“ใช้นี่สิ”เปปเปอร์ดูออกถึงความลำบากใจของเธอ และรีบนำผ้าเช็ดหน้าสูทของเมื่อสักครู่ที่ใส่เข้าไปในกระเป๋าออกมายื่นให้กับเธอ
มายมิ้นท์ได้รับมันมา และฝืนยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ไว้ถึงเวลาฉันจะคืนผืนใหม่ให้กับคุณค่ะ”
เปปเปอร์ต้องการจะพูดว่าไม่ต้อง แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว สิ่งที่เธอคืนมา ก็เทียบเท่ากับว่าเธอได้ให้เขา จึงได้พยักหน้าตอบตกลง“โอเคครับ”
ถ้าหากว่าเธอทำเองได้ เขาหวังอย่างมากที่จะให้เธอทำด้วยตัวเองแล้วส่งให้เขา
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากคลี่ผ้าเช็ดหน้าสูทออก เธอก็นั่งลงไป และเริ่มเช็ดป้ายสุสานอย่างช้าๆ
โดยเฉพาะภาพถ่ายบนป้ายสุสานนั้น เธอเช็ดอย่างระมัดระวัง และเช็ดอย่างเบา ๆ กลัวว่าหากเช็ดแรงไปหน่อย ท้ายที่สุดภาพบนป้ายสุสานนั้นก็จะหายไป
เมื่อเปปเปอร์เห็นเช่นนี้ก็ได้ถามว่า:“ที่บ้านยังมีภาพถ่ายอื่นอีกไหม?หากว่าไม่มีแล้ว เดี๋ยวผมให้คนไปแก้ไขภาพนี้ให้หน่อย แล้วพิมพ์ออกมาใหม่”
“ยังมีอยู่ค่ะ ฉันสามารถเอาภาพถ่ายที่เก็บไว้ก่อนที่คุณแม่จะเสียชีวิตนั้นไปคัดลอกออกมาชุดหนึ่ง เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยมาเปลี่ยนแล้วกันค่ะ”มายมิ้นท์ตอบกลับขณะที่เช็ดอยู่
เปปเปอร์ตอบตกลง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ทันใดนั้น ก็มีหยดน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า และหยดลงบนหน้าผากของเขา
เขาแหงนมองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง และท้องฟ้าเป็นสีเทา บนนั้นมืดครึ้มไปหมด เห็นได้ชัดว่าฝนกำลังจะตกลงมา
เมื่อเปปเปอร์เห็นว่ามายมิ้นท์เช็ดป้ายสุสานด้วยความจริงจังอยู่ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเธอ ได้หันหลังเดินจากไป
ย่างก้าวของเขาเบามาก บวกกับกะจิตกะใจของมายมิ้นท์อยู่ที่ป้ายสุสานหมด ก็ไม่ได้สังเกตถึงว่าเขาไม่อยู่แล้ว
จนกระทั่งมีฝนตกลงมาอย่างหนักในทันที เธอจึงจะรีบลุกขึ้นมา และหันกลับไป“เปปเปอร์ฝนตกแล้ว คุณกลับไปที่รถก่อน……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็พบว่าไม่มีเงาของเปปเปอร์อยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นคำพูดของเธอเมื่อสักครู่ที่พูดไป ก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ดวงตาของมายมิ้นท์มืดลงทันที ภายในใจก็รู้สึกถึงความน้อยใจและความผิดหวังเล็กน้อย
ไหนเขาเคยพูดไว้ ว่าจะอยู่เคียงข้างเธอไม่ใช่หรือ?
ยังพูดอีกว่าจะไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ของเธอด้วยกัน เพื่อชดเชยความผิดพลาดเมื่อหกปีที่ผ่านมา
แต่ว่าในตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาก็ไม่เจอแล้ว และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เพราะว่าเขารอจนรู้สึกรำคาญ ดังนั้นจึงได้เดินจากไปหรือ?
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากเล็กน้อย ในดวงตานั้นปรากฏความเยาะเย้ยขึ้นมา
ก็จริง ยังไม่พูดถึงว่าพวกเขายังไม่ได้คืนดีกัน ดังนั้นด้วยเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องมาอยู่รอกับเธอ
ถึงแม้ว่าจะคืนดีกันแล้ว เขาก็ไม่ต้องมาด้วยก็ได้
ดังนั้นเขาไปแล้วก็ไปเถอะ ตัวเองก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหวังมากมาย
มายมิ้นท์ได้ก้มศีรษะลง ได้หันหลังกลับไป เตรียมจะเช็ดต่อ เพราะยังมีอีกนิดนึงที่ยังเช็ดไม่เสร็จ รอหลังจากที่เช็ดเสร็จแล้ว ค่อยไปทางคุณพ่อทางนั้น
ขณะที่คิด มายมิ้นท์ก็ได้นั่งลงอีกครั้งหนึ่ง
วินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกถึงบางอย่างเพิ่มมาบนหัวของเธอ และได้กันน้ำฝนที่ตกหนักนั้นไว้
มายมิ้นท์ได้เงยหน้าขึ้นมาดู มันคือร่มหนึ่งคัน
เธอนึกอะไรได้ รีบหันศีรษะกลับไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นเปปเปอร์ก้มตัวลงยืนอยู่ด้านหลังของเธอ และได้กางร่มให้เธออยู่
ร่มคันนั้นส่วนใหญ่เอียงเข้าหาเธอหมด และเขานั้นนอกจากศีรษะกับลำคอที่ไม่เปียก ส่วนที่เหลือของร่างกายเขาอยู่กลางฝนที่ตกหนัก และเปียกฝนไปหมด
และเขาราวกับไม่รู้สึกอะไรเช่นนั้น ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย และถือร่มให้เธอด้วยความตั้งใจ
เมื่อเห็นเปปเปอร์เช่นนี้ ภายในใจของมายมิ้นท์ตื้นตันใจอย่างมาก ได้อ้าปากค้างเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะเปล่งเสียงออกมา“คุณ ……คุณไม่ใช่ว่าไปแล้วหรือคะ?”
ใบหน้าของเปปเปอร์ก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมาเล็กน้อย“ผมไม่ได้ไป ผมแค่เห็นว่าเหมือนฝนจะตกลงมา จึงได้ออกไปเอาร่มน่ะ ทำไมหรือ คุณกังวลว่าผมจะไปหรือครับ?”
ดวงตาของมายมิ้นท์มีความเขินอายแวบวาบผ่าน ต้องการจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดเมื่อสักครู่ แต่พอคำพูดมาถึงปาก กลับพูดอะไรไม่ออกเลย
เพราะว่าเธอพบว่าตัวเองไม่สามารถโกหกได้เลย
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีแผนอยู่ในใจ และได้พยักหน้าตอบตกลง“ได้อยู่แล้วค่ะ”
เขาตากฝนเป็นเพื่อนเธอ เพียงแค่อาหารมื้อเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าเธอคงไม่ตระหนี่ถี่เหนียวหรอก
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ”มีแสงแวบวาบผ่านดวงตาของเปปเปอร์ และมันก็หายวับไป
สองนาทีต่อมา ทั้งสองคนมาถึงบริเวณที่ฝังศพของไตรภูมิ
เนื่องจากคุณแม่ของมายมิ้นท์นั้นเสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ดังนั้นบริเวณพื้นที่สุสานคุณแม่ของมายมิ้นท์นั้น ได้ขายไปหมดนานแล้ว
ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่ของมายมิ้นท์ จึงได้ฝังไว้ห่างไกลกันมาก
เมื่อเธอมาถึงพื้นที่ที่อยู่ไม่ไกลจากป้ายสุสานของคุณพ่อนั้น มายมิ้นท์ก็เห็นดารามายที่ถูกบอดี้การ์ดทั้งสองกดไหล่ไว้ ถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าป้ายสุสานของคุณพ่อ
ดูเหมือนว่าดารามายจะไม่ยอมเลย ร่างกายของเธอยังคงดิ้นรนไม่หยุด และตะโกนด่าไม่หยุดอีกด้วย ซึ่งเต็มไปด้วยคำที่ด่ามายมิ้นท์ทั้งนั้น
คำพูดเหล่านั้น หยาบคายมากจนไม่อาจทนฟังได้ เป็นประเภทที่คนฟังแล้วจนต้องขมวดคิ้วเช่นนั้น
เปปเปอร์ขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีกทันที สีหน้าก็ดูแย่อย่างมาก สายตาที่มองดูดารามายนั้น มันยิ่งทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บจนน่ากลัว
มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆนั้นกำลังโกรธอยู่ ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธ และได้แตะที่แขนของเขาเล็กน้อย“อย่าไปสนใจเลยค่ะ คุณยิ่งสนใจ เธอก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ เพราะว่าเธอรู้สึกว่า เธอได้โจมตีถูกฉันแล้ว ในทางกลับกัน หากไม่ไปสนใจอะไร ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองโจมตีไม่โดนอะไรเลย คนที่รู้สึกทุกข์ใจนั้นกลับเป็นเธอเอง”
พอพูดจบ เธอก็ได้นำร่มยื่นเข้าไปที่มือของเขา“คุณรอฉันอยู่ที่นี่นะคะ ฉันไปจัดการก่อน เลขาซินดี้”
เธอได้หันไปตะโกนทางนั้น
เมื่อเลขาซินดี้ได้ยินเสียงของเธอ ก็รีบกางร่มแล้วเดินมาอย่างไว“ค่ะประธานใหญ่”
เลขาซินดี้ได้ยื่นร่มไปด้านหน้าเล็กน้อย
มายมิ้นท์ได้ก้มลง เดินออกจากใต้ร่มของเปปเปอร์ แล้วเดินไปยังร่มของเลขาซินดี้ จากนั้นก็มองดูเปปเปอร์แล้วพูดว่า:“ฉันไปก่อนนะคะ”
“ไปเลยครับ”เปปเปอร์พยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...