ลุงมีมองดูทั้งสองด้วยความไม่สบายใจ สุดท้ายก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดตาตัวเอง“นั่นอะไรนะ ชายชราอย่างผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยครับ พวกคุณต่อเลย พวกคุณต่อเลยครับ”
ขณะที่พูดอยู่ เขาก็ได้เดินถอยหลัง เตรียมจะเดินออกจากศาลาริมน้ำ
ขณะที่มายมิ้นท์ฟังคำพูดของลุงมี พึ่งจะได้สติมาได้ว่าตัวเองยังถูกเปปเปอร์กอดในอ้อมแขนของเขาอยู่ ใบหน้าก็แดงก่ำในทันที จากนั้นก็รีบผลักผู้ชายคนนี้ออก และก้มศีรษะยืนอยู่ด้านข้าง
เมื่อเปปเปอร์เห็นว่าอ้อมแขนตัวเองว่างเปล่า มีร่องรอยของความเสียใจแวบเข้ามาในดวงตาของเขา และเม้มริมฝีปากบางของเขาแล้วพูดว่า:“เอาเถอะลุงมี ในเมื่อได้เข้ามาแล้ว ยังจะออกไปอีกทำไมล่ะครับ?”
ลุงมีได้หยุดฝีก้าวนั้น นำมือที่อยู่บนตานั้นลงมา มองดูทั้งสองที่แยกออกจากกันแล้ว ยิ้มด้วยความเขินอายเล็กน้อย“ขอโทษนะครับ คุณชายใหญ่ ที่รบกวนพวกคุณ”
“เอาเถอะ มีเรื่องอะไรหรือครับ?”เปปเปอร์ได้สะบัดมือ ส่งสัญญาณให้เขาว่ารีบพูดเรื่องสำคัญ
ลุงมีได้กระแอมเล็กน้อย“คืออย่างนี้นะครับ ได้จัดเตรียมห้องพักเรียบร้อยหมดแล้วครับ นายหญิงให้ผมเรียกพวกคุณรีบไปพักผ่อนครับ”
“รู้แล้วครับ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนนี้เลยครับ”เปปเปอร์พยักหน้า
“ถ้างั้นคุณชายใหญ่ครับ ผมกลับก่อนนะครับ” ลุงมีได้ชี้ไปที่ด้านหลัง
เปปเปอร์ตอบตกลงไป
ลุงมีรีบหันกลับและเดินจากไป
ในศาลาริมน้ำนั้นเหลือเพียงแต่เปปเปอร์และมายมิ้นท์สองคนนี้อีกครั้งหนึ่ง
เปปเปอร์ได้ถือกล่องรองเท้าที่ใส่รองเท้าส้นสูงของมายมิ้นท์นั้น“ไปเถอะ ผมพาคุณไปที่ห้องพักของคุณเอง”
“โอเคค่ะ”มายมิ้นท์ได้จับที่แก้มเล็กน้อย แล้วตอบกลับไป
ทั้งสองคนเดินออกจากศาลาริมน้ำด้วยกัน และเดิมตรงไปทางห้องพัก
หลังจากไม่กี่นาทีผ่านไป เปปเปอร์ได้พามายมิ้นท์มาถึงด้านหน้าประตูของห้องพักห้องหนึ่ง“นี่เป็นห้องพักของคุณ คืนนี้พักผ่อนให้ดีๆนะครับ”
มายมิ้นท์ได้ถือกล่องที่อยู่ในมือของเขากลับ“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณด้วยนะคะ ถ้างั้นฉันเข้าไปก่อน?”
“เข้าไปเถอะครับ”เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์ได้โบกมือให้กับเขา ได้หันกลับกำลังจะเดินเข้าพัก
ทันใดนั้น เปปเปอร์ก็ได้เรียกเธอไว้“รอก่อนมายมิ้นท์”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”มายมิ้นท์ได้หันศีรษะกลับ มองดูเขาด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัย
ริมฝีปากอันบางของเปปเปอร์ได้ขยับ “อย่าลืมคำพูดของคุณในคืนนี้นะครับ คุณเคยพูดแล้ว ว่าให้เวลาครึ่งเดือนในการจัดการกับความรู้สึกของคุณ หลังจากครึ่งเดือนนั้น พวกเราจะอยู่ด้วยกัน”
มายมิ้นท์มองไปที่ใบหน้าที่ตึงเครียดของเขา และยิ้มออกมาทันที“ฉันไม่ได้ลืมค่ะ”
เขานั้นกลัวมากแค่ไหนกับการที่เธอจะลืมมันไป จากนั้นก็ผิดคำพูดเนี่ย
มิเช่นนั้นแม้แต่เธอจะกลับไปที่ห้องพักเพื่อพักผ่อนนั้น เขายังจะต้องดึงเธอไว้เพื่อเตือนเธอ
“ถ้างั้นก็ดีครับ”เมื่อเปปเปอร์ได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์แล้ว ใบหน้าที่ตึงเครียดนั้นก็คลายลงในทันที และมือที่จับแขนของเธอก็ค่อยๆ คลายออกแล้วใส่กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาอีกครั้ง“ไปพักผ่อนเถอะครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”
“เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ!”มายมิ้นท์ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ได้เดินเข้าไปที่ห้องพัก
เมื่อมองดูประตูที่ปิดลงนั้น ริมฝีปากบางๆของเปปเปอร์ก็ค่อยๆยกขึ้น เขายิ้มแล้ว
“คุณชายใหญ่คะ”ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านหลังของเขา
เปปเปอร์ได้เก็บรอยยิ้มบนใบหน้านั้น และได้หันหลังกลับไป“ป้าแดงครับ คุณไม่ได้อยู่ที่ท่านย่าหรือ มาทำอะไรที่นี่หรือครับ?”
ป้าแดงยิ้มเล็กน้อย“นายหญิงให้ฉันเชิญคุณไปค่ะ”
“ท่านย่ามีเรื่องจะคุยกับผมหรือครับ?”เปปเปอร์ขมวดคิ้ว
ป้าแดงพยักหน้า“ใช่ค่ะ”
“นั่นมันก็ไม่ใช่หรอก”ท่านย่าส่ายหัว“ในตอนนี้คุณกับมิ้นท์คบหากันนั้นฉันเห็นด้วยอยู่แล้ว แต่หากว่าคุณยังเหมือนกับเมื่อหกปีที่ก่อนนั้น ฉันแนะนำคุณให้คุณออกห่างจากมิ้นท์ด้วยตัวเองเลย อย่าทำร้ายเธอ ดังนั้นเปปเปอร์ ย่าอย่างฉันอยากจะรู้ ว่าคุณคงจะไม่ทำกับมิ้นท์เหมือนเมื่อหกปีก่อนแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนครับ!”เปปเปอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นสีหน้าก็ได้เคร่งขรึมลงพร้อมพูดว่า:“เมื่อหกปีก่อนนั้น มันก็ไม่ได้เป็นความตั้งใจแต่แรกของผมเลย ผมไม่เคยบอกท่านย่าเลยสักครั้ง ที่ผมเป็นเช่นนั้น เป็นเพราะผมถูกสะกดจิตครับ ไม่เพียงแต่ผมคนเดียว พวกเราทั้งครอบครัวถูกสะกดจิตกันหมดเลยครับ ”
ถ้าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกสะกดจิต หกปีนั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่ามายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่นั้นก็ยังพอว่า แต่ท่านย่า เหมันตร์และปีโป้ก็ไม่รู้กันหมดเลย
นี่เห็นได้ชัดเลยว่ามันผิดปกติ
อีธานเองก็เคยพูดว่าจงใจแกล้งว่าบังเอิญพบพวกเขา และได้สะกดจิตให้กับพวกเขา ดังนั้นหกปีที่ผ่านมา จึงไม่มีใครพบเห็นเลยว่ามายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่
“คุณพูดว่าสะกดจิตหรือ?”สีหน้าของท่านย่าก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที และได้มองดูที่เปปเปอร์“เปปเปอร์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“เรื่องจริงครับ ส้มเปรี้ยวให้คนสะกดจิตพวกเราเพื่อไม่ให้รู้ว่ามายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่ครับ จึงทำให้ผมไม่มีความลังเลเอะใจที่จะเชื่อมั่น ว่าเธอนั่นเองที่เป็นต้นไผ่ และยังทำให้ผมสามารถทำดีด้วยใจจริงกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้ผมเข้าใจลึกๆว่าคนที่ผมรักนั้นคือเธอ หากไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้านั้นที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้ผมมีสติจากการสะกดจิต ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่สามารถปล่อยส้มเปรี้ยวได้เลย ”เปปเปอร์ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่เย็นเยือก
ท่านย่าพูดด้วยความตกใจว่า:“มิน่าล่ะเมื่อหกปีก่อน คุณก็เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนั้น จากเด็กที่อ่อนโยน กลายเป็นคนที่เย็นชามากขนาดนั้น แล้วมิน่าล่ะหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว ฉันก็รู้สึกว่าคุณเปลี่ยนกลับไปเหมือนเมื่อก่อนนิดหน่อย ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง!”
แน่นอนว่าเธอก็ต้องเชื่อหลานตัวเองอยู่แล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องโกหกกันเลย เพียงแค่หานักสะกดจิตคนอื่นแล้วตรวจสอบดูก็จะรู้ทันที
ดังนั้นแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าหลานของเธอประสบเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ได้
และอีกอย่างยังมีหญิงชราอย่างเธออีกที่ถูกสะกดจิต โดยไม่รู้ตัวเลย
“ใครเป็นคนทำ?”ท่านย่ากำหมัดแน่น และได้ตบโต๊ะอย่างแรง บรรยากาศรอบกายนั้นทำให้คนรู้สึกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็เคยเป็นมารดาของขุนศึกเป็นเวลาหลายปี ตอนที่ยังเป็นสาวนั้นก็เคยเข้าสนามรบ ในตอนที่โกรธแน่นอนว่าน่ากลัวอย่างมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าเปปเปอร์ไม่ได้กลัวเลย เขาได้วางแก้วชาในมือที่เช็ดเสร็จแล้วลง พูดชื่อของคนหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก“ส้มเปรี้ยวเป็นคนสั่งให้คนทำ”
“ดีเลย เป็นผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว!”ท่านย่าโกรธจนหัวเราะออกมา ได้หรี่ตาลงทันที นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอาฆาต“ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ช่างเลี้ยงดูลูกสาวออกมาได้ดีเชียว เปปเปอร์ ส้มเปรี้ยวได้สะกดจิตกับทั้งตระกูลของเรา คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายอย่างมาก ?ยังโชคดีที่ส้มเปรี้ยวไม่ได้ให้คนอื่นสะกดจิตเรื่องอื่น หากว่าให้คนสะกดจิตคุณเพื่อให้คุณเชื่อฟังคำสั่งของเธอ ถ้าเกิดเธอต้องการทั้งตระกูลนวบดินทร์และบริษัทตระกูลนวบดินทร์ขึ้นมา เกรงว่าคุณก็คงยอมให้แต่โดยดีตั้งแต่แรกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...