หลังจากวางโทรศัพท์มือถือลง ส้มเปรี้ยวก็เปิดโซเชียลของตนเองด้วยคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค แล้วพิมพ์คำว่า “ขอขอบพระคุณทุกท่านที่รอคอย สวรรค์ไม่ทำร้ายคนดี เมื่อตอนกลางวันมีแฮกเกอร์คนหนึ่งติดต่อมาที่ฉันและบอกว่าเขาจะช่วยฉัน เผยแพร่หลักฐานในคืนนี้ และหลักฐานกำลังจะถูกเผยแพร่ออกไป ทุกท่านโปรดติดตาม”
หลังจากตรวจสอบคำผิดและยืนยันว่ามันถูกต้องทุกตัวแล้ว มายมิ้นท์จึงกดเผยแพร่โพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป
เดิมทีเธอตั้งใจจะโพสต์คลิปวิดีโอทั้งสองนี้ด้วยตนเอง แต่หลังจากครุ่นคิดดูแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจไป เนื่องจากการันต์จะเผยแพร่โพสต์นั้น หากเธอโพสต์มันอีกก็จะกลายเป็นความไม่จำเป็น
แต่ถึงอย่างไรเมื่อตอนกลางวันเธอสามารถอธิบายได้ว่า เธอมั่นใจว่าจะมีหลักฐานส่งมาในคืนนี้ และแฮกเกอร์ก็ได้ติดต่อเธอล่วงหน้าแล้วจริงๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนอื่นก็จะคิดว่าแอคเคาท์สำรองของการันต์คือแอคเคาท์ของราเม็ง แต่ความผิดนี้คงไม่อาจ ตกอยู่กับการันต์ได้ ต่อให้ที่อยู่IPเป็นของการันต์ แต่ทางตำรวจก็คงคิดว่าเป็นเพราะคอมพิวเตอร์ของการันต์ถูกแฮกเกอร์เช่นราเม็งแฮกไป ด้วยเหตุนี้การันต์ก็จะปลอดภัย
เมื่อมายมิ้นท์โพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป พวกผู้คนที่รอดูอยู่ก็เห็นความเคลื่อนไหวของเธอทันที
บนโลกออนไลน์คึกคักขึ้นมาทันใด
“นั่นไงหลักฐานกำลังจะมาแล้ว!”
“ตอนแรกคิดว่าเธอพูดไปอย่างนั้น แต่ดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นเรื่องจริงนะ”
“ไร้สาระ มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน! เธอมีแฮกเกอร์ผู้เก่งกาจคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง จะเผยแพร่ข่าวปลอมออกมาได้ยังไง? แต่ว่าฉันอิจฉาจังเลย ฉันเองก็หวังว่าจะมีแฮกเกอร์คอยช่วยฉันอย่างลับๆ แบบนี้ ฉันจะได้ไม่ถูกใครรังแกอีก”
“พวกเธอคิดว่าเทพแห่งแฮกเกอร์คนนั้นแอบชอบมายมิ้นท์หรือเปล่า เมื่อตอนกลางวันที่เขาลงมือ ก็จัดการกับนักเลงคีย์บอร์ดเหล่านั้นได้หมด อีกทั้งยังช่วยทางประเทศค้นหาหนอนบ่อนไส้ออกมาเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตล้วนพูดกันว่ามายมิ้นท์เป็นผู้หญิงที่ชาวเน็ตไม่ควรยั่วยุ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกเทพแฮกเกอร์เปิดโปงข้อมูล ไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน!”
เมื่อเห็นคอมเม้นต์เหล่านี้ มายมิ้นท์ก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
เป็นผู้หญิงที่ไม่ควรยั่วยุมากที่สุด?
นี่มันอะไรกัน ตลกยิ่งกว่าคำพูดที่บอกว่าราเม็งแอบชอบเธอเสียอีก
แต่ให้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ในอนาคตหากชาวเน็ตจะกล่าวถึงเธอคงต้องชั่งใจสักเล็กน้อย
ณ คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์
เปปเปอร์กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานและเปิดดูการเคลื่อนไหวของมายมิ้นท์บนอินเทอร์เน็ตเช่นกัน เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะโทรศัพท์กลับไปหาเธอ
เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่าเป็นสายจากเขา และนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเขาช่วยเธอเอาไว้จึงไม่ปฏิเสธ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไว้ข้างหู “สวัสดีค่ะประธานเปปเปอร์”
“เชื่อถือได้ไหม?” เปปเปอร์ถาม
มายมิ้นท์กะพริบตารัว “ประธานเปปเปอร์หมายถึง?”
“หลักฐานที่อีกสักครู่ชายเจ้าเล่ห์จะทำการเผยแพร่ออกไป” เปปเปอร์ตอบ
มายมิ้นท์พยักหน้า “เชื่อถือได้ค่ะฉันเห็นมันแล้ว มีคลิปอยู่สองคลิป ในเนื้อหานั้นส้มเปรี้ยวสารภาพความผิดของเธอที่ก่ออาชญากรรมครั้งนี้ขึ้นมาเอง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดเปปเปอร์ก็โล่งใจแล้วตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ”
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของมายมิ้นท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
เธอจึงยกมันออกมาแล้วมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพูดกับเปปเปอร์ว่า “ประธานเปปเปอร์คะ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ พอดีมีสายเรียกซ้อน ฉันขอวางสายก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบเธอก็วางสายของเปปเปอร์โดยไม่ลังเล
ริมฝีปากของเปปเปอร์เหยียดยาวเป็นเส้นตรง สีหน้าของเขาดูไม่ดีเลย
ใครกันแน่โทรมาหาเธอในเวลาแบบนี้?
โทรศัพท์สายนั้นเป็นสายของลาเต้ และเขาก็ถามถึงเรื่องหลักฐานที่อีกประเดี๋ยวแฮกเกอร์จะทำการเผยแพร่เช่นกัน
แต่เธอคิดว่าต่อให้ชวนชมจะเสแสร้งแกล้งทำ ท้ายที่สุดแล้วนิสัยใจคอของเธอก็คงจะเป็นแบบนั้น
ทว่าตอนนี้เธอพบว่าเธอผิดไปแล้ว ผิดอย่างมหันต์!
รอยยิ้มอันมืดมนและเจ้าเล่ห์บนใบหน้าซีดเสียวของชวนชมปรากฏขึ้น “ที่เธอพูดก็ไม่ผิดหรอกนะ ฉันแค่แสดงออกมา และสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้คือตัวตนที่แท้จริงของฉัน!”
ก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งเดือน คนของทามทอยเดินทางเข้าไปในชนบทเพื่อค้นหาตัวแทนของชวนชม ในตอนนั้นเธอกำลังเกี่ยวข้าวอยู่ในนา บังเอิญได้ยินคนของทามทอยเอ่ยถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสมาถึงแล้ว
ตั้งแต่เล็ก เธอใช้ชีวิตในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เธอไม่เคยกินอิ่มไม่เคยใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น แต่ละวันมีงานมากมายที่ทำไม่รู้จักจบสิ้นรอเธออยู่ ต้องถูกเฆี่ยนตีอย่างไม่มีวันจบ แม้แต่เธอหลับฝันก็อยากจะออกไปจากบ้านนี้เหลือเกิน แต่เธอไม่มีการศึกษาอีกทั้งบัตรประจำตัวประชาชนก็ถูกพ่อแม่ที่ใจร้ายเก็บเอาไว้ เธอจึงไปไหนไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงคิดหาวิธีแหละแกล้งทำตัวเป็นคนน่าสงสารขี้ขลาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้มองไปรู้สึกว่าตนควบคุมง่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ประกอบกับดวงตาของเธอ เธอจึงเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสสูงที่จะถูกเลือก ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ถูกเลือกจริงๆ เมื่อเดินทางมาที่บ้านภักดีพิศุทธิ์ เธอจึงได้ค้นพบว่าการตัดสินใจของเธอถูกต้องแล้ว
เธอมีพ่อแม่ที่รักเธอ เงินทอง ความร่ำรวยต่างๆ มากมายที่ใช้ไม่หมดไม่สิ้น และสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆ มากมาย เธอได้รับในสิ่งที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะฝันก่อนหน้านี้ แต่กลับมีบางอย่างที่ไม่งดงามนักปรากฏขวางอยู่ นั่นก็คือน้องสาวคนนี้
น้องสาวของเธอคนนี้ต้องการจะขับไล่เธอออกไป และคิดว่าเธอไม่อยากจะขับไล่น้องสาวคนนี้ออกไปเหรอ?
ในขณะที่กำลังคิดอยู่เช่นนั้น ส้มเปรี้ยวก็เข้ามาผลักชวนชม “เหอะๆ ในที่สุดก็ยอมรับสักทีสินะว่าแกเสแสร้งแกล้งทำ ฉันจะบอกกับพ่อเเม่ ให้พ่อแม่เห็นนิสัยสันดานของแกที่แท้จริง!”
“บอกพ่อแม่เหรอ?” ชวนชมเซออกไปเนื่องจากถูกเธอผลัก หลังจากที่ทรงตัวได้แล้วเธอก็ตอบกลับอย่างเหยียดหยามว่า “ก็ไปสิ มาดูกันว่าพ่อกับแม่จะเชื่อฉันหรือเชื่อแก แม้ว่าฉันจะกลับมาเป็นระยะเวลาไม่นานแต่ฉันก็พอจะรู้จักแกอยู่บ้าง แกเนี่ยมันเป็นคนที่เต็มไปด้วยคำโกหก พ่อกับแม่ไม่เชื่อคำโกหกไร้สาระของแกหรอก พวกเขาจะคิดว่าแกต้องการใส่ร้ายฉัน หลังจากนั้นก็ยิ่งรักและทะนุถนอมฉันมากขึ้น”
“แก……!” ส้มเปรี้ยวเบิกตากว้าง เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
นั่นสินะ ในใจของพ่อแม่ตอนนี้เต็มไปด้วยชวนชม ทะนุถนอมชวนชมดั่งกับไข่ในหิน จะไปเชื่อเรื่องที่เธอบอกว่าชวนชมเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารออกมาได้อย่างไร?
ใบหน้าบูดเบี้ยวของส้มเปรี้ยวจับจ้องไปบนใบหน้าของชวนชม ต่อให้พ่อกับแม่ไม่เชื่อฉัน “แต่มีสักวันหนึ่ง ฉันจะให้พ่อกับแม่เห็นด้วยตาตัวเองว่าแกเป็นคนยังไง!”
“ฉันกลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วน่ะสิ” ชวนชมยักไหล่และเยาะเย้ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...