เช้าวันรุ่งขึ้น มายมิ้นท์ได้รับโทรศัพท์จากการันต์ บอกว่าให้เธอไปรับยาที่โรงพยาบาล
ตั้งแต่ที่เธอโดนราเม็งวางยาไป แล้วกระทบกระเทือนโดนมดลูก เธอก็ต้องกินยาปรับสภาพร่างกายมาตลอด
และการกินยาแบบนี้ ก็ได้กินไปหลายชุดแล้ว ดังนั้นพอการันต์มาบอกเธอ ว่าสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาขั้นต่อไปได้แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ยาชุดที่เธอกินอยู่ก็ต้องเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน
“ฉันรู้แล้วค่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเข้าไปนะคะ” มายมิ้นท์ตอบกลับไปประโยคหนึ่งให้การันต์ที่อยู่ปลายสาย จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลง แล้วออกจากบ้านไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป
“ประธานมายมิ้นท์” เลขาซินดี้ยืนรออยู่ที่หน้าห้องทำงานของมายมิ้นท์ พอเห็นเธอออกมาจากลิฟต์ ก็รีบโค้งทำความเคารพให้ทีหนึ่ง “ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ”
มายมิ้นท์ยิ้มให้เธอเล็กน้อย “ขอบใจ”
เลขาซินดี้เปิดประตูห้องทำงานให้กับเธอ แล้วก็ทำท่าเชื้อเชิญขึ้นมาทีหนึ่ง
มายมิ้นท์กำลังจะเข้าไปแล้ว อยู่ ๆ ก็เห็นอะไรบางอย่าง แล้วก็หยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็จ้องอยู่ที่ใบหน้าของเลขาซินดี้ แล้วถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เลขาซินดี้ ช่วงสองวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เหรอ? ฉันว่าคุณดูเหมือนมีสภาพที่เหน็ดเหนื่อยมากเลยนะ?”
เลขาซินดี้ลูบใบหน้าของตัวเองเล็กน้อย ในดวงตามีความรู้สึกขมขื่นกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง และหายวับไปทันที แล้วเบ้ปากขึ้นมาเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า “ขอบคุณประธานมายมิ้นท์ที่เป็นห่วงค่ะ ช่วงสองวันมานี้มีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยไม่ค่อยได้นอนดี ๆ ค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ ต้องการความช่วยเหลือไหม?” แล้วมายมิ้นท์ก็ถามขึ้นมาอีก
เลขาซินดี้ส่ายหน้าขึ้นมา “ไม่ต้อง ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เรื่องระหว่างเธอกับประธานลาเต้ จะให้ประธานมายมิ้นท์รู้ไม่ได้เด็ดขาด
พอเห็นเลขาซินดี้ยืนกรานว่าสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก แล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย “งั้นก็ดี ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วย คุณก็พูดมาได้เลยนะ”
“ได้ค่ะประธานมายมิ้นท์” เลขาซินดี้ยิ้มอย่างซาบซึ้งขึ้นมา
มายมิ้นท์ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงาน
เลขาซินดี้ก็รีบตามเข้าไปด้วย เดินตามไปด้วย และรายงานตารางงานวันนี้ไปด้วย
ในตอนที่ได้ยินว่าบ่ายสองโมงวันนี้ จะต้องไปเข้าร่วมการประชุมพลังงานใหม่ที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์นั้น เธอก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ต้องไปประชุมที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์เหรอ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นมา และขอคำยืนยันอย่างไม่แน่ใจ
เลขาซินดี้ขยับแว่นตาเล็กน้อย “ใช่ค่ะประธานมายมิ้นท์”
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันรู้แล้ว ที่แท้ก็รอฉันอยู่ที่นี่นี่เอง”
ถึงว่าเมื่อวานเปปเปอร์ถึงได้พูดว่าพรุ่งนี้เจอกัน
คิดว่าเขาคงจะวางแผนการประชุมในวันนี้ไว้ตั้งนานแล้วมั้ง
“หมายความว่ายังไงเหรอคะประธานมายมิ้นท์?” เลขาซินดี้ไม่รู้ว่ามายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ พอได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัย
มายมิ้นท์นวดขมับเล็กน้อย “ไม่มีอะไร เบื้องบนได้บอกมาไหมว่า การประชุมพลังงานใหม่ในวันนี้มีหัวข้อสำคัญคืออะไรบ้าง?”
“ได้บอกมาค่ะ” เลขาซินดี้รีบเปิดเอกสารที่อยู่ในมือไปหน้าหนึ่ง แล้วยื่นให้กับเธอ “เพราะว่าความสามารถของพลังงานใหม่ได้ผ่านการทดลองใช้มาช่วงหนึ่งแล้ว ดังนั้นหัวข้อหลักของการประชุมในครั้งนี้ ก็คือจะให้ผู้ร่วมงานทุกท่าน อธิบายเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียที่บริษัทตัวเองมีต่อพลังงานใหม่ และให้ดูว่ามีตรงไหนต้องแก้ไขหรือเปล่า ถ้าหากไม่มี พลังงานใหม่ก็จะออกสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบแล้วค่ะ”
“อ๋อ เหรอ?” มายมิ้นท์เชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย พอรับเอกสารไปแล้ว ก็เริ่มตรวจดูขึ้นมา
พอดูจบแล้ว เธอก็ส่งคืนกลับไป “ได้ ฉันพอเข้าใจโดยรวมแล้ว คุณช่วยไปรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคนทั่วไปที่ได้ทดลองใช้พลังงานใหม่มาให้หน่อยนะ รวบรวมเสร็จแล้วก็ส่งมาให้ฉันก็พอ”
“ได้ค่ะประธานมายมิ้นท์” เลขาซินดี้รับเอกสารกลับมา แล้วก็หมุนตัวเดินออกไป
พอถึงช่วงใกล้เวลาพักเที่ยง เธอก็เอาเอกสารที่รวบรวมเสร็จแล้วไปส่งให้กับมายมิ้นท์
มายมิ้นท์เอาเอกสารเก็บเข้าไปในซองเอกสาร แล้วสะพายกระเป๋าขึ้นมา แล้วขับรถออกไปจากเทนเดอร์กรุ๊ป มุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาล กะว่าจะไปเอายาที่โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์
ในเมื่อตอนบ่ายสองโมงถึงจะเริ่มประชุม
พอมาถึงโรงพยาบาลนิวเวอร์ มายมิ้นท์ก็ตรงไปที่ห้องทำงานของการันต์
“งั้น……”
“เป็นเรื่องจริง!”
“ห๋า?” มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไป
การันต์หยุดฝีเท้าลงแล้วจ้องมองไปที่เธอ “ที่เปปเปอร์พูดมาเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นเขาโดนคนสะกดจิตจริง ๆ ที่สำคัญคนที่สะกดจิตเขา ก็คือศิษย์พี่ของผมเอง”
นัยน์ตาของมายมิ้นท์เบิกโตขึ้นมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “ศิษย์พี่เหรอคะ?”
“ใช่” การันต์พยักหน้าขึ้นมา “แต่ว่าผมก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้ว่าเปปเปอร์โดนศิษย์พี่ผมสะกดจิตไป จนเมื่อสองเดือนที่แล้ว เปปเปอร์เกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมา ก็เลยทำให้ผลการสะกดจิตในสมองของเขาลดประสิทธิภาพลง แล้วพอเปปเปอร์รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปกติเท่าไหร่แล้ว ก็เลยให้ผมมาช่วยตรวจสอบ และสุดท้ายก็ตรวจสอบเจอว่าเขาโดนศิษย์พี่ของผมสะกดจิตมา”
“นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ!” ม่านตาของมายมิ้นท์สั่นไหวไม่หยุด ทำให้เห็นว่าจิตใจในตอนนี้นั้นช่างไม่สงบนิ่งเลย
ที่แท้ เปปเปอร์โดนสะกดจิตมาจริง ๆ
มายมิ้นท์ไม่ได้สงสัยว่าการันต์จะกำลังช่วยเปปเปอร์โกหกเธอเลย
อย่างแรกทั้งสองคน ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน
อย่างที่สองการันต์เป็นหมอ เป็นหมอที่ฉลาดหลักแหลมมาก เปปเปอร์ก็ไม่มีทางมาหาเรื่องเขาง่าย ๆ แน่ ในเมื่อไม่รู้ว่าวันไหนอาจจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้
ดังนั้นท่าทีที่การันต์มีต่อเปปเปอร์ จึงมีความเสมอภาคกันมาตลอด ซึ่งไม่มีท่าทีเหมือนกับคนอื่น ที่จะมีความระแวดระวังเพราะว่าฐานะไม่สามารถเทียบเท่ากับเปปเปอร์ได้
ซึ่งก็หมายความว่า ขอแค่การันต์ต้องการ ก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเปปเปอร์ และสามารถปฏิเสธที่จะช่วยเปปเปอร์ทำงานได้อย่างแน่นอน
และการันต์ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกซื้อตัวได้ง่าย ๆ ถ้าจะซื้อตัวเขา ก็จะต้องเสียค่าแลกเปลี่ยนที่สูงมาก แถมยังไม่ใช่เงิน เพราะว่าการันต์มีเงินอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นเปปเปอร์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปซื้อตัวการันต์มาโกหกเธอเลย
คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วถามขึ้นอีกว่า “คุณหมอการันต์คะ ศิษย์พี่ของคุณมีความสัมพันธ์อะไรกับส้มเปรี้ยวเหรอคะ? ทำไมต้องช่วยส้มเปรี้ยวสะกดจิตเปปเปอร์ด้วยละคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...