็นอะไรแล้วไม่ใช่หรอ?”
เธอไปถามจู่ซือซือขึ้นมาอีกว่า “ยัยนางฟ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“หลังจากที่พี่ซูเจ๋ดูข่าวรู้ว่าพี่ถูกจับ ก็ร้อนรนมาก ฉันก็โทรศัพท์หาพี่เฉินไม่ติดอีก ต่อมาเธอบอกว่าติดต่อหลัวจื่อเว่ยฝ่ายคนฟ้องได้แล้ว จะไปเจรจากับเธอ”
จู่ซือซือเม้มริมฝีปากล่างเล็กน้อย น้ำเสียงจนปัญญา “ฉันอยากจะไปด้วยกันกับพี่ซูเจ๋ เธอไม่ให้ฉันออกไป พี่ซูเจ๋ออกไปทั้งวัน ตอนนเย็นถึงจะกลับมา เธอบอกว่าพูดให้หลัวจื่อเว่ยยอมถอนฟ้องแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ถังซินก็สั่นไปทั้งตัว เข้าใจทุกอย่างแล้ว
“ฉันยังคิดอยู่เลยว่าหลัวจื่อเว่ยทำไมถึงถอนฟ้อง ที่แท้...” ในใจของเธออัดอั้นจนร้อนรน แสบร้อนที่บริเวณรอบดวงตาไปหมด
ในตอนนั้นหลังจากที่ได้รู้ว่าหลัวจื่อเว่ยถอนฟ้อง เธอยังคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นแอบช่วยเธออยู่
ที่แท้คือยัยนางฟ้าที่ช่วยเธออยู่
ถังซินระงับอารมณ์ลงไป ถามจู่ซือซืออย่างร้อนรนว่า “งั้นตอนนี้เธอไปที่ไหนแล้ว?”
“ฉันไม่รู้” จู่ซือซือส่ายศีรษะพร้อมกับเอ่ย “วันต่อมาพี่ซูเจ๋ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ รองเท้าก็ยังไม่ทันได้เปลี่ยน”
“รอจนกระทั่งพลบค่ำ พี่ซูเจ๋ถึงกลับมา และยังดูผิดปกติเป็นอย่างมาก เลือดเต็มไปทั้งตัว”
“พี่ซูเจ๋เอาโทรศัพท์มือถือ แล้วก็เบอร์ห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งที่โรงพยาบาลประจำเมืองให้กับฉัน ให้ฉันไปดูที่โรงพยาบาลทุกๆสามวัน หลังจากที่มอบหมายเสร็จเธอก็จากไป ฉันกับฉางผิงรั้งยังไงก็รั้งไม่อยู่”
ถังซินหอบหายใจเร็วขึ้น หวาดกลัวขึ้นมาในทันที “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไรกัน? เธอก็ไม่เคยกลับมาอีกเลยหรอ?”
“ก็วันก่อนหน้าเมื่อวานซืน”
“เธอไม่ได้บอกว่าไปที่ไหนหรอ?”
“ฉันถามแล้ว พี่ซูเจ๋บอกว่ากลับไปยังสถานที่ที่เมื่อก่อนเคยพักอาศัยอยู่ เธอยังบอกว่ารอหลังจากที่พี่กลับมาแล้ว ขอร้องให้พี่ช่วยดูแลคนที่อยู่ในโรงพยาบาลแทนเธอด้วย” จู่ซือซือเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย. “พี่ถังซิน ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกันกับพี่หรอกหรอ? เธอยังมีที่พักอื่นในเมืองหนานเฉิงอีกหรือเปล่า?”
สถานที่ที่เคยพักอาศัยอยู่ในก่อนหน้านี้?
คิดถึงอาการของหลี่ซูเจ๋ ญาติที่อยู่ในโรงพยาบาล แล้วก็คำพูดเหล่านี้ที่พูดกับจู่ซือซือก่อนที่จะไป ถังซินเดาว่าที่หลี่ซูเจ๋ออกไปถูกลู่เหวินซูบังเอิญพบเข้าให้แล้ว
ถังซินรีบลุกขึ้นมาจากบนโซฟาในทันที คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น “ซือซือ เอาหมายเลขห้องผู้ป่วยมาให้พี่...”
เธอเพิ่งจะลุกขึ้นมาก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปหมด
“พี่ถังซิน” จู่ซือซือรีบประคองเธอให้นั่งลง เอ่ยเตือนขึ้นอย่างร้อนรนว่า “พี่เพิ่งจะออกมาจากสถานีตำรวจ แล้วยังไปทำธุระนานขนาดนั้นที่บริษัทอีก ร่างกายรับไม่ไหว พี่พักก่อนเถอะค่ะ”
“พี่ไม่เป็นไร อีกสักครู่พักอยู่บนรถก็พอแล้ว” ถังซินขัดขืนจะลุกขึ้นมา “พี่เป็นห่วงยัยนางฟ้า”
ยัยนางฟ้าหากไม่ใช่เพื่อที่จะช่วยเธอ เสี่ยงอันตรายออกไป ก็คงจะไม่ถูกลู่เหวินซูพบเข้า
ฉางผิงกดมือของเธอเอาไว้ คนตัวเล็ก แต่พลังกลับเยอะเป็นอย่างมาก จากนั้นเอ่ยกับถังซินด้วยสีหน้าที่จริงจัง “คุณน้า พวกเรารู้ว่าน้ากำลังเป็นห่วงอะไร แต่น้ากับเด็กๆต่างก็ต้องการการพักผ่อนนะครับ”
จู่ซือซือเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “เด็กอะไร?”
สายตาของเธอมองต่ำลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มองเห็นท้องที่ป่องออกมาเล็กน้อยของถังซิน ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง “พี่ถังซินพี่ พี่ท้องแล้วหรอ?!”
“อาเล็กหยุดกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว ดูเธอให้ดีๆ” ฉางผิงสั่งจู่ซือซือ รีบไปหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณหมอในทันที
“พี่ถังซินพี่เกินไปแล้วจริงๆ ท้องก็ยังไม่บอกฉัน!” จู่ซือซือเฝ้าถังซินอยู่ที่ด้านข้าง เพราะว่าโกรธ ริมฝีปากแดงจึงเบ้สูงขึ้นมา “แม้แต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังรู้!”
ถังซินเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องเยอะมาก ลืมบอกเธอไป”
สูตินรีแพทย์ใช้มือลูบไปที่บริเวณเอวทั้งสองข้างของเธอ หลังจากที่สังเกตดูอาการไปรอบหนึ่งแล้ว ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “กี่คนคะ?”
“แฝดสามค่ะ”
“ว้าว!” จู่ซือซือมองดูท้องของถังซิน เบิกตาโพลงขึ้น “สถานที่ที่เล็กแค่นี้ เด็กสามคนเลยหรอ?”
สูตินรีแพทย์ก็ตกใจเล็กน้อยเช่นเดียวกัน แต่กลับสงบนิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว “มาถึงเดือนนี้แล้ว ครรภ์ของคุณเล็กไปหน่อยนะคะ...แต่ว่าก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นฐานสุขภาพของคุณ ปกติทานอะไรบ้างคะ?”
“ก็ไม่ได้เลือกทานค่ะ แต่ว่าของที่มีธาตุเย็นก็จะระวังทานให้หน่อยลงหน่อย”
สูตินรีแพทย์พยักหน้าเล็กน้อย “ปกติแล้วไปตรวจครรภ์เมื่อไรบ้างคะ มีทานยาอะไรหรือเปล่า?”
”ทุกเดือนก็จะไปโรงพยาบาลหนึ่งครั้งค่ะ ยาที่ทานก็เป็นยาที่คุณหมอออกให้” เห็นหมอถามละเอียดขนาดนี้ ถังซินก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ทำไมหรอคะ เด็กๆมีปัญหาหรอ?”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ” สูตินรีแพทย์เอ่ย “เด็กๆแข็งแรงมาก ปกติคุณทานอาหารระวังหน่อยก็พอแล้ว ส่วนยาบำรุงครรภ์เหล่านั้น ไม่ต้องทาน แล้วก็อย่าทำงานหนักมากจนเกินไป”
ถังซินถอนหายใจอย่างโล่งอกในทันที “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ทุกครั้งพวกคุณถามคำถามฉันเยอะมากเลย ฉันเลยกังวลมาก กลัวว่าตัวเองจะดูแลเด็กๆได้ไม่ดี”
“ดีมากแล้วค่ะ งั้นหมอก็ขอตัวกลับก่อน”
“คุณหมอคะ ฉันไปส่ง” จู่ซือซือช่วยคุณหมอถือของ ส่งเธอออกจากที่นี่ไป
ในตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูนั้น สูตินรีแพทย์ก็แอบถามจู่ซือซือว่า “คุณจู่ ฉันจำเธอได้ เคยคบหากับประธานมู่ใช่หรือเปล่า งั้นเด็กในท้องของเธอ...”
“ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” จู่ซือซือกลัวหมอคนนี้ปากมาก จึงตอบอย่างขอไปที ยังเอ่ยเตือนขึ้นอีกด้วยว่า “คุณคิดดูให้ดีว่าคุณทำงานให้กับใคร เรื่องที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องเอาไปพูดมั่วๆ!”
“ค่ะๆ”
หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าคนนี้เป็นถึงน้องสาวของประธานมู่ หมอก็ไม่กล้าถามอะไรซี้ซั้วออกมาอีก
สูตินรีแพทย์กลับไปเข้าเวรดึกที่โรงพยาบาล
พบเข้ากับคุณหมอส่วนตัวของจู่ซือซือที่บนระเบียงทางเดิน ทั้งสองคนทักทายกัน
คุณหมอส่วนตัวเอ่ยถามขึ้นว่า “หญิงตั้งครรภ์ที่พักอยู่กับคุณจู่ที่นั่นคือใครคะ? คุณตรวจเป็นยังไงบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...