รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 622

แม้จะเข้าใจในความหมายของสิ่งเหล่านี้ แต่ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างชัดเจน

เขาทำเพียงขยับแว่นตาแล้วตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบดำเนินการให้”

เปปเปอร์ตอบรับว่าอืมเบาๆ ก่อนจะวางสายลง

ในไม่ช้ามายมิ้นท์ก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อย

เปปเปอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว ช่วยหยิบอาหารออกมา

ซึ่งแม้เขาจะทำอะไรได้ไม่ดี แต่อย่างน้อยการยกชามอาหารก็ไม่น่าจะมีปัญหา

เพราะจานไม่ได้ลื่นเหมือนกับชาม

เนื่องจากส่วนผสมที่มีจำกัด มายมิ้นท์จึงทำอาหารออกมาเพียงสามอย่างและน้ำซุปอีกหนึ่งอย่าง โดยมากแล้วเป็นอาหารปรุงสุก

มองไปดูเหมือนจะเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่เปปเปอร์ก็ไม่ทำทีท่ารังเกียจแต่อย่างใด เขากลับมีความรู้สึกว่าอาหารเช่นนี้ ทำให้รู้สึกชื่นชอบพึงพอใจได้มากกว่าอาหารที่ทำโดยเชฟระดับมิชลินเสียอีก

นั่นเป็นเพราะว่า ในสายตาของเขา อาหารเหล่านี้มีความรู้สึกลงไปใส่ลงไปด้วย

ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มายมิ้นท์เห็นว่าเปปเปอร์เอาแต่จับจ้องไปที่อาหารเหล่านั้นแต่ไม่หยิบตะเกียบสักที จึงคิดว่าเขารู้สึกถึงอาหารที่เธอทำมันเรียบง่ายเกินไปหรือเปล่า เธอทำทีท่าเขินอายแล้วพูดว่า “เอ่อคือ อาหารในคืนนี้มันอาจจะดูเรียบง่ายไปหน่อย คุณ......”

“ไม่เลยครับ” เปปเปอร์รีบส่ายหน้าทันควัน “อาหารคืนนี้น่ากินมาก”

“คุณไม่รู้สึกว่ามันธรรมดาไปหน่อยเหรอคะ?” มายมิ้นท์มองไปที่เขาแล้วเอ่ยถาม

เปปเปอร์หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่หรอกครับ ตอนกลางคืนควรจะกินอาหารเบาๆ ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างผมบอกไว้แล้วว่าเพียงแค่เป็นอาหารที่คุณทำผมก็ชอบทุกอย่าง ทานข้าวกันเถอะครับ”

เมื่อพูดจบเขาก็คีบอาหารเข้าไปไว้ในชามของตน

เมื่อมายมิ้นท์เห็นเขาเริ่มลงมือรับประทาน เธอก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เดิมทีเธอเข้าใจว่าเขารู้สึกรังเกียจอาหารค่ำของเธอวันนี้เสียอีก ตั้งใจจะโน้มน้าวให้เขากินเเก้ขัดไปก่อน

ในเมื่อเขาไม่รังเกียจก็ดีแล้ว

“ครั้งหน้าฉันจะทำอาหารดีๆ ให้ทานนะคะ” มายมิ้นท์เองก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมตัวกินอาหารเช่นกัน

เปปเปอร์ได้ยินประโยคนั้นของเธอ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาบ “ครั้งหน้าคือเมื่อไหร่เหรอครับ คืนพรุ่งนี้ได้ไหม?”

เพราะหากเป็นดังนี้เขาก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะรั้งเธอเอาไว้ได้แล้ว

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเปปเปอร์คิดอะไรอยู่ในใจ เธอมองเห็นดวงตาอันเต็มไปด้วยความคาดหวังของเขา ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอเล็กน้อย เธอไม่อาจพูดคำปฏิเสธออกมาได้เลย ท้ายที่สุดแล้วจึงได้แต่พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”

เมื่อได้คำตอบจากเธอ เปปเปอร์ก็รู้สึกพออกพอใจและเผยอยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มจางๆ

หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว มายมิ้นท์ก็ทำการเก็บถ้วยชามใส่เข้าไปในเครื่องล้างจาน ปล่อยให้เครื่องล้างจานทำหน้าที่ของมันไป และเธอก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ

เธอตั้งค่าเครื่องล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากห้องครัว เปปเปอร์เข้าไปรั้งเธอเอาไว้แล้วถามว่า “มายมิ้นท์ ผมนอนที่ไหน?”

มายมิ้นท์มองไปที่ชุดนอนของเขา และรู้สึกว่าตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว ท้ายที่สุดเธอก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้เขากลับไปนอนที่บ้าน จึงได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดว่า “นอนโซฟาแล้วกันค่ะ ที่เดิม”

ดวงตาของเปปเปอร์ดูโศกเศร้าเล็กน้อย

มายมิ้นท์เห็นดังนั้นก็เผยอริมฝีปากขึ้นแล้วถามว่า “คุณไม่ได้อยากจะนอนในห้องฉันใช่ไหมคะ?”

นี่คือคอนโดของเธอ มีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น

ห้องหนึ่งคือห้องนอนของเธอ และอีกห้องหนึ่งคือห้องรับแขก ซึ่งต่อมาถูกเธอดัดแปลงเป็นห้องอ่านหนังสือ จึงไม่สามารถใช้นอนได้

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดหวังมากที่จะต้องนอนบนโซฟา เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะนอนกับเธอที่ห้องนอนใหญ่

เปปเปอร์เห็นว่ามายมิ้นท์เดาความคิดของเขาออก จึงเงยหน้ามองเธอแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “ได้ไหม?”

“ไม่ได้แน่นอนค่ะ!” มายมิ้นท์เบิกตาจ้องมองเขา การที่เธอให้เขาอยู่ต่อนับว่าไว้หน้าเขามากแค่ไหนแล้ว

ตอนนี้ยังไงล่ะ ได้คืบจะเอาสอบ อยากนอนห้องเธอ?

เปปเปอร์จึงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาลงไปไม่ได้พูดอะไรอีก

เมื่อมายมิ้นท์เห็นเขาเป็นดังนั้น หางตาของเธอก็กระตุกเล็กน้อย “คุณไม่ต้องทำท่าทางแบบนี้หรอกค่ะ คิดว่าฉันจะใจอ่อนเหรอ?”

คิดว่าเธอมองไม่ออกว่าเขากำลังเสแสร้งอยู่หรือไง แกล้งทำเป็นเศร้าให้เธอใจอ่อนและเห็นใจ

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีขอบเขตเช่นนี้ เสแสร้งแกล้งทำเป็นน่าสงสาร เรื่องแบบนี้ทำได้ยังไงกัน

ต้องรู้ว่าหากเป็นเมื่อก่อน เรื่องแบบนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ไม่แม้แต่จะกล้าคิดว่าผู้ชายเผด็จการคนนี้จะมีมุมนี้ด้วย แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นต่อหน้าเธอจริงๆ

ขณะเดียวกัน ในใจของมายมิ้นท์ก็ชัดเจนว่าการที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเธอ ดังนั้นเขาจึงยินยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองในอดีตและทำเรื่องที่น่าตกใจแบบนี้ขึ้น

นั่นเป็นเพราะว่าความพิเศษของเขาพี่มีต่อเธอ และจะพิเศษเฉพาะกับเธอเท่านั้น

“มายมิ้นท์ครับ สายจากหมอการันต์” เปปเปอร์ตะโกนไปทั้งห้องน้ำ

มายมิ้นท์ได้ยินดังนั้นเธอก็ตอบขึ้นว่า “คุณช่วยรับให้ฉันหน่อย น่าจะเกี่ยวข้องกับดารามาย”

“ครับ” เปปเปอร์ตอบรับอย่างมีความสุข

การที่เธอให้เขารับสายแทน ไม่เพียงแต่ว่าเชื่อใจเขา อีกทั้งเรียกได้ว่าเป็นการประกาศตัวตนของเขาให้แก่โลกภายนอกรู้ด้วย

เขาดีใจจริงๆ

เปปเปอร์กดรับสาย จากนั้นถือโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฮัลโหล”

ที่ปลายสาย เมื่อการันต์ได้ยินว่าไม่ใช่เสียงมายมิ้นท์ แต่กลับเป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง เขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่าโทรผิดหรือเปล่า

จากนั้นเขาจึงพบว่าเขาไม่โทรผิด เป็นเบอร์ของมายมิ้นท์จริงๆ เขาจึงวางโทรศัพท์ไปที่หูอีกครั้ง “คุณเป็นใคร?”

“ผมเอง” เปปเปอร์พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

ครั้งนี้การันต์ฟังน้ำเสียงของเขาออก จึงขยับแว่นตาดึงด้วยความประหลาดใจ “เปปเปอร์ ทำไมถึงเป็นคุณ?”

“ทำไมเป็นผมไม่ได้?” ริมฝีปากเรียวบางของเปปเปอร์โค้งขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความไม่สะทกสะท้าน

การันต์เลิกคิ้วขึ้น “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรับสายมือถือของมายมิ้นท์ คุณอยู่ที่บ้านมายมิ้นท์เหรอ?”

“ใช่” น้ำเสียงของเปปเปอร์ดูมีชัยมากขึ้น

การันต์ผลักแว่นตาของเขากลับไปที่เดิมแล้วเดาอย่างกล้าหาญว่า “เปปเปอร์ คุณกับมายมิ้นท์คืนดีกันแล้วเหรอ?”

“ก็ยังหรอกนะ แต่คงเร็วๆ นี้” เปปเปอร์ไม่ได้โกหก เขาตอบออกไปตามตรง

ถึงอย่างไรเขาและมายมิ้นท์ก็ใกล้จะคืนดีกันแล้ว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องโกหกเรื่องนี้

การันต์หัวเราะเหอะๆ ออกมา “มองดูแล้วมายมิ้นท์น่าจะให้อภัยคุณแล้วสินะ ผมควรจะแสดงความยินดีกับคุณด้วยหรือเปล่า?”

“ผมก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ คุณจะบอกผมตอนนี้เลยก็ได้” เปปเปอร์พับขาเข้ามานั่งไขว้กันแล้วตอบออกไปอย่างเกียจคร้าน

การันต์กลอกตาแล้วพูดว่า “ผมก็แค่ล้อเล่น คุณคิดจริงจังเหรอ? เอาล่ะ มายมิ้นท์อยู่ที่ไหน เอาโทรศัพท์ให้มายมิ้นท์ที ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

“ตอนนี้เธอไม่ว่าง เธอสั่งให้ผมรับสายคุณ มีเรื่องอะไรบอกกับผมก็ได้ เดี๋ยวผมจะบอกกับเธอให้” เปปเปอร์หยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบแล้วพูดขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว