รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 246

เปปเปอร์เดินตรงเข้าไปแล้วกอดส้มเปรี้ยวไว้ในอ้อมอก

หากมองในมุมของคนนอกแล้ว ดูเหมือนเขาจะรักและทะนุถนอมเธอมาก

มีแต่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดีว่าอ้อมกอดนี้ไม่มีความอุ่นเลย

“ผู้จัดการร้านครับ เรื่องนี้พวกคุณจะจัดการอย่างไร?” ทันใดนั้นราเม็งก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้แก่มายมิ้นท์ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้จัดการร้านอย่างเยือกเย็น

ผู้จัดการร้านตอบรับก่อนที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ลูกค้าทั้งสี่ท่านครับ เรื่องนี้ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง พวกเราไม่คิดว่าโคมไฟจะตกลงมาได้ นี่เป็นความผิดของทางภัตตาคาร พวกเราจะรับผิดชอบทั้งหมดโดยไม่คิดค่าอาหารของทั้งสี่ท่าน และรับผิดชอบค่ารักษาของคุณผู้หญิงทั้งสอง นอกจากนี้จะมอบบัตรสมาชิกให้หนึ่งใบ ทุกท่านเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

ผู้จัดการร้านมองไปทางราเม็งอย่างระมัดระวังจากนั้นก็หันไปมองเปปเปอร์

จากที่เขามองดูสถานการณ์แล้ว การตัดสินใจน่าจะอยู่ที่ชายหนุ่มทั้งสอง

แต่ราเม็งกลับมองไปที่มายมิ้นท์และเอ่ยถามความคิดเห็นของเธอว่า “พี่คิดว่าเป็นอย่างไร?”

มายมิ้นท์เอามือยกขึ้นกุมคิ้วแล้วพูดว่า “เอาตามที่ผู้จัดการร้านบอกเถอะ ถึงอย่างไรเรื่องนี้จะโทษทางภัตตาคารอย่างเดียวก็ไม่ดี ใครจะไปรู้ละว่าโคมไฟมันจะตกลงมา เป็นเพราะพวกเราโชคไม่ดีด้วยที่นั่งตรงไฟพอดี”

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่พี่สาวผมบอก” ราเม็งหันไปพูดกับผู้จัดการร้าน

ผู้จัดการร้านดีใจมาก เขารีบตอบว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้าใจ ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำลายบรรยากาศของทั้งสองท่าน”

เมื่อกล่าวจบ ผู้จัดการร้านก็หันไปโค้งให้มายมิ้นท์กับราเม็ง

ราเม็งลุกขึ้นพยุงเขาขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองทางเปปเปอร์พูดว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณสองคนมีความคิดเห็นว่ายังไงครับ?”

เปปเปอร์กลัวว่าส้มเปรี้ยวเกิดมีแผนอะไรขึ้นมาอีก จึงได้ขยับริมฝีปากแล้วพูดขึ้นก่อนว่า “เอาตามพวกเขา”

ผู้จัดการร้านจึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

เขากลัวว่าสองคนนี้จะพูดยาก

เนื่องจากว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บที่ใบหน้า อีกทั้งมองดูแล้วก็รู้ว่าเป็นคนที่จัดการยาก

โชคดีเหลือเกินที่คุณผู้ชายท่านนี้เข้าอกเข้าใจคนอื่น หากว่าคุณผู้หญิงเมื่อสักครู่เป็นคนออกหน้าเอง คาดว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ

หลังจัดการกับปัญหาของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการร้านก็ได้ยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

แต่จู่ๆ ในขณะที่กำลังจัดการกับโคมไฟคริสทัลนั้น พนักงานก็พูดขึ้นว่า “ผู้จัดการร้านครับ ไฟนี่มันแปลกจริง”

“มีอะไรเหรอ?” ผู้จัดการร้านเดินเข้าไปดู

มายมิ้นท์และราเม็งรู้สึกประหลาดใจจึงเดินเข้าไปดูด้วย

แม้แต่สายตาของเปปเปอร์ก็เหลือบไปมองทางด้านนั้น

“นี่ไงครับ” พนักงานชี้ไปที่เส้นยึดโคมไฟคริสทัล “เสานี้มันไม่ได้เป็นสนิมหรือสึกกร่อนเลย แต่ทำไมมันถึงขาดได้?”

“อืม......” คำถามนี้ดูเหมือนจะทำให้ผู้จัดการร้านตกตะลึง

ใบหน้าอันซับซ้อนของผู้จัดการร้านมองไปทางเสายึดของโคมไฟคริสทัลอยู่เนิ่นนานโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

ใช่แล้ว เสานี้เชื่อมต่อกับเพดานซึ่งมันค่อนข้างแข็งแรงและใหญ่ อีกทั้งใช้วัสดุเป็นโลหะผสม แข็งแรงทนทาน ต่อให้แผ่นดินไหวก็คงไม่ทำให้มันร่วงลงมา เว้นแต่ว่าจะผุพัง

แต่ว่าโลหะผสมนี้จะไม่ผุพังหรือเกิดเป็นสนิมง่ายๆ ต่อให้มันเกิดสนิมขึ้นก็คงจะเป็นในอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า แต่ภัตตาคารของพวกเขาเพิ่งจะเปิดมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี

“มีใครบางคนต้องการให้เป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?” มายมิ้นท์หรี่ตาแล้วเอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง

ราเม็งพยักหน้า “ดูเหมือนจะเป็นไปได้นะครับ เพราะการที่เหล็กนี้จะขาดเองเป็นไปได้น้อยมาก ถ้าอย่างนั้นคงจะมีคนทำให้มันขาด”

“นั่นหมายความว่าไม่ใช่เป็นฝีมือของคนเหรอคะ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วถาม

ราเม็งกำลังจะตอบ แต่ส้มเปรี้ยวที่นั่งทายาอยู่ด้านข้างพูดขึ้นก่อนว่า “คุณราเม็งคะ เมื่อสักครู่คุณบอกว่าเป็นฝีมือของใครบางคน แต่ตอนนี้ก็มาบอกอีกว่าไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ คุณไม่รู้สึกว่าการที่คุณพูดกลับไปกลับมาแบบนี้ดูไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยเหรอ?”

แววตาของราเม็งเผยถึงความหงุดหงิดออกมา

มายมิ้นท์ใช้มือข้างหนึ่งกุมไปที่แขนซึ่งได้รับบาดเจ็บข้างนั้นแล้วพูดว่า “ราเม็งก็แค่กำลังวิเคราะห์ตามเหตุผลของสถานการณ์ในตอนนี้ ที่คุณพูดว่ากลับไปกลับมาหมายความว่ายังไง? อีกอย่าง การที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่ แต่คุณส้มเปรี้ยวกับแทรกขึ้นกลางคัน คุณไม่รู้สึกว่ามันไร้มารยาทไปหน่อยเหรอคะ อ้อจริงสิ คนหน้าด้านเช่นคุณส้มเปรี้ยวแบบนี้ คงไม่ใส่ใจเรื่องของมารยาทอยู่แล้ว”

“นี่......!” ส้มเปรี้ยวจ้องตาเขม็ง

มายมิ้นท์หัวเราะแล้วพูดว่า “ดูท่าทางกัดฟันกรอดของคุณสิคะ ทำไมล่ะ อยากจะกัดฉันเหรอ? เข้ามาสิ เข้ามากัดฉันเลย!”

เธอชี้นิ้วออกไปเรียกส้มเปรี้ยวเหมือนกับกำลังเล่นกับสุนัข

ร่างกายของส้มเปรี้ยวสั่นสะท้าน ดวงตาของเธอแดงเรื่อ “มายมิ้นท์ คุณหาว่าฉันเป็นสุนัขหรือไง!”

“ฉันไม่ได้พูดเลยนะคะ คุณยอมรับเองต่างหาก ในเมื่อคุณยอมรับว่าตัวเองเป็นสุนัข ก็คงเป็นตามนั้นแหละค่ะ ฉันคงไม่ปฏิเสธ คุณจะทำท่าทางตื่นเต้นไปทำไม?” มายมิ้นท์สะบัดผมแล้วพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย “คนเราสมัยนี้อยู่ๆ ก็อยากจะเป็นสุนัขเสียอย่างนั้น ราเม็ง อย่าได้ไปใส่ใจกับประโยคเมื่อสักครู่เลย เพราะอย่างไรมันก็คนละสปีชีส์กัน พวกเราเป็นมนุษย์ ถ้าจะไปถือสาสุนัขคงจะลดระดับตัวเองน่าดู”

ราเม็งรู้ว่าเธอตะโกนด่าส้มเปรี้ยวแบบนั้นก็เพื่อช่วยตนเอง ทำให้ในใจรู้สึกถึงความอ่อนหวานขึ้นมา สายตาที่มองไปทางมายมิ้นท์ดูอ่อนโยนเข้าไปอีก “ครับพี่ ผมจะฟังตามที่พี่บอก และไม่ไปถือสากับสุนัข”

ผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นฉากการดุด่าอันดุเดือด ก็อดชมอยู่ในใจไม่ได้ว่า เจ้าหมอนี่ สุดยอดจริง

การที่สตรีสองคนทะเลาะกันช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

“พวกคุณ......นี่พวกคุณ......!” ส้มเปรี้ยวชี้ไปที่มายมิ้นท์และราเม็ง นิ้วของเธอสั่นคลอน

แต่มายมิ้นท์กับราเม็งไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ ทั้งสองทำท่าทางเหมือนกับไม่อยากแลมองสุนัขข้างถนน

ส้มเปรี้ยวแทบจะเป็นลมล้มพับ เธอหันไปดึงชายเสื้อของเปปเปอร์ แววตาคู่นั้นเผยถึงความอาฆาตแค้นออกมาโดยไม่ได้ปิดบัง “เปปเปอร์คะ พวกเขากำลังว่าฉันอยู่ คุณไม่ได้ยินหรือไง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว