มายมิ้นท์พยักหน้า“งั้นฉันก็ทำอาหารบ้านๆ ง่ายๆไม่กี่อย่างให้ว่าไงคะ?”
“โอเคครับ ผมมาช่วยนะครับ”เปปเปอร์ลุกขึ้นยืน
มายมิ้นท์มองดูเขาด้วยใบหน้าที่สงสัย“คุณมาช่วยหรือ?”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”เปปเปอร์ได้ถามอีก
มายมิ้นท์ได้จับชามที่อยู่ในมือนั้น“คุณไม่เคยเข้าห้องครัวเลย คุณแน่ใจนะว่าคุณทำได้อ่ะ?”
ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกเขา
แต่เพราะว่าตั้งแต่เขาเกิดมา ก็ใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวยมาโดยตลอด ไม่เคยได้ทำเรื่องไม่สำคัญอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย
มือของเขานั้น ก็ไม่เคยได้มาจับมีดทำครัว แต่กลับเอามาจับปากกาแทน
ดังนั้น เธอจึงไม่เชื่อจริงๆ ว่าเขาจะสามารถช่วยอะไรได้
มากไปกว่านั้น คือแม้แต่เธอเองก็ไม่เคยได้ทำงานบ้านอะไรตั้งแต่เด็ก สาเหตุที่ทำกับข้าวเป็น ก็เพราะตอนที่แต่งงานเมื่อหกปีก่อน ถูกพิศมัยบังคับออกมานั่นเอง
ก่อนที่จะแต่งงานนั้น เธอก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน
เมื่อเปปเปอร์ฟังคำพูดที่มายมิ้นท์ถามด้วยความไม่น่าเชื่อนั้น พูดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าที่หล่อเหลานั้น“ผมทำได้ครับ”
เป็นผู้ชาย ไม่ควรพูดว่าทำไม่ได้เด็ดขาด
นอกจานี้ ก่อนหน้านั้นในตอนที่เขาอยู่เกาหลีนั้น เคยได้ฝึกต้มซุปแก้เมาค้างในออนไลน์ ก็ถือได้ว่าเข้าห้องครัวแล้ว
ดังนั้นหากจะช่วย ก็คงไม่มีปัญหาอะไร……หรอกมั้ง?
ภายในใจของเปปเปอร์คิดเช่นนี้อยู่
เมื่อมายมิ้นท์เห็นเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างมากว่าตัวเองสามารถทำได้ ก็ไม่ได้สงสัยเขาอีกว่าจะทำไม่ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเขากล้าพูดขนาดนี้ งั้นคิดว่า เขาอาจจะมีฝีมืออยู่นิดหน่อยสินะ
และอีกอย่างสิ่งที่เขาเป็นนั้นเยอะมาก เรื่องอื่นๆก็ทำได้ดีมากเช่นกัน ไปช่วยที่ห้องครัวหน่อย คิดว่าคงไม่มีปัญหาจริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ มายมิ้นท์ก็ได้ชี้ไปทางทิศทางห้องครัวนั้น“ในเมื่อคุณต้องการจะช่วย งั้นก็มาเลย”
หลังจากพูดจบ เธอได้เดินไปทางห้องครัว
เปปเปอร์ได้เลียนแบบเดินตามหลังเธอ
มาถึงที่ห้องครัว มายมิ้นท์ได้นำผักที่จะทำในอีกสักครู่ออกมาจากตู้เย็น
จำพวกแตงผลไม้ต่างๆ เธอได้ใส่ลงในอ่างล้างจานโดยตรง มีเพียงผักบุ้งหนึ่งอย่างหนึ่ง เธอได้ใส่เข้าไปที่กะละมังขนาดเล็ก แล้วยื่นให้กับเปปเปอร์พร้อมกัน
เปปเปอร์รับมันมาด้วยความมึนงง“อันนี้……”
“เด็ดมันให้ด้วย”มายมิ้นท์ได้ชี้ไปที่กะละมังขนาดเล็กนั้น“พอเด็ดเสร็จแล้ว ก็ใส่เข้าไปในกะละมังก็พอ”
“โอเค……”เปปเปอร์ได้รับกะละมังมา แล้วมองดูผักบุ้งในกะละมังนั้นอีกครั้ง คนทั้งคนยืนงงไปหมด
เด็ดผักนี่ยังไงเนี่ย?
ผักนี่ไม่ใช่ว่าถูกเด็ดมาแล้วหรือ?
ยังต้องเด็ดยังไงอีก?
เปปเปอร์ได้ถือกะละมังนั้น แล้วยืนอยู่ที่นั่น ทำตาปริบๆ ไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร
เมื่อมายมิ้นท์เห็นเขาไม่ขยับไปไหนเลย ได้ถามด้วยความสงสัย“มีอะไรหรือคะ?”
“ไม่มีอะไร ผมไปเด็ดที่ข้างนอกนะครับ”เปปเปอร์ได้ก้มศีรษะลงแล้วพูด
เขาจะพูดว่าตัวเองเด็ดผักนี่ไม่เป็นตั้งแต่แรกเลยไม่ได้เด็ดขาด
เขาพึ่งจะพูดอวดไปเมื่อสักครู่ โดยบอกว่าตัวเองสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน แต่เพียงแค่งานแรกที่เธอมอบให้กับเขา เขาก็ทำไม่เป็นแล้ว ไม่พูดถึงเรื่องเสียหน้า แต่เธออาจจะรู้สึกผิดหวังต่อเขาก็ได้
ดังนั้นเขาออกไปจะดีกว่า ค้นหาอินเทอร์เน็ตอย่างเงียบๆ ว่าจะทำอย่างไร
เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของเปปเปอร์ ก็ไม่ได้สงสัยว่าเขานั้นหาข้ออ้างออกไป เพื่อไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาเด็ดผักไม่เป็น
เธอคิดเพียงว่าห้องครัวนี้ก็ไม่ได้กว้างมาก ยืนอยู่ที่นี่ทั้งสองคน มันก็แออัดอยู่เล็กน้อยจริงๆ จึงได้พยักหน้าตอบตกลง“ไปเถอะค่ะ ที่ข้างนอกมีถังขยะอยู่ นำส่วนที่ไม่ใช้โยนทิ้งที่ถังขยะก็พอแล้วค่ะ”
“อื้อ”เปปเปอร์ได้ตอบตกลง และถือกะละมังเดินออกไปแล้ว
เมื่อมาถึงที่ห้องนั่งเล่น เปปเปอร์ได้เดินตรงมาทางโต๊ะอาหารแล้วนั่งลง นำกะละมังที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าชุดนอนเพื่อปลดล็อก ถ่ายรูปผักบุ้งในกะละมัง และใช้รูปภาพนี้เพื่อค้นหา
ในไม่ช้า ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับผักในกะละมังนี้ ก็ได้เด้งออกมาหมด
หลังจากที่เปปเปอร์ได้ดูการแนะนำของผักนี่หมดแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจในสิ่งที่มายมิ้นท์พูดว่าเด็ดนั้นหมายถึงอะไร
เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบออกมาอย่างลวกๆหนึ่งชุด
เปปเปอร์ได้ยื่นมือออกไป หยิบชามที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุดออกมา
ขณะที่เขาหยิบชามออกจากตู้เก็บของในครัว ชามนั้นก็หลุดออกจากมือของเขาทันที จากนั้นเขาก็ได้มองดูที่ตกลงไปบนพื้น ด้วยความตกตะลึง
เสียงดังเปรี๊ยะ
ชามนั้นได้ตกลงบนพื้นอย่างแรง เสียงดังฟังชัดมาก และแตกออกเป็นหลายส่วน
เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินเสียงนี้ ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รีบหันกลับมา ก้มดูชามที่อยู่บนพื้นนั้น ถามด้วยความประหลาดใจ“ชามนี่แตกได้ยังไงหรือคะ?”
เปปเปอร์กล่าวขอโทษพร้อมกับเม้มปาก“ขอโทษนะครับ ชามลื่นไปหน่อย ผมเพียงมือเดียว จับไม่แน่นพอ จึงตกลงไปทันทีเลย”
เขาก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองก็แค่ไปหยิบชามเท่านั้น กลับทำชามตกซะงั้น
มากไปกว่านั้นคือเขาได้เกิดความสงสัย หรือว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”มายมิ้นท์ได้พยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ถามเปปเปอร์ด้วยความเป็นห่วง“แล้วคุณไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?”
“ไม่มีครับ”เปปเปอร์ได้ส่ายหัว จากนั้นก็มองดูที่เธอ และขยับริมฝีปากเล็กน้อย“มายมิ้นท์ คุณไม่โกรธหรือครับ?”
มายมิ้นท์เอียงศีรษะ“ทำไมต้องโกรธด้วยคะ?”
“เพราะผมได้ทำชามแตก”เปปเปอร์ได้ชี้ไปตรงเศษซากบนพื้น
มายมิ้นท์ได้ยิ้มเล็กน้อย“ก็แค่ชามเท่านั้นเอง ไม่ใช่สิ่งของมีค่าอะไรสักหน่อย ตกแล้วก็ตกเลยน่ะสิ และอีกอย่าง เป็นฉันที่คิดไม่รอบคอบเอง ลืมนึกถึงเลยว่าแขนซ้ายของคุณยังไม่หายดี มือเดียวทำเรื่องอะไรก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ ดังนั้นหากจะโทษ ฉันก็คงต้องโทษตัวฉันเองเท่านั้น เอาเถอะ คุณยืนอยู่ข้างๆนะ ฉันมาทำความสะอาดเอง ”
“ผมทำเอง”เปปเปอร์ริเริ่มรับงานชิ้นนี้มา
ในมุมมองของเขานั้น นี่เป็นสิ่งที่เขาเป็นคนทำตกแตก ก็ควรจะเป็นเขาที่มาทำความสะอาด
แต่มายมิ้นท์กลับโบกมือปฏิเสธ“คุณมีเพียงมือเดียวทำความสะอาดไม่สะดวกหรอก ฉันทำเองก็พอแล้ว เดี๋ยวก็ทำความสะอาดเสร็จหมดแล้วล่ะ”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็ได้หยิบไม้กวาดที่อยู่หลังประตูนั้นแล้วเริ่มทำความสะอาดเศษซาก
เปปเปอร์ยืนอยู่ที่นั่น ก้มศีรษะมองดูแขนซ้ายตัวเองที่คล้องแขนอยู่ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แขนข้างนี้ของเขาจึงจะหายดีสักที
เขาในตอนนี้คาดหวังให้หายในทันทีจริงๆเลย อย่างน้อยถ้าเป็นเช่นนี้ เขาก็สามารถช่วยทำงานหน่อย ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนไร้ค่าคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...