รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 591

รองเท้าแตะนั้นเป็นขนาดไซส์ของธอพอดี และด้านในนั้นเป็นขนนุ่มลื่น ซึ่งใส่สบายมากเมื่อสัมผัสกับผิวหนังแล้ว

มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะขยับเท้าเล็กน้อย บนใบหน้านั้นแสดงรอยยิ้มที่ดีใจออกมา“เปปเปอร์ ขอบคุณนะ”

หลังจากที่ใส่รองเท้าส้นสูงมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง เท้าของเธอทั้งปวดและอ่อนแรงมานานแล้ว เพียงแต่เธออดกลั้นไว้ตลอดเท่านั้นเอง

ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาใส่รองเท้าคู่นี้แล้ว เท้าของเธอเหมือนได้รับอิสระเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าสบายแค่ไหน

ในสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอนั้น เห็นได้ว่ามีความละเอียดอ่อนอย่างมาก

บางครั้งตัวเอง สามารถลองเชื่อมั่นในตัวเขา และยอมรับเขาอีกครั้งหนึ่งจริงๆ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาในตอนนั้นไม่ได้เกิดจากความประสงค์ของเขาเอง แต่ถูกสะกดจิต

ในตอนนี้เขายังได้ช่วยเหลือเธอมากมายหลายครั้ง แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำเพื่อเธอนั้น ก็ทำให้เธอใจเต้นได้หมด

เมื่อนึกถึงตรงนี้ มายมิ้นท์ก็สูบหายใจเข้าลึกๆ ได้กำมือแน่น ราวกับว่าได้ตัดสินใจอะไรแล้ว

ทันใดนั้น เปปเปอร์ได้ถือรองเท้าส้นสูงของเธอมา ใส่เข้าไปในกล่องนั้น จากนั้นก็ได้จับศีรษะของเธอเล็กน้อย“คิดอะไรอยู่หรือ ดูจริงจังมากเลย?”

มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่เขา ริมฝีปากสีแดงของเธอได้เปิดออก ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเปล่งเสียงออกมา“เปปเปอร์ ฉันอยากถามคุณ ว่าคุณจะรักฉันได้ตลอดเลยไหม ไม่มีทางเปลี่ยนใจจริงๆหรือ ?”

เปปเปอร์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเธอถึงได้ถามสิ่งนี้ขึ้นมา แต่พยักหน้าและตอบกลับโดยไม่ลังเล“แน่นอนสิ”

เมื่อได้ยินคำตอบของเขาเช่นนี้ มายมิ้นท์รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวอีกครั้ง“แต่ว่าคุณรู้ไหม?อันที่จริงแล้วฉันไม่เชื่อเลย ทั้งชีวิตของคนเรานั้นมันยาวเกินไป ตั้งหลายสิบปี ในเวลานี้คุณพูดว่าคุณรักฉัน และจะรักฉันไปตลอดชีวิต บางทีมันอาจจะออกมาจากใจจริงก็ได้ แต่ในอนาคตล่ะ?คุณรับประกันได้หรือว่าในอนาคตจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ ยังคงรักฉันไปตลอดชีวิตหรือ?”

มีคู่รักมากมายหลายคู่ ในตอนที่รักกันนั้นก็จะรักกันอย่างดุเดือด และให้คำมั่นสัญญามากมายว่าจะรักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย

ในตอนนั้น ล้วนออกมาจากใจจริงทั้งนั้น

แต่เมื่อผ่านไปตามกาลเวลานั้น คนสองคนที่อยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ความรักก็จะยิ่งอยู่ยิ่งจางลงเรื่อยๆ และทั้งสองก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าจากคนที่รักกัน

เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว คำที่เคยมั่นสัญญาว่าจะรักกันจนชั่วฟ้าดินสลายนั้น ก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกทั้งนั้น

ในตอนนี้เปปเปอร์รักเธอมาก มากไปกว่านั้นคือสามารถเสียสละชีวิตเพื่อเธอได้ แต่เธอไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ในอนาคตด้วย

ใจคน เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากเลย

ใครจะไปรู้ในอนาคต ว่าเขาจะพบเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้เขาใจเต้นหรือเปล่า?

เมื่อเห็นความว่างเปล่าและความวิตกกังวลในดวงตาของมายมิ้นท์ เปปเปอร์ก็กางแขนขวาของเขาขึ้นมาทันที และกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

มายมิ้นท์แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง และจะออกจากอ้อมแขนของเขา

เปปเปอร์ได้แนบกับข้างหูของเธอ พูดคำสองคำนี้ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา“ไม่ต้องขยับ!”

มายมิ้นท์ก็ไม่ขยับในทันที

เปปเปอร์กอดแน่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงจะตอบคำถามของเธอเมื่อสักครู่นี้“ผมรู้ว่าคุณกำลังกังวลอะไรอยู่ ดังนั้นมายมิ้นท์ ผมก็จะไม่หลอกคุณ ผมไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะรักคุณไปตลอดชีวิตไหม หากพูดว่าจะรักไปตลอดชีวิต คำตอบเช่นนี้มันปลอมเกินไป เพราะไม่ว่ายังตอนนี้ไม่ใช่อนาคต อีกอย่างแม้ว่าผมจะตอบคุณเช่นนี้ เกรงว่าคุณก็คงจะไม่เชื่อแน่ๆ ดังนั้นผมสามารถพูดได้เพียงว่าผมก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมสามารถมั่นใจได้ คือผมต้องการใช้ชีวิตกับคุณไปตลอด ก็เหมือนกับท่านปู่และท่านย่าของผมเช่นนั้น ”

เปปเปอร์ได้มองดูเธอด้วยแววตาที่จริงจัง“ท่านปู่และท่านย่าของผมในตอนที่พวกเขายังเป็นหนุ่มสาวนั้นรักกันมาก พอแก่แล้วพวกเขาก็ยังคงรักกันมากมีความสุขกันมาก ในตอนที่ท่านปู่เสียชีวิตนั้น ท่านย่าถึงกับอยากตามไปด้วย แต่สุดท้ายท่านย่าก็ได้ทนกับความเจ็บปวดนั้นแล้วใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ตามพินัยกรรมที่ท่านปู่ได้ทิ้งไว้ แต่ผมรู้ ว่าท่านย่าคิดถึงท่านปู่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมายมิ้นท์ ความรักที่อยู่จนแก่เฒ่านั้นมีแน่นอน แล้วทำไมพวกเราไม่ลองดูล่ะ?บางทีผลลัพธ์ของพวกเรา ก็เหมือนกับท่านปู่และท่านย่าก็ได้”

นี่ก็คือคำตอบที่เขามีให้กับมายมิ้นท์

เทียบกับการตอบตกลงด้วยปากเปล่า ว่าตัวเองจะรักเธอไปตลอดชีวิต เขาเลือกที่จะใช้ตลอดชีวิตของเขาจริงๆเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของตัวเองมากกว่า

มองดูความคาดหวังในสายตาของผู้ชายคนนี้แล้ว มายมิ้นท์รู้สึกประทับใจเล็กน้อย

เขาพูดถูก แทนที่จะฟังเขาพูดว่าจะรักเธอไปตลอดชีวิต จะดีกว่าถ้าได้สัมผัสด้วยตัวเอง ว่าเขาจะสามารถทำได้จริงหรือไม่

บางทีในท้ายที่สุดแล้ว สามารถทำได้จริงๆล่ะ

แต่ว่า……

มายมิ้นท์ได้กัดริมฝีปาก “โอเค ถ้างั้นก็ลองดู แต่ว่าเปปเปอร์ คุณรับประกันได้ไหมว่าหลังจากที่พวกเราคบหากันแล้ว คุณจะไม่ถูกคนสะกดจิตอีกครั้งนะ?”

เธอถามเขาด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ

เรื่องเศร้าระหว่างพวกเขานั้น ก็ริเริ่มมาจากตอนที่เขาถูกสะกดจิต

เปปเปอร์รู้สึกเบิกบานอยู่ในใจ ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าท่าทางนั้น ก็มีร่องรอยความตื่นเต้นที่หาได้ยากออกมา“โอเคครับ ถ้างั้นก็ครึ่งเดือน”

เดิมทีเขาคิดว่า เธอจงใจที่จะยืดเวลาไว้ ยืดสักปีหนึ่งครึ่งปี

กลับนึกไม่ถึง ว่าเธอต้องการเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเอง

และหลังจากครึ่งเดือนต่อมา เธอก็จะคบหากับเขาแล้ว

เปปเปอร์ตื่นเต้นจนกอดมายมิ้นท์ไว้แน่นกว่าเดิม

จนมายมิ้นท์รู้สึกว่าตัวเองจะหายใจไม่ออกแล้ว

แต่สัมผัสได้ถึงความดีอกดีใจของเขา เธอคิดไปคิดมา ก็ไม่ได้เอ่ยปากเตือนให้เขารีบปล่อยเธอไป

จนกระทั่งเสียงเคาะประตูของศาลาริมน้ำดังขึ้น เปปเปอร์จึงจะออกมาจากความดีอกดีใจของเขา ได้ปล่อยมายมิ้นท์ออกเล็กน้อย และหันศีรษะมองไปทางประตู ขมวดคิ้วและถาม“ใคร?”

ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริงๆ ที่มารบกวนเขาในเวลานี้

“คุณชายใหญ่ครับ ผมเอง”ด้านนอกประตูนั้นมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนของชายชราดังออกมา

เปปเปอร์ที่ขมวดคิ้วอยู่ได้คลี่คลายทันที“เป็นลุงมีเองหรือครับ เข้ามาเลยครับ”

พ่อบ้านลุงมีได้เปิดประตูเข้ามา พอเห็นทั้งสองกำลังกอดกันอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

คาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายใหญ่กับคุณนายน้อยจะกอดกันอยู่

ถ้างั้นเขาในตอนนี้ กำลังรบกวนเรื่องดีๆของคุณชายใหญ่กับคุณนายน้อยหรือเปล่า?

ขณะที่คิด ลุงมีก็รู้สึกผิดอย่างมากในทันที

เขาก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าในตอนนี้คุณชายใหญ่กำลังตามคุณนายน้อยกลับมาอย่างยากลำบากนั้น

ในตอนนี้คุณชายใหญ่กับคุณนายน้อยอุตส่าห์มีความคืบหน้าเล็กน้อย เขาที่เข้ามาทันที มันจะทำให้คุณชายใหญ่เสียเรื่องหรือเปล่านี่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว