รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 590

“ท่านย่ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือคะ?”มายมิ้นท์หาโทรศัพท์ พร้อมกับพูดกับท่านย่า

ท่านย่าจิบชาอย่างสบายใจ“ไอ้หมอนั่นต้องการให้พวกเราจบการสนทนานี้จะตายไป ให้คุณกลับไปพักผ่อน แม้ว่าเขาจะให้เวลากับพวกเราเพียงครึ่งชั่วโมง แต่เท่าที่ฉันรู้จักกับไอ้หมอนั่นแล้ว เขาไม่มีทางรอถึงครึ่งชั่วโมงแน่นอน ไม่เชื่อคุณก็ลองดู”

ท่านย่าส่งสัญญาณให้เธอดูโทรศัพท์

มายมิ้นท์ได้หยิบโทรศัพท์ออกมา ก้มศีรษะมองดู คิ้วที่สวยงามนั้นอดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย และอดยิ้มไม่ได้เลย“ถูกท่านย่าเดาถูกด้วยค่ะ เป็นเขาจริงๆค่ะ”

“ฉันบอกแล้ว เอาล่ะ คุณรีบไปรับสายเถอะ มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวไอ้หมอนั่นคงจะมาหาด้วยตัวเองแล้ว”ท่านย่ายิ้มอย่างช่วยไม่ได้พร้อมส่ายหัว

มายมิ้นท์ตอบตกลง ปลายนิ้วมือที่ขาวมากดั่งหยกขาวนั้น ได้เลื่อนปุ่มตอบรับสีเขียว และรับสาย“ฮัลโหล?”

“คุยกับท่านย่าเสร็จหรือยัง?”ในโทรศัพท์นั้น มีเสียงทุ้มและน่าฟังของเปปเปอร์ดังออกมา

มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย “ก็ประมาณหนึ่งแล้ว”

“ถ้างั้นก็รีบให้คนใช้พาคุณมาพักผ่อนเลย”เปปเปอร์ได้พูด

มายมิ้นท์นวดหว่างคิ้ว“ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้ ฉันสามารถอยู่กับท่านย่าได้อีกหน่อยอยู่ค่ะ”

“อยู่นั่นไม่หนาวหรือยังไง?”เปปเปอร์ขมวดคิ้ว“และอีกอย่างท่านย่าก็ต้องพักผ่อนแล้ว เธอมีอายุมากแล้ว นอนดึกไม่ได้”

ท่านย่าก็ได้อยู่ด้านข้างติดกับโทรศัพท์ของมายมิ้นท์ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ได้เหลือบตาใส่เขาทีหนึ่ง

อะไรคือเธอมีอายุที่มากแล้วนอนดึกไม่ได้?

ไอ้หมอนี่ปั้นน้ำเป็นตัว พูดจาไร้สาระจริงๆ!

ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าหญิงชราอย่างเธอมีอายุที่มากแล้ว ยิ่งนอนไม่หลับ แทบจะนอนดึกทุกวัน

ดังนั้นคำพูดของเขาที่พูดว่าเธอนอนดึกไม่ได้นั้น ช่างปลอมซะเหลือเกิน

เหอะ อย่าคิดว่าหญิงชราอย่างเธอจะไม่รู้ ว่าไอ้หมอนี่ก็แค่ต้องการหลอกให้มิ้นท์ไปพักผ่อนเช้าๆ ดังนั้นจึงได้จงใจพูดเอาหญิงชราอย่างเธอมาเป็นข้ออ้าง

ช่างมันเถอะ เป็นหนี้ลูกหลานทั้งนั้น ดูจากสิ่งที่หลานมีใจที่จะตามภรรยากลับมานั้น หญิงชราอย่างเธอก็ช่วยหน่อยแล้วกัน

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ท่านย่าก็ได้หันศีรษะกลับไป จากนั้นก็แตะที่หน้าผากทำท่าทางเหมือนเหนื่อยเช่นนั้น“แดง ตอนนี้กี่โมงแล้วหรือ?”

“เป็นเวลาสี่ทุ่มค่ะนายหญิง”ป้าแดงได้มองดูเวลาแล้วพูด

ท่านย่าแสร้งทำเป็นตกใจและลุกขึ้นยืน“สี่ทุ่มแล้วหรือ?คาดไม่ถึงเลยว่าจะดึกขนาดนี้แล้ว?แดง ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปกินยาแล้วหรือยัง?”

ขณะที่เธอพูดอยู่ ก็ได้ขยิบตาให้ป้าแดงด้วย

ป้าแดงได้ดูแลรับใช้เธอมาเป็นเวลาสิบกว่าปี เพียงแค่ท่าทางเล็กๆของเธอ ป้าแดงก็รู้ว่าหมายถึงอะไร

ป้าแดงก้มศีรษะลงเล็กน้อย กลั้นรอยยิ้มบนใบหน้านั้นไว้ และได้เดินตรงไปด้านหน้าพยุงท่านย่าไว้“ใช่แล้วค่ะนายหญิง คุณหมอบอกว่าให้คุณรับประทานยาในเวลาสี่ทุ่มของทุกวันค่ะ ดังนั้นพวกเรากลับห้องพักกันก่อนเถอะค่ะ ยานั้นกินแล้วจะรู้สึกง่วง จึงต้องพักผ่อนให้เช้าหน่อยค่ะ”

“คุณพูดถูกแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถอะ”ท่านย่าได้พยักหน้าอยู่หลายครั้ง จากนั้นมองไปทางมายมิ้นท์ และได้ถอนหายใจ“มิ้นท์คะ ถ้างั้นย่าก็กลับไปกินยาก่อนนะ คุณทำตามสิ่งที่เปปเปอร์พูดเลย ก็กลับไปพักผ่อนเช้าๆหน่อยเถอะนะ”

มายมิ้นท์กระตุกปากเล็กน้อย และเธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าท่านย่ากลับไปห้องพักในเวลานี้ไม่ได้ไปกินยาจริงๆเลย บอกว่าไปกินยานั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่จะจากไปเท่านั้นเอง

ท่านย่าทำเช่นนี้ เพียงแค่ต้องการช่วยเปปเปอร์ให้บรรลุผลสมความปรารถนา ให้เธอได้ไปพักผ่อนเช้าๆหน่อย

และอีกอย่าง เธอดูออก ว่าในคืนนี้ท่านย่าเอาแต่จับให้เธอกับเปปเปอร์อยู่ด้วยกันตลอด

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านย่าเคยกล่าวไว้ชัดเจนแล้ว ว่าจะไม่มีทางที่จะจับคู่ให้เธอกับเปปเปอร์อีกต่อไป แต่จู่ๆ ตอนนี้กลับมีความคิดนี้อีกครั้ง เกรงว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อเปปเปอร์นั้น ก็ถูกท่านย่าดูออกแล้วหรือเปล่า?

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ทุกคนต่างดูออกหมดเลยว่าตัวเองได้กลับมารักเปปเปอร์อีกครั้งหนึ่ง แต่ตัวเองนั้นกลับไม่รู้ตัวเลย และเป็นจิที่ได้เตือนเธอจึงจะรู้ตัว

มายมิ้นท์ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ และตอบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ“ค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะท่านย่า ท่านย่าก็พักผ่อนเช้าๆนะคะ”

“ย่ารู้แล้วค่ะ เอาล่ะ ย่าไปก่อนแล้วนะคะ อีกเดี๋ยวจะมีคนพาคุณไปที่ห้องพักเอง”

หลังจากที่พูดจบ ท่านย่าก็หันศีรษะเหลือบมองที่ป้าแดง

ป้าแดงก็รีบพยุงเธอออกจากศาลาริมน้ำไป

ในศาลาริมน้ำนั้นเหลือเพียงมายมิ้นท์คนเดียวแล้ว มายมิ้นท์ได้ก้มศีรษะลงดูโทรศัพท์ บนหน้าจอโทรศัพท์ยังคงแสดงว่ากำลังอยู่ในสายการสนทนาอยู่ เธออ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

คาดไม่ถึงว่ายังไม่ได้วางสาย!

เธอคิดว่าตอนที่ตัวเองกำลังคุยกับท่านย่าอยู่นั้น เปปเปอร์ได้วางสายไปแล้วซะอีก

มายมิ้นท์ยักไหล่ไม่ปริปากพูดว่าใช่หรือไม่ใช่

เปปเปอร์เดินเข้าไปในศาลา จากนั้นก็วางถุงที่ถืออยู่ในมือนั้น

“นี่คืออะไรหรือคะ?”มายมิ้นท์ก้มศีรษะลงมองดูถุงที่เขาวางลงบนโต๊ะนั้น

“รองเท้าน่ะ”หลังจากที่เปปเปอร์ได้ตอบกลับ ก็ได้เปิดถุงออก และเผยให้เห็นกล่องรองเท้าอันงดงามนั้นออกมา

มายมิ้นท์มองดูการบรรจุหีบห่อของกล่องรองเท้า ภายในใจพอจะคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร

รองเท้าข้างในนี้ คงจะเป็นรองเท้าที่เขาให้เธอ

เพราะรองเท้าสุภาพบุรุษที่ไหน ที่ใส่กล่องสีชมพูกันล่ะ และอีกอย่างกล่องมีขนาดที่เล็กมาก จนใส่รองเท้าของผู้ชายไม่ได้เลยน่ะสิ

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เปปเปอร์ได้เปิดฝากล่องนั้น รองเท้าแตะผ้ากำมะหยี่ที่งดงามของสุภาพสตรีคู่หนึ่งได้ตกอยู่ในสายตาของมายมิ้นท์

เปปเปอร์ได้ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง จากนั้นก็ได้แตะเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“นั่งสิ”

มายมิ้นท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็นั่งลงไป

“รองเท้านี่……”

“ให้คุณน่ะ”เปปเปอร์ได้หยิบรองเท้าแตะผ้ากำมะหยี่ขึ้นมาหนึ่งข้าง“เส้นทางนั้นค่อยทุบออกในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นคุณยังคงต้องเดินหลายรอบเลย หากเปลี่ยนรองเท้านี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเท้าพลิกแล้ว”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ก้มลง และยื่นมือไปที่เท้าของมายมิ้นท์

ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลงเล็กน้อย พอตั้งสติได้ว่าเขาต้องการเปลี่ยนรองเท้าให้เธอ ก็รีบขยับเท้ากลับไปทันที“ฉันใส่เองค่ะ”

เปปเปอร์ยื่นมือไปโดยสูญเปล่าจับไม่โดนอะไร และได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ

มองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ และความประหม่าในดวงตา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็วางรองเท้าที่อยู่ในมือของเขาไว้ตรงพื้นด้านหน้าของเธอ และได้หยิบรองเท้าแตะอีกข้างหนึ่งออกมา วางไว้ตรงพื้นเช่นกัน จึงจะเอ่ยปากพูดด้วยริมฝีปากอันบางว่า:“โอเค คุณใส่เองนะ”

เขารู้ว่าเธอรู้สึกเขินอาย ก็ไม่ได้บังคับเธอใดๆ

เมื่อเห็นเปปเปอร์ไม่ได้มีความบังคับที่จะเปลี่ยนรองเท้าให้ตัวเองจริงๆนั้น มายมิ้นท์โล่งอกทันที จากนั้นจึงก้มลง ถอดรองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ และได้เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะที่เปปเปอร์เอามา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว