รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 648

“ใช่!” ชวนชมพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ มั่นใจว่าการช่วยเยี่ยมบุญคือความรับผิดชอบของมายมิ้นท์

และมายมิ้นท์ ก็ต้องรับผิดชอบความผิดนี้

มายมิ้นท์สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโมโหในใจเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อ๋อเหรอ? งั้นเธอลองบอกสิว่าทำไมมันถึงเป็นความผิดของฉัน?”

“เพราะเธอคือ……”

พูดถึงตรงนี้ ชวนชมก็เงียบไปอีกครั้ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปต่างๆนาๆ มีความลังเล ความสับสนและความไม่สบายใจ

มายมิ้นท์หรี่ตาลง “พูดสิ ทำไมถึงเป็นความผิดของฉัน ทำไมเธอไม่พูดล่ะ?”

ชวนชมกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง มือทั้งสองข้างก็กำหมัดแน่น แต่เธอก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

เมื่อกี้เธออยากพูดว่า เพราะว่ามายมิ้นท์คือลูกสาวแท้ๆของเยี่ยมบุญ

แต่พูดได้แค่ครึ่งเดียว เธอก็ตระหนักได้ว่า ถ้าเธอพูดแบบนั้นออกไป งั้นเรื่องที่ตัวเองคือชวนชมตัวปลอมก็จะถูกเปิดเผย

แบบนั้นเธอก็จะไม่ได้อยู่ที่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ใช้ชีวิตของคนคนนี้อีกต่อไปแล้ว

ดังนั้นเธอพูดไม่ได้ พูดไม่ได้เด็ดขาด!

คิดแบบนี้ ชวนชมก็หลับตาลง และเมื่อลืมตาขึ้นมา เธอก็ใจเย็นลงไม่น้อย

เธอมองไปที่มายมิ้นท์แล้วพูดว่า “เพราะว่าไตของเธอเข้ากันได้กับไตของพ่อฉัน ดังนั้นมายมิ้นท์ เธอจะไม่ช่วยเขาไม่ได้”

เธอเห็นเยี่ยมบุญสองสามีภรรยาเป็นพ่อแม่แท้ๆของเธอ

ตอนที่อยู่กับพวกเขา เธอถึงได้รู้ว่าความรักของพ่อแม่คืออะไร ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้เยี่ยมบุญตาย

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเยี่ยมบุญตาย ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็จะโค้นล่ม แบบนั้นเธอก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตที่หรูหราแบบนี้อีกแล้ว

ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องช่วยเยี่ยมบุญ

ครั้งก่อน เธอบังเอิญเจอผลตรวจสุขภาพของมายมิ้นท์ในถังขยะ จากนั้นก็หาคนเอาไปเทียบกับข้อมูลผลตรวจของเยี่ยมบุญ สุดท้ายถึงได้รู้ว่าไตของมายมิ้นท์เข้ากันได้กับไตของเยี่ยมบุญจริงๆ

ดังนั้นวันนี้ เมื่อเธอเห็นมายมิ้นท์ เธอถึงได้เดินมาขอร้องให้มายมิ้นท์ไปช่วยเขา

รูม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป

ไตของเธอ เข้ากันได้กับไตของเยี่ยมบุญ?

เป็นไปไม่ได้!

“ชวนชม เธอรู้ได้ยังไงว่าไตของฉันเข้ากันได้กับไตของเยี่ยมบุญ?” มายมิ้นท์เดินเข้าไปจับข้อมือฃชวนชม แล้วดึงเธอเข้ามาถามด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เธอทำอะไร?”

ในการจับคู่ไต ถ้าไม่มีDNAของเธอ ชวนชมไม่มีทางทำได้แน่นอน

แต่ตอนนี้ชวนชมรู้ว่าไตของเธอเข้ากันได้กับไตเยี่ยมบุญ เธอน่าจะเคยจับคู่ไตของเธอกับเยี่ยมบุญ

ดังนั้นเธอจึงสงสัยว่าชวนชมไปเอาDNAของเธอมาจากไหน

แต่เธอรู้ดี ว่าคำพูดเหล่านี้มันน่าขยะแขยงและปลอมมากแค่ไหน

เพราะถ้าเป็นเธอ รู้ว่าศัตรูของตัวเองกำลังจะตาย เธอก็ไม่มีทางช่วย

แต่เธอไม่มีทางเลือก คนที่ช่วยพ่อของเธอได้มีแค่มายมิ้นท์เท่านั้น ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่เธอไม่ยอมพูดความจริงของพวกเธอ เธอก็ต้องพูดแบบนี้เท่านั้น

บีบฝ่ามือตัวเอง ชวนชมรวบรวมความกล้าแล้วพูดอีกครั้งว่า “คุณมายมิ้นท์ ฉันรู้ว่าให้เธอช่วยพ่อของฉันมันทำให้เธอลำบากใจ แต่เธอลองคิดดูสิ ถ้าเธอช่วยพ่อของฉัน เธอก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณของพ่อฉัน บางทีพ่อฉันอาจจะเห็นแก่ที่เธอช่วยเขา ขจัดความเคียดแค้นกับตระกูลกิตติภัคโสภณก็ได้?”

มายมิ้นท์หัวเราะแห้ง “ขจัดความเคียดแค้นกับตระกูลกิตติภัคโสภณ? ชวนชม เธอคงไม่รู้ใช่ไหม ว่าความเคียดแค้นของตระกูลกิตติภัคโสภณและตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ตระกูลภักดีพิศุทธิ์เป็นคนเริ่มก่อน ดังนั้นถ้าจะขจัดความเคียดแค้น ก็ต้องเป็นตระกูลกิตติภัคโสภณเท่านั้น ไม่ใช่เยี่ยมบุญ”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็สะบัดมือ “เอาล่ะชวนชม เธอไม่ต้องบอกให้ฉันช่วยเยี่ยมบุญ ไม่ต้องพูดว่าฉันจะไม่ตอบตกลง ถึงแม้ว่าคนที่เธอมาขอร้องให้ฉันช่วยวันนี้จะไม่ใช่เยี่ยมบุญ แต่เป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ฉันก็ไม่มีทางช่วย มันคือไตทั้งอันเลยนะ ทำไมฉันต้องสูญเสียมันไปเพื่อช่วยคนอื่น ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ใจบุญขนาดนั้น ความตายของคนอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน แล้วถ้าเป็นเธอล่ะชวนชม เธอจะขุดไตของตัวเองออกมาไหม?”

ถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เธอสามารถบริจาคเงินและสิ่งของ แต่การบริจาคไตเพื่อช่วยชีวิตคน อย่าแม้แต่จะคิด

เธอไม่มีทางทำให้ตัวเองต้องเหมือนตายทั้งเป็นเพียงเพราะช่วยคนอื่น

ชวนชมพูดไม่ออกเพราะคำพูดของมายมิ้นท์อีกครั้ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

มายมิ้นท์ยิ้มเยาะเย้ย “ดูสิ เธอเองก็ยังตอบไม่ได้ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ฉันเอาไตของตัวเองไปช่วยพ่อของเธอ แล้วพ่อของเธอก็ยังเป็นศัตรูของฉันอีกต่างหาก ตามหลักแล้ว เรื่องการบริจาคไต ให้คนที่มีสายเลือดเดียวกันเป็นคนบริจาคดีกว่า เพราะมันจะได้เข้ากันได้มากกว่า เธอเป็นลูกสาวของเยี่ยมบุญ เธอควรบริจาคไตช่วยพ่อของเธอสิ “

“ฉัน...ไตของฉันเข้าไม่เข้ากันกับไตของคุณพ่อ!” ชวนชมก้มหน้าลง หลบสายตาแล้วตอบกลับ

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเธอพูดความจริง แค่เห็นเธอก้มหน้า เธอคิดว่าชวนชมรู้สึกผิดเพราะว่าโกหก เธอจึงประชดประชัน “ในฐานะลูกสาวของเยี่ยมบุญ เธอยังไม่ยอมบริจาคไตของตัวเองให้พ่อตัวเองเลย แล้วยังจะมาบีบบังคับฉันด้วยศีลธรรมแบบนี้ เก่งจริงๆเลย!”