ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจของคุณนายราศรี ทำให้ภายในใจของมายมิ้นท์รู้สึกอบอุ่น“ขอบคุณคุณป้าที่ไม่โทษฉันนะคะ”
“ขอบคุณอะไรกัน คุณไม่ได้ผิดแต่แรกอยู่แล้วนี่”คุณนายราศรีได้ดื่มกาแฟและพูดอีกครั้งว่า:“จะว่าไป ทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษฉันกับคุณพ่อของเต้”
“ห๊ะ?”มายมิ้นท์ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของเธอว่าหมายถึงอะไรเล็กน้อย
คุณนายราศรีได้นวดหว่างคิ้วเล็กน้อย“ฉันกับคุณพ่อของเต้ สอนเต้เข้มงวดมากเกินไป หลายๆเรื่องไม่เคยให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเองเลย ดังนั้นจึงทำให้เต้ได้ขาดความกล้าหาญในหลายๆเรื่องไป ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก หรือว่าด้านการงาน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณนายราศรีก็ได้ดื่มกาแฟอีกครั้งหนึ่ง ถอนหายใจและพูดว่า :“ฉันกำลังคิดว่า หากว่าในตอนนั้นฉันและคุณพ่อของเขา สามารถลดความเข้มงวดที่มีต่อเต้ลงเล็กน้อย ให้เต้เป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองทุกอย่าง บางทีตัวของเต้อาจจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ และหลังจากที่รู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกกับคุณยังไง ก็จะสารภาพรักกับบคุณแล้วก็ได้”
มายมิ้นท์ยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร
คุณนายราศรีได้มองไปที่เธอ“มิ้นท์ คุณตอบคุณป้าอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ หากเมื่อหลายปีก่อนเต้ได้สารภาพรักกับคุณ เป็นไปได้ไหมที่คุณจะคบหากับเต้?”
คำถามนี้ ถามจนมายมิ้นท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพักถึงจะเอ่ยปากพูด และได้ตอบกลับว่า:“ฉันไม่รู้เลยค่ะ ฉันสามารถพูดได้แค่ว่า ถ้าหากเต้ได้สารภาพรักกับฉัน ก่อนที่ฉันจะพบเจอกับเปปเปอร์ บางทีอาจจะเป็นไปได้มั้งคะ”
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วในตอนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลาเต้ ยังไม่พัฒนาถึงขั้นเป็นเพื่อนซี้กันมากเลย ไม่แน่เธออาจจะรู้สึกหวั่นไหวกับลาเต้จริงๆก็ได้
เมื่อได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์แล้ว คุณนายราศรีรู้สึกเสียใจพร้อมส่ายหัว และใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจที่เขาไม่ได้เรื่องเลย“เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลยว่าเป็นเต้เองที่ไม่ได้เรื่อง เป็นสิ่งที่ตัวเองพลาดและปล่อยให้หลุดมือไปเอง”
ก็เหมือนกับที่มายมิ้นท์พูดเช่นนั้น หากว่าเต้ได้สารภาพรักกับมิ้นท์ในตอนนั้น เป็นไปได้ที่มิ้นท์จะคบหากับเต้แล้วก็ได้
แต่เต้เองที่ไม่มีความกล้าหาญนั้นเลย
“ฉันเข้าใจแล้ว”คุณนายราศรียิ้มแห้งเล็กน้อย“ดังนั้นแล้วมิ้นท์ คุณกับเต้นั้นเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมคะ?”
มายมิ้นท์พยักหน้า ตอบกลับไป“ขอโทษนะคะคุณป้า ฉันไม่มีความคิดแบบนั้นกับเต้เลยจริงๆค่ะ”
“โอเค คุณป้าเข้าใจแล้วค่ะ”คุณนายราศรีได้คนกาแฟ“อันที่จริงที่วันนี้ฉันเรียกคุณมานั้น เพียงแค่ต้องการถามว่าระหว่างคุณกับเต้นั้นมีสิทธิ์เป็นไปได้ไหม ต้องการคำตอบที่ชัดเจน หากว่าเป็นไปได้ ฉันที่เป็นแม่คนหนึ่งก็ไม่อายที่จะเสียหน้า และขอโอกาสให้เต้อีกครั้งหนึ่ง แต่หากว่าเป็นไปไม่ได้ ฉันก็จะได้กลับไปเกลี้ยกล่อมเต้ดีๆ ให้เต้ได้ปล่อยมือ มิเช่นนั้นมันก็เป็นการกดดันสำหรับคุณด้วย”
“คุณป้าคะ ขอบคุณนะคะ……”มายมิ้นท์รู้สึกซาบซึ้งจนดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ
คุณนายราศรีได้แตะที่หลังมือของเธอด้วยความรักและความเมตตา “ขอบคุณอะไรกันล่ะ ฉันทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำเพื่อคุณ แต่ที่มากกว่านั้นก็เพื่อเต้ด้วย คุณไม่ชอบเต้ หากฉันบังคับให้คุณคบหากับเต้อีก เต้ก็คงไม่มีความสุขเช่นกัน ดังนั้นฉันเกลี้ยกล่อมให้เต้ปล่อยมือจากคุณจะดีกว่าอีก”
“ที่คุณป้าพูดมามันก็มีเหตุผลอยู่ค่ะ”มายมิ้นท์พยักหน้า
ทั้งสองคนได้นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟประมาณหนึ่งชั่วโมง
ท้ายที่สุดคุณนายราศรีได้รับสายเรียกเข้าโทรศัพท์จากเพื่อน ได้ชวนให้เธอไปร้านเสริมสวยไปทำสปากัน จึงจะบอกลามายมิ้นท์ไป และเดินออกจากร้านกาแฟ
มายมิ้นท์ได้ส่งคุณนายราศรีถึงริมถนน เมื่อเห็นคุณนายราศรีขึ้นรถแล้ว ตัวเธอเองถึงจะกลับไปที่ร้านกาแฟเพื่อไปเช็กบิล
หลังจากที่เช็คบิลแล้ว เธอก็เตรียมตัวจะกลับไป
แต่ทันทีที่เดินออกจากร้านกาแฟ ก็ได้รับสายเรียกเข้าโทรศัพท์จากเปปเปอร์
“ประธานเปปเปอร์”มายมิ้นท์เอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกับเดินไปทางรถของตัวเอง
เมื่อเปปเปอร์ได้ยินชื่อที่เธอเรียกนั้น ขมวดคิ้วทันที
ชื่อที่เรียกนี้มันดูห่างเหินเกินไปแล้ว
หาโอกาสให้เธอเปลี่ยนคำให้ได้เลย
“ได้ยินบอดี้การ์ดพูดว่า คุณนายราศรีได้นัดเจอคุณหรือ?”เปปเปอร์ยืนอยู่ตรงหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานของออฟฟิศ และมองออกไปดูเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนั้นพร้อมถาม
มายมิ้นขมวดคิ้วทันที“ประธานเปปเปอร์ หรือว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้นของคุณ ยังคงฟังคำพูดของคุณแล้วมาเฝ้าระวังฉันหรือคะ?”
พอฟังคำพูดของเธอนั้นไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เปปเปอร์จึงจะรู้ตัวทันที ว่าคำพูดตัวเองเมื่อสักครู่ทำให้เธอเข้าใจผิดแล้ว และได้รีบอธิบายด้วยริมฝีปากอันบาง“ผมไม่ได้ให้พวกเขาเฝ้าระวังคุณนะ คุณต้องการทำอะไร พวกเขาก็ไม่มารายงานให้ผม มีเพียงเรื่องเดียวถึงจะมารายงาน ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณ”
“ความปลอดภัย?”มายมิ้นท์ได้เปิดประตูรถที่นั่งคนขับและได้นั่งเข้าไป ปิดประตูรถพูดด้วยความไม่พอใจว่า:“ฉันแค่ไปพบเจอกับคุณป้า มีอะไรไม่ปลอดภัยหรือคะ?”
“คุณลืมแล้วหรือ ว่าคุณเกือบจะทะเลาะกับลาเต้แล้ว ผมกลัวว่าคุณนายราศรีจะรักลูกมากเกินไป แล้วมาหาเรื่องกับคุณ”เปปเปอร์หันกลับไปทางโต๊ะทำงานแล้วเดินตรงไป
ที่แท้ความปลอดภัยที่เขาเป็นห่วงเธอคือเรื่องนี้เอง!
ขณะที่พูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจอง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เลขาซินดี้ได้ส่งรหัสตั๋วไปให้มายมิ้นท์“ประธานมายมิ้นท์คะ ได้จองตั๋วเรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นช่วงบ่ายสองในอีกสามวันข้างหน้าเป็นชั้นเฟิร์สคราสค่ะ”
มายมิ้นท์ตอบกลับด้วยความพึงพอใจว่า:“โอเค ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คุณออกไปก่อน……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น
มายมิ้นท์หันศีรษะไปดู“เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก ลาเต้ได้ผลักประตูเข้ามา สีหน้าดูเร่งรีบอย่างมาก ราวกับว่าเกิดเรื่องสำคัญอะไรขึ้นเช่นนั้น
เมื่อเลขาซินดี้เห็นเขา สีหน้าก็ได้เปลี่ยนในทันที จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอย่างลุกลี้ลุกลน กลัวจะถูกเขามองเห็นเช่นนั้น ลดความรู้สึกการมีตัวตนอยู่ของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริง ลาเต้ก็ไม่เห็นเธอเลยจริงๆ
สายตาของเขาในตอนนี้มีแต่มายมิ้นท์เท่านั้น ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นและสิ่งของใดจริงๆ
เขามาถึงตรงหน้าของมายมิ้นท์ มือทั้งสองข้างวางบนโต๊ะ หายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย
มายมิ้นท์มองดูเขา บนใบหน้าปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย“เต้ คุณมาได้ยังไงหรือ?”
สองวันมานี้ เนื่องจากพวกเขาได้‘ทะเลาะ’ เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอมาโดยตลอด แต่เธอกลับโทรไปหาเขา และส่งข้อความให้เขา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับของเขาเลย
ดังนั้น เธอจึงกังวลอยู่เสมอว่าเขาจะทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ด้วยเหตุนี้ และทำเรื่องอะไรที่โง่เขลาออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ที่ได้ยินคุณป้าพูด ว่าเขายังคงไปดื่มเหล้าให้มึนเมาอยู่ ภายในใจของเธอยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นเธอจึงมีความสุข ที่ได้พบเขาที่นี่ในตอนนี้
“คุณแม่ของผมได้มาหาคุณแล้วใช่ไหม?”ลาเต้ถามด้วยอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่สม่ำเสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...