เปปเปอร์ถือกล่องอาหารมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟ จากนั้นก็หันไปมองเธอแล้วตอบว่า “หมายความว่า ต่อไปผมจะมาที่นี่บ่อยๆ มาหาคุณ มากินข้าวกับคุณ อาจจะมีพฤติกรรมอะไรที่ใกล้ชิดกัน ต่อไปถ้าเธอบุกเข้ามาแบบนี้ทุกครั้ง จะทำยังไง?”
ได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของมายมิ้นท์ก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เธอเบิกตาใส่เขา “แหวะ ใครจะมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับคุณ?”
เขานี่พูดอะไรออกมาได้ทุกอย่างจริงๆ
เปปเปอร์จับมือเธอมานั่งลง “เราเป็นแฟนกัน ต่อไปก็เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่ใกล้ชิดกับผม แล้วคุณจะใกล้ชิดกับใคร?”
เขามองเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ราวกับว่าเธอพูดถึงคนอื่น เขาก็จะโมโหเธอ
มายมิ้นท์จับหน้าผากตัวเองอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “พอได้แล้วเปปเปอร์ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณแค่ไม่พอใจที่เมื่อกี้เลขาซินดี้เข้ามาขัดจังหวะเรากอดกันใช่ไหม คุณเลยเป็นแบบนี้ อยากให้ฉันยกเลิกกฎที่ถ้าเลขาซินดี้ไม่มีอะไรก็เข้ามาในห้องทำงานของฉันได้ตามอำเภอใจ”
พูดตรงๆก็คือ เขากำลังแก้แค้นเลขาซินดี้
เหอะ ไอ้ผู้ชายใจแคบ
ถูกจับได้ เปปเปอร์ไม่เพียงแต่ไม่มีท่าทีรู้สึกผิด แล้วยังถามกลับว่า “แล้วคุณเห็นด้วยไหม?”
มายมิ้นท์จับมือตัวเอง “โอเคๆ ฉันเห็นด้วย”
ถึงแม้จะบอกว่าเขาใจแคบ
แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า ต่อไปพวกเขาต้องเจอกันบ่อยขึ้น ต้องทำอะไรที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน
ถ้าไม่บอกเลขาซินดี้ ต่อไปเลขาซินดี้บุกข้ามาเหมือนครั้งนี้อีก มันก็คงจะรู้สึกอึดอัดจริงๆ
และแน่นอนว่า เรื่องที่ผู้ชายตรงหน้าสนใจก็คือเรื่องการถูกรบกวน
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์เห็นด้วยแล้ว เขาก็ปล่อยเธอด้วยความพอใจ “กินข้าวกันเถอะ”
มายมิ้นท์เปิดกล่องอาหาร
หลังจากกินเสร็จ ก็เกือบบ่ายสองแล้ว
หลังจากที่มายมิ้นท์เอางานช่วงบ่ายมอบหมายให้เลขาซินดี้แล้ว เธอก็ขึ้นรถไปกับเปปเปอร์ ออกไปจากเทนเดอร์กรุ๊ปและมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์
การันต์ไม่มีผ่าตัดตอนบ่าย เขากำลังรอพวกเขาอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง
เห็นมายมิ้นท์มากับเปปเปอร์ เขาไม่มีท่าทีที่แปลกใจอะไรทั้งนั้น
สองคนนี้พึ่งจะตัดสินใจกลับมาคืนดีกัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นที่สุด แทบอยากจะอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมง
ดังนั้นการที่พวกเขาสองคนมาด้วยหัน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“นั่งลงเถอะ” การันต์ชี้ไปที่เก้าอี้สองตัวที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงาน
เปปเปอร์ยังไม่นั่ง เขาลากเก้าอี้ออกมาให้มายมิ้นท์ รอให้เธอนั่งลงก่อนแล้วตัวเองค่อยนั่งลงตาม แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติความเป็นลูกผู้ชายที่ดีอย่างเต็มที่
การันต์เห็นแบบนี้ก็เลิกคิ้ว
เอะ นี่คือเปปเปอร์ที่เย่อหยิ่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาและเห็นคนอื่นเป็นแค่มดเหรอเนี่ย?
“คุณคิดอะไรอยู่” จู่ๆเปปเปอร์ก็หรี่ตาลงแล้วถามการันต์
การันต์กระแอมเบาๆ “ไม่มีอะไร”
“จริงเหรอ?” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากที่บอบบางด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ “ผมคิดว่า คุณกำลังคิดอะไรที่ไม่มีมารยาทอยู่”
“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผมเป็นหมอ เป็นมืออาชีพ ในหัวก็คิดแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคนไข้เท่านั้น” การันต์ฝืนยิ้ม
ทันทีที่พูดแบบนี้ออกมา ไม่ต้องพูดถึงเปปเปอร์ที่ทำสีหน้าไร้อารมณ์ แม้แต่มายมิ้นท์ก็ยังรู้สึกพูดไม่ออก
คิดแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคนไข้จริงๆเหรอ?
ไม่มีทาง
เธอยอมรับว่าเขาเป็นหมอที่เก่งคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่หมอที่ดีแน่นอน
อย่างน้อย นอกจากเขาแล้ว เธอไม่เคยเห็นหมอคนไหนที่รักษาและช่วยชีวิตคนด้วยการฆ่าคน
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น คุณหมอการันต์ คุณตรวจแขนให้เขาเถอะค่ะ” มายมิ้นท์สะบัดมือแล้วเปลี่ยนเรื่อง
การันต์จับแว่นตาแล้วลุกขึ้น “โอเค คุณไปลงทะเบียนให้เขาก่อน เดียวต้องทำCTสแกน ดูการฟื้นตัวของกระดูก”
มายมิ้นท์เห็นแบบนี้ เธอก็ขมวดคิ้วแน่น “คุณชวนชม ถ้าคุณไม่พูดอะไรก็ขอทางด้วยค่ะ ฉันมีธุระ ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่”
พูดจบ เธอกำลังจะเดินผ่านชวนชมไป
แต่ว่าชวนชมกางแขนออกหยุดเธอไว้ “คุณมายมิ้นท์จะไปไหนไม่ได้”
สีหน้าของมายมิ้นท์แย่ลง เห็นได้ชัดว่าเธอโมโห “คุณชวนชม คุณจะทำอะไรกันแน่ คุณพูดตรงๆได้ไหม”
ชวนชมอ้าปากค้าง สุดท้ายเธอก็จับมือมายมิ้นท์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล “คุณมายมิ้นท์ ขอร้องละคะ ช่วยพ่อของฉันด้วย”
“อะไรนะ?” มายมิ้นท์สับสนไปหมด
เธอดึงมือออกมาจับหน้าผาก ขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่งถึงได้เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เธอจึงหัวเราะด้วยความโมโห “คุณบอกว่า ให้ฉันช่วยพ่อของคุณ? ช่วยเยี่ยมบุญ?”
“ใช่ค่ะ คุณมายมิ้นท์ ขอร้องละนะคะ ช่วยเขาด้วย!” ชวนชมรีบพยักหน้าแล้วก็จะจับมือมายมิ้นท์อีกครั้ง
แต่มายมิ้นท์ถอยหลังออกไป จากนั้นก็มองเธอราวกับกำลังมองคนบ้า “คุณชวนชม สมองของคุณไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม? คุณขอให้ฉันช่วยเยี่ยมบุญ คุณบ้าไปแล้วหรือว่าหูของฉันมีปัญหากันแน่?”
“ฉันไม่ได้บ้า และหูของคุณก็ไม่ได้มีปัญหา” ชวนชมส่ายหน้าซ้ำๆ “ฉันหมายความว่าแบบนั้นแหละ ฉันอยากให้คุณช่วยพ่อของฉัน”
มายมิ้นท์ทำสีหน้าเย็นชา “ไม่ ชวนชม ฉันคิดว่าคุณบ้าไปแล้ว คุณอยากให้ฉันช่วยเยี่ยมบุญ คุณคิดอะไรอยู่ คุณจะให้ฉันไปช่วยศัตรูของฉัน? คุณคงจะกินยาผิดมารึเปล่า หลีกไป!”
เธอหมดความอดทนแล้ว เธอกระแทกไหล่ชวนชมแล้วเดินไปข้างหน้า
ว่ากันว่าทุกปีมีแต่คนแปลกๆ แต่ปีนี้กลับมีเยอะเป็นพิเศษ
ชวนชมอยากให้เธอช่วยเยี่ยมบุญ
ประสาท
คิดได้ยังไง?
“มายมิ้นท์ เธอจะไปไหนไม่ได้!” ทันใดนั้น ชวนชมที่อยู่ข้างหลังก็ตะโกนเสียงดังแล้วดึงมายมิ้นท์ไว้อีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนใส่มายมิ้นท์ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เธอต้องช่วยเขา นี่เป็นความผิดของเธอ มายมิ้นท์ นี่เป็นความผิดของเธอ!”
มายมิ้นท์สีหน้ามืดมนลง “ความผิดของฉัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...