รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 553

มายมิ้นท์พยักหน้า ก็ไม่ได้ปกปิดเขา“ใช่”

สีหน้าของลาเต้ดูเคร่งขรึมลงทันที “แม่ของผมได้พูดอะไรกับคุณ?”

“คุณป้าไม่ได้พูดอะไรนี่ เพียงแต่พูดถึงความสัมพันธ์ในตอนนี้ของพวกเราเอง”มายมิ้นท์มองไปที่เขาและตอบ

ลาเต้กำหมัดแน่น“นี่เป็นเรื่องของผม ใครให้เธอเข้ามายุ่ง?”

เมื่อเห็นเขาไม่พอใจกับสิ่งที่คุณนายราศรีเข้ามายุ่ง มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“เต้ คุณป้าก็หวังดีกับพวกเรานะ”

“ผมไม่ต้องการให้เธอมาทำเช่นนี้!”ดูเหมือนว่าลาเต้จะโกรธมาก ใบหน้าก็แดงก่ำไปหมด

“เต้……”

“พอได้แล้ว!”ลาเต้หายใจเข้าลึกๆ ระงับความหงุดหงิดในใจของเขาเอาไว้ พูดอย่างเย็นชาว่า:“พอได้แล้วที่……ไม่สิ มิ้นท์ ผมเรียกคุณเช่นนี้ได้ไหม?”

เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินชื่อที่เขาเรียกตัวเองใหม่นั้น ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า“แน่นอน”

การเห็นด้วยของเธอ ในที่สุดก็ทำให้สีหน้าของลาเต้ดีขึ้นมาเล็กน้อย“ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ผมทำให้คุณตกใจแล้วหรือเปล่า ก่อนหน้านั้นจู่ๆผมก็ได้รับสายจากคุณแม่ของผม เธอบอกว่าเธอได้มาคุยกับเธอแล้ว ให้ผมไม่ต้องรู้สึกกับตัวคุณอีกในหลังจากนี้ ผมเป็นห่วงว่าเธออาจจะพูดคำพูดอะไรแรงๆกับคุณ ดังนั้นจึงได้มาหาคุณ”

มายมิ้นท์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่ว่าคุณคิดมากไปแล้ว คุณป้าไม่ได้พูดคำพูดแรงๆกับฉันเลย เธออ่อนโยนกับฉันมาโดยตลอด”

“ถ้างั้นผมก็วางใจแล้ว”ลาเต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในสองวันที่ผ่านมานี้ เขาอารมณ์ไม่ดีเลย ดื่มเหล้า และไม่ออกจากบ้าน ทำตัวเองจนหมดสภาพสุดที่จะทนได้ นั่นเป็นสาเหตุของตัวเขาเองทั้งนั้น

ดังนั้นตอนที่ได้ยินท่านแม่ใหญ่ไปหามายมิ้นท์นั้น เขากลัวว่าท่านแม่ใหญ่ของตัวเองจะไปโทษมายมิ้นท์เพราะเรื่องนี้

แต่ยังโชคดี ที่ท่านแม่ใหญ่ของเขาไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น

“เต้”มายมิ้นท์ลุกขึ้นยืนทันที “คุณไม่พอใจกับการที่คุณป้ามายุ่งเรื่องของพวกเรามากเลยใช่ไหม?”

เมื่อลาเต้ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าดูเคร่งขรึมขึ้นมา“ก็มีอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ขนาดนั้น”

เขายอมรับ ว่าในความสัมพันธ์ของตัวเองที่มีต่อมายมิ้นท์นั้น เขาไร้ความสามารถ และก็ไม่มีประโยชน์เลย

แต่เขาก็อายุสามสิบปีแล้ว ไม่ต้องการให้คุณแม่ของตัวเองมายุ่งเรื่องนี้ เพื่อแก้ไขให้เขาอีกน่ะสิ

มันน่าอายมากเลยยังไงล่ะ

ดังนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขามีปฏิกิริยาที่ตอบสนองอย่างมาก กับเรื่องที่คุณแม่ของเขาได้ไปหามายมิ้นท์เรื่องนี้

“เต้ จริงๆแล้วคุณป้าก็เป็นห่วงคุณมากนะ”มายมิ้นท์พูดด้วยการเกลี้ยกล่อม

ลาเต้ได้มองดูนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง“ผมเข้าใจ พอได้แล้ว นี่ก็ไม่เช้าแล้ว ผมควรกลับแล้วล่ะ

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินตรงไปทางประตู

หลังจากที่เดินได้สองก้าว ทันใดนั้นเขาก็พบเห็นการมีตัวตนอยู่ของเลขาซินดี้ หรี่ตาลงเล็กน้อย“คุณ ออกมากับผมหน่อย”

ร่างกายของเลขาซินดี้สั่นเทา ศีรษะของเธอก้มลงมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา“ค่ะ”

ทั้งสองคนเดินตามกันแล้วออกจากออฟฟิศของมายมิ้นท์ไป

มายมิ้นท์มองดูจากด้านหลังของพวกเขา เอียงศีรษะพร้อมกับใบหน้าที่มีความสงสัย

แปลกจัง ทำไมเธอรู้สึกว่าเลขาซินดี้เหมือนจะกลัวเต้มากเลย?

เห็นได้ชัดว่านี่มันผิดปกติมากเลย

เลขาซินดี้ได้ติดตามเต้มาแต่เนิ่นนานแล้ว เป็นเลขาของเต้มาเป็นเวลาหลายปี พึ่งจะถูกเต้สั่งให้ย้ายมาช่วยเหลือเธอเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเอง

ดังนั้นแล้วเลขาซินดี้มีความเคารพต่อเต้นั้นมีอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางที่จะมีความเกรงกลัวต่อเขาอย่างแน่นอน

แล้วทำไมตอนนี้เลขาซินดี้ถึงได้กลัวเต้ขึ้นมาล่ะ?

ระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ข้างนอกประตูนั้น ลาเต้ได้พาเลขาซินดี้มาถึงตรงหน้าลิฟต์

ลาเต้หันกลับมา มองลงมาที่เลขาซินดี้ พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เรื่องในวันนั้น คุณไม่ได้บอกกับเธอใช่ไหม?”

เธอในที่นี้หมายถึงใครนั้น เลขาซินดี้ไม่ต้องคิดให้เยอะก็รู้ว่าเป็นใคร

เลขาซินดี้รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้บอกค่ะ ไม่ได้บอกแน่นอน ถึงแม้ว่าคุณไม่พูด ฉันก็ไม่มีทางบอกกับประธานมายมิ้นท์แน่นอนค่ะ”

สีหน้าของลาเต้ดูโล่งอกทันที“ถ้างั้นก็ดี อย่าลืมที่คุณเคยตอบตกลงกับผมไว้นะ ว่าจะไม่มีทางให้เธอได้รับรู้เด็ดขาด”

“ฉันจำไว้แล้วค่ะ”เลขาซินดี้ตอบอย่างเสียงเบา

เลขาซินดี้ได้เอ่ยปากพูด ด้วยน้ำเสียงที่พูดไม่ค่อยออกว่า:“ฉันรู้ แต่ฉันเต็มใจที่จะทน ฉันสามารถรอคุณจนลืมเธอได้”

“นั่นก็ไม่ได้ ผมยอมรับไม่ได้”หลังจากที่ลาเต้พูดคำนี้จบ ก็เดินตรงเข้าไปที่ลิฟต์และจากไปทันที

เลขาซินดี้มองดูประตูลิฟต์ที่ปิดลงอย่างช้าๆนั้น กลับร้องไห้อยู่ภายในใจ

ที่ไม่ไกลนัก มายมิ้นท์ที่ยืนดูฉากนี้อยู่ตรงหน้าประตูออฟฟิศ ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว

แม้ว่าจะอยู่ห่างกันเล็กน้อย เธอฟังไม่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังพูดอะไรอยู่ แต่มองดูสีหน้าท่าทางของเลขาซินดี้แล้ว เธอก็พอจะเดาได้นิดหน่อย

คาดว่าคำสารภาพรักของเลขาซินดี้ จะถูกปฏิเสธโดยเต้แหละมั้ง

ได้ถอนหายใจครู่หนึ่ง และมายมิ้นท์ได้เดินไปหา“เลขาซินดี้”

เมื่อเลขาซินดี้ได้ยินเสียงของเธอ รีบยกมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ถอดแว่นแล้วได้เช็ดน้ำตา จนแน่ใจว่าที่เบ้าตานั้นไม่มีน้ำตาแล้ว จึงจะสวมแว่นตาอีกครั้งและหันกลับไป“ค่ะ ประธานมายมิ้นท์”

มายมิ้นท์หยิบกระดาษทิชชูแบบพกพาออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้“ใช้นี่เช็ดสิ ใช้มือเช็ดมันมีแบคทีเรียนะ”

“……”เลขาซินดี้มองดูกระดาษทิชชูที่อยู่ตรงหน้า หลังจากได้เงียบลงครู่หนึ่งนั้น ก็ได้ยื่นมือรับมา“ขอบคุณนะคะประธานมายมิ้นท์”

“ไม่เป็นไร”มายมิ้นท์ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองที่ลิฟต์“เมื่อกี้คุณได้สารภาพรักกับเต้หรือ?”

ท่าทีที่เลขาซินดี้เช็ดน้ำตาอยู่ก็ได้ชะงักทันที และจากนั้นได้ตอบรับไป“ถูกปฏิเสธแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก”มายมิ้นท์ได้แตะที่ไหล่ของเธอ“ครั้งนี้ถูกปฏิเสธแล้ว ครั้งหน้าค่อยเอาใหม่ ฉันเชื่อคุณว่าต้องมีสักวัน ที่สามารถทำให้เต้หวั่นไหวได้ เรื่องบางเรื่อง จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณอดทนและไม่ท้อถอยนะ”

เลขาซินดี้เงยหน้าขึ้นมองไปที่มายมิ้นท์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“แต่ว่าประธานมายมิ้นท์คะ ประธานลาเต้ก็ได้รักคุณมาเป็นเวลาหลายปี มันก็ไม่สำเร็จเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ?ฉันอดทนและไม่ท้อถอยแล้วจะสำเร็จจริงหรือคะ?”

เธอไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นัก

มายมิ้นท์ก้มหน้าลงและหัวเราะ“ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ?แล้วอีกอย่างมีคำหนึ่งที่คุณพูดผิดแล้ว เต้รักฉันมาเป็นเวลาหลายปีก็จริง แต่เขาไม่เคยแสดงให้ฉันเห็นเลยสักนิด ในสิ่งที่เขารักฉัน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขารักฉัน เขาก็ไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลยสักครั้ง ดังนั้นเขาถึงได้ไม่สำเร็จยังไงล่ะ แต่คุณนั้นไม่เหมือนกัน คุณได้สารภาพรักกับเขาแล้ว ตั้งใจไปตามจีบเขา บางทีอาจจะทำให้เขาหวั่นไหวได้จริงๆ”

เมื่อได้ยินมายมิ้นท์พูดเช่นนี้ เลขาซินดี้ก็ครุ่นคิดทันที“บางทีสิ่งที่คุณพูดก็มีเหตุผลนะคะประธานมายมิ้นท์”

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมไม่ทำตามเลยสิ?”พอมายมิ้นท์พูดจบ ก็เอามือที่แตะไหล่เธอกลับมา และได้หันหลังกลับไปที่ออฟฟิศของตัวเอง

เลขาซินดี้มองจากด้านหลังของเธอ และได้กำมือแน่น ราวกับว่ากำลังสับสนอะไรอยู่

ผ่านไปสักพัก เธอได้สูบหายใจเข้าลึกๆ ตะโกนพูดบอกมายมิ้นท์ว่า:“ขอบคุณนะคะประธานมายมิ้นท์ ฉันรู้แล้วค่ะจะต้องทำยังไง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว