หากหล่อนได้เป็นประธานบริษัทเทนเดอร์กรุ๊ปจริงๆ นั่นจึงจะถือว่าเป็นความโชคร้ายของเทนเดอร์กรุ๊ปและพวกเขา
แน่นอนว่าดารามายรับรู้ได้ถึงแววตาของคนพวกนั้นที่มองมายังหล่อน และยากที่จะยอมรับได้ ดวงตาแดงก่ำพลางคำรามขึ้นว่า:“พวกคุณมองอะไรกัน พวกคุณหมายความว่ายังไง?”
จากนั้นก็ไม่มีคนสนใจหล่อนแม้แต่คนเดียว
มายมิ้นท์ก็เช่นเดียวกัน ทำเหมือนหล่อนเป็นเพียงอากาศ เพียงแต่มองมายังเตชิต พลางหัวเราะด้วยความเย็นชา“น่าเสียดายนะคะประธานเตชิต พวกคุณไม่คำนึงถึงความเป็นจริงและตั้งใจที่จะตอบสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าคิดผิดแล้วแน่นอนว่า หากหุ้นในมือของฉัน ได้รับการโอนมาจากของพ่อ แน่นอนว่าฉันคงต้องแบ่งให้กับดารามายครึ่งหนึ่ง แต่ว่าหุ้นของฉันกลับไม่ได้รับการโอนมาจากพ่อ”
“คุณพูดอะไรของคุณ?”เตชิตทำหน้าตกใจ ไม่นานก็ลุกขึ้นมา“ไม่ได้รับการโอนมาจากไตรภูมิ?”
“แน่นอน!”มายมิ้นท์กอดอก พลางมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา“หกปีก่อนเทนเดอร์กรุ๊ปตกอยู่ในความเสี่ยง พ่อร้อนใจเป็นอย่างมากก็เลยใช้หุ้นที่อยู่ในมือไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินทุนกับธนาคาร ต้องการเพิ่มเงินทุนเข้าไปในเทนเดอร์กรุ๊ป เพื่อให้บริษัทสามารถก้าวข้าววิกฤติที่เลวร้ายนี้ได้ ขอเพียงเทนเดอร์กรุ๊ปสามารถยืนหยัดต่อไปได้ แม้เขาจะไม่ได้เป็นประธานบริษัท เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายเล็กๆก็ไม่เป็นไร ดังนั้นพ่อจึงยอมแลกหุ้นจำนวนร้อยละสี่สิบกับธนาคารอย่างไม่ลังเลสุดท้ายเหลือหุ้นในมือเพียงร้อยละสิบ ในที่สุดก็ได้เงินทุนมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นเงินทุนจำนวนนั้นสุดท้ายก็ถูก ดารามายแม่ลูกขโมยหนีไป”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ มายมิ้นท์ค่อยๆเคลื่อนสายตา มองไปยังดารามาย แววตาไร้ซึ่งความรู้สึก มองหล่อนเหมือนเห็นของตาย
ดารามายตกตะลึงกับสายตาของเธอ คนทั้งตัวหยุดนิ่งอยู่กับที่
น่ากลัวมาก แววตาของมายมิ้นท์น่ากลัวเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะฆ่าหล่อนให้ตายยังไงยังงั้น
แต่ไหนแต่ไรหล่อนไม่เคยคิดเลยว่า มายมิ้นท์ที่สมัยก่อนถูกหล่อนรังแกมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนมีอำนาจอย่างคาดไม่ถึง!
“ดังนั้น ความหมายของคุณก็คือ หุ้นที่คุณได้รับต่อมาจากมือของไตรภูมิมีเพียงร้อยละสิบเท่านั้นงั้นเหรอ?”เตชิตมองมายมิ้นท์ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“ใช่!”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ทันใดนั้นเตชิตก็รู้สึกโกรธ พลางปัดแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะออกไป
ทันทีที่แก้วชาบินออกไปนั้น น้ำชาที่อยู่ในแก้ว ชาข้างในแก้วก็กระเด็นออกมา ยังมีชาบางหยดกระเด็นใส่หน้าของดารามาย ร้อนจนดารามายต้องร้องเสียงแหลมออกมา จนคนต้องกระโดดขึ้น
“คุณทำอะไรของคุณ?”ดารามายโกรธจนจ้องมองเตชิต ในเวลานี้ก็ไม่ได้เรียกเขาว่าอาเตอย่างสนิทสนมแล้ว
เตชิตก็ไม่ได้กินเจ จ้องมองหล่อนอย่างดุเดือดพลางพูดขึ้นว่า“คุณหุบปาก!”
ใบหน้าของดารามายขาวซีด ทันใดนั้นก็หุบปากลง ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย
เดิมทีเตชิตก็เป็นตัวละครที่โหดร้ายอยู่แล้ว อีกทั้งอายุก็มากแล้ว พลังอำนาจจึงมีอย่างเพียงพอ
ดังนั้นแม้ว่าตัวของดารามายก็เป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมและไม่กลัวอะไร แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเขาก็ต้องก้มหน้าลง สั่นสะเทือนจนต้องสยบ
เมื่อเห็นดารามายนิ่งเงียบ เตชิตจึงได้มองมายมิ้นท์ใหม่อีกครั้ง สีหน้าหมองคล้ำ “คุณมีหลักฐานอะไร ที่จะมายืนยันว่าเมื่อหกปีที่แล้ว ไตรภูมิได้ขายหุ้นออกไปแล้วร้อยละสี่สิบ”
“แน่นอนว่ามี!”มายมิ้นท์มองไปยังตำแหน่งของผู้ถือหุ้นที่อยู่ไม่ไกลนัก“อาเสกสรรเป็นผู้ถือหุ้นเก่าแก่ของเทนเดอร์กรุ๊ป ในช่วงแรกเริ่มของการก่อตั้งเทนเดอร์กรุ๊ป ก็ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว ดังนั้นเรื่องหลายๆเรื่อง เขาต่างก็รู้”
“ประธานมายมิ้นท์พูดได้ไม่ผิด”ผู้ถือหุ้นที่เธอเรียกว่าอาเสกสรรไม่ได้เป็นเพราะการเรียกที่สนิทสนมของเธอ แล้วถือโอกาสเรียกเธอว่าหลานสาว
เพราะถึงยังไงเขาก็ได้แบ่งแยกสรรพนามในการเรียกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน สถานการณ์ไหนควรใช้สรรพนามอย่างไร เขายึดถือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
เขามองไปที่เตชิตพลางตอบกลับว่า:“หกปีก่อน ประธานบริษัทไตรภูมิได้เรียกหาผมเป็นคนแรก เพื่อซื้อขายหุ้น โดยใช้หุ้นร้อยละห้าที่อยู่ในมือแลกกับเงินจำนวนสองพันล้าน ผมก็ได้รับปาก อีกทั้งในมือของผมยังมีสัญญาซื้อขายหุ้นในตอนนั้นด้วย อีกทั้งไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่มี ในมือของประธานธนภูมิก็มีเช่นเดียวกัน”
“ใช่ครับ”ประธานธนภูมิคนที่ถูกพูดถึงก็พยักหน้ารับคำ“นอกจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีผู้ถือหุ้นอีกหลายคน แต่ว่าตอนนี้พวกผู้ถือหุ้นเหล่านั้นต่างก็ถอนหุ้นออกไปหมดแล้ว ไม่ได้อยู่ที่เทนเดอร์กรุ๊ปแล้ว แต่ว่าหากประธานเตชิตต้องการดูสัญญา พวกเขาก็น่าจะเอาออกมาให้ดูได้”
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ร่างกายของเตชิตก็สั่นไปทั้งตัว ไม่ยอมเต็มใจที่เชื่อความจริง แต่ในเวลานี้ไม่เชื่อก็คงไม่ได้
แต่ผลก็คือ เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด หุ้นในมือของมายมิ้นท์ ได้ทยอยซื้อมาภายหลัง ไม่ได้รับสืบทอดต่อจากไตรภูมิ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะแย่งหุ้นอีกครึ่งหนึ่งมาจากมายมิ้นท์
ซึ่งก็หมายความว่า แผนการของเขากับดารามายไม่เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่ยังกลายเป็นเรื่องขบขันอีกด้วย!
“เอามาไม่ได้จริงๆเหรอคะ?”ดารามายไม่รู้ว่าเตชิตโกรธเกลียดเขาเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าเอาหุ้นมาไม่ได้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นบ้า
หล่อนกลับมาด้วยความดีอกดีใจ คิดว่าจะสามารถแย่งหุ้นของเทนเดอร์กรุ๊ปในมือของมายมิ้นท์มาได้
แต่ความจริงกับบอกกับหล่อน ไม่สามารถแย่งไปได้เลย
แล้วนี่จะทำให้หล่อนยอมรับได้อย่างไร!
เตชิตสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ไม่คิดที่จะแยแสดารามายอีก
เขาเกรงว่าอีกสักพักตนจะไม่สามารถทนได้ และจะบีบคอหล่อนจนตาย
มองดูเตชิตนั่งหงุดหงิดอยู่ฝั่งตรงข้าม มายมิ้นท์เหอะเสียงหนึ่ง“ดูเหมือนว่าตอนนี้ประธานเตชิตไม่คิดที่จะสนับสนุนดารามาย แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งประธานบริษัทฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”
“มีสิทธิ์อะไร?”ดารามายร้อนใจ
มายมิ้นท์หัวเราะอย่างเย็นชา“ก็สิทธิ์ที่ฉันมีคุณตาที่ดี แต่คุณไม่มีไง!”
“คุณ……”เหมือนดารามายต้องการที่จะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้น เขาถูกขัดจังหวะด้วยท่าทางบูดบึ้งจากเตชิต
เมื่อเตชิตเห็นหล่อนหุบปาก จึงได้มองไปยังมายมิ้นท์อีกครั้ง“มายมิ้นท์คุณต้องการที่จะเป็นประธานบริษัทก็ได้ แต่ว่าคุณก็จำเป็นต้องมอบหุ้นจำนวนร้อยละห้าจุดห้ามอบให้กับดารามาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...