ของขวัญเหรอ?
เปปเปอร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ยิ้มขึ้นมา แล้วส่งข้อความเสียงถามกลับไปว่า “ทำไม อยากมอบของขวัญให้ผมเหรอ?”
“ก็วันเกิดคุณใกล้ถึงแล้วนี่ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปด้วยข้อความเสียง
เปปเปอร์ถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าวันเกิดตัวเอง ใกล้ถึงแล้วจริง ๆ
ถึงว่าล่ะ อยู่ ๆ เธอก็มาถามว่าเขาอยากได้ของขวัญอะไร
บนใบหน้าเปปเปอร์เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ขอแค่เป็นของที่คุณมอบให้ ผมก็ชอบทุกอย่าง”
เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าเธอจะจำวันเกิดของเขาได้ด้วย
ที่สำคัญยังเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน ว่าจะมอบของขวัญวันเกิดให้เขาด้วย
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าเปปเปอร์ ก็ค่อย ๆ เบ่งบานขึ้นมา
ในลานจอดรถยังมีพนักงานคนอื่น ๆ ของบริษัทตระกูลนวบดินทร์อีก พอเห็นเขายิ้มแบบนี้มาจากที่ไกล ๆ ต่างก็อึ้งทึ่งไปเลย
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าประธานเปปเปอร์ของพวกเขานั้นเป็นยมทูตหน้าเย็นชา พนักงานเก่าที่อยู่ในบริษัทตระกูลนวบดินทร์มาเป็นสิบปีบางคนยังบอกว่า ไม่เคยเห็นประธานเปปเปอร์ยิ้มมาก่อนเลย แถมยังสงสัยกันด้วยว่าประธานเปปเปอร์นั้นยิ้มเป็นหรือเปล่า
แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาไม่ได้แค่กำลังเห็นประธานเปปเปอร์ยิ้ม แต่ยังยิ้มอย่างมีความสุขซะขนาดนี้ นี่มันช่างทำให้คนตกตะลึงมากจริง ๆ
แต่ว่า พอประธานเปปเปอร์ยิ้มขึ้นมา ก็น่ามองมากจริง ๆ พอไม่มีความเย็นชาอย่างในตอนปกติแล้ว กลับดูมีความอบอุ่นที่เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
นี่คงมีความรักแล้วใช่ไหม?
พวกพนักงานพวกนี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงข่าวในอินเทอร์เน็ตในช่วงสองวันที่ผ่านมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบคาดเดาไปในใจ
มายมิ้นท์ไม่รู้สถานการณ์ทางเปปเปอร์ว่าเป็นยังไง เธอยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำไป “แบบนั้นไม่ได้ค่ะ คุณจะต้องพูดของที่คุณอยากได้มาอย่างหนึ่ง ไม่งั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้คุณดี แล้วอีกอย่าง คุณห้ามบอกฉันว่าไม่ต้องให้นะคะ ฉันจะไม่ชอบใจได้นะคะ”
ช่วงนี้ตั้งแต่ยืนยันความสัมพันธ์กันมา ที่จริงมีแต่เขาที่คอยเสียสละอยู่ตลอด และเธอก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเลยจริง ๆ
ดังนั้น ถือโอกาสตอนที่เป็นวันเกิดเขา เธอก็อยากจะมอบอะไรให้เขาสักหน่อยเหมือนกัน
จำเป็นที่จะต้องบอกมาหนึ่งอย่างเหรอ?
เปปเปอร์กะพริบตาขึ้น
ที่จริง ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร
เพราะว่าเขาไม่ได้ขาดอะไรเลย
และเขาก็ไม่ได้อยากให้เธอให้จริง ๆ ด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว แถมยังบอกว่าถ้าไม่ให้เธอให้ละก็ จะไม่ชอบใจซะด้วย
ดูท่า ตัวเองจำเป็นที่จะต้องยอมให้เธอให้ได้ซะแล้ว
คิดแล้ว เปปเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วขำขึ้นมาครู่หนึ่ง “งั้นเดี๋ยวผมลองคิดดูสักหน่อยละกัน เดี๋ยวค่อยให้คำตอบคุณนะ”
พอได้ยินคำตอบนี้ของชายหนุ่ม มายมิ้นท์ก็พยักหน้าขึ้นมา แล้วพิมพ์ตอบกลับไปคำเดียวว่า : ค่ะ
พอส่งไปแล้ว เธอก็จดจ้องอยู่ที่คำตอบกลับไปของตัวเอง
พอเห็นว่าแค่ตัวอักษรตัวเดียว ก็เหมือนกับว่าจะเรียบง่ายและเย็นชาไปหน่อย จากนั้นก็พิมพ์ส่งอีกหลายตัวอักษร : รอคุณอยู่นะคะ
ด้านหลังยังตามด้วยอีโมจิแมวส้มทำท่าหัวใจน่ารักอีกตัว
พอมองอีโมจินี่ไป ใบหน้าของมายมิ้นท์ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกของเธอเลย ที่มีความกล้าส่งอีโมจิที่แสดงออกถึงความรักอย่างชัดเจนแบบนี้ให้กับเขา ดังนั้นจึงค่อนข้างประหม่า และเขินอายอยู่บ้าง
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ พอเปปเปอร์มองเห็นอีโมจิอันนี้ ม่านตาก็ค่อย ๆ หดตัวลงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าโดนอีโมจิอันนี้ทำให้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
แต่ว่าไม่นาน เขาก็สงบนิ่งลงมา แล้วหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา จากนั้นก็กดอีโมจิอันนี้ค้างไว้แล้วบันทึกเก็บไว้ และเตรียมจะตอบกลับไปให้เธออันหนึ่งเหมือนกัน
แต่ว่าตอนที่เขากดเปิดคอลัมน์อีโมจิของตัวเองออกมานั้น ก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง
เพราะว่านอกจากเขาจะมีแต่อีโมจิตัวการ์ตูนหน้าเหลืองตามระบบแล้ว ก็ไม่มีอีโมจิอย่างอื่นเลย
ดังนั้นถ้าอยากจะส่งให้มายมิ้นท์ ก็ยังต้องไปค้นหาเองอีก
ยังดีที่สามารถค้นหาประเภทอีโมจิที่ตัวเองต้องการได้จากในนี้เลย ด้วยเหตุนี้เปปเปอร์จึงไม่ต้องใช้เวลามากนัก ก็สามารถค้นหาอีโมจิที่แสดงออกถึงความรักออกมาได้มากมายเลย
เขาไถไปวนเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เลือกอันที่น่ารักที่สุดอันหนึ่งออกมาบันทึกไว้ แล้วกดส่งไปให้มายมิ้นท์
มายมิ้นท์นึกว่าที่เขาไม่ตอบข้อความกลับมาในหลายนาทีนี้ ก็คงจะไม่ตอบกลับมาอีกแล้ว ดังนั้นจึงได้วางโทรศัพท์ลง และกำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำอยู่
พอเพิ่งจะดื่มไปได้คำเดียว ก็เห็นโทรศัพท์ที่อยู่วางบนโต๊ะทำงาน อยู่ ๆ ก็สว่างและสั่นขึ้นมา
เธอวางแก้วน้ำลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทีหนึ่ง แล้วน้ำคำหนึ่งที่ดื่มเข้าไปก็พุ่งพรวดออกมาทันที จนทำให้หน้าจอลายไปทั้งหมด แล้วตัวเธอก็กุมท้องไว้แล้วหัวเราะออกมาไม่หยุด
พอได้ยินเสียงของเขา สีหน้าของพวกเลขาและผู้ช่วยก็เปลี่ยนไปทันที ไม่กล้าที่จะสุมหัวอยู่ด้วยกันอีก รีบสลายตัวไปทันที แล้วยืนเป็นแถวเดียวกัน จ้องมองไปที่เขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “ประธานเปปเปอร์”
โอ้สวรรค์ ทำไมประธานเปปเปอร์ถึงได้กลับมาตอนนี้ได้ล่ะ
และที่สำคัญยังมาจับได้ว่าพวกเขากำลังแอบประชุมเล็กกันอีก
คราวนี้จบเห่แล้ว ไม่โดนไล่ออก ก็ต้องโดนลดตำแหน่งแล้ว
เปปเปอร์เดินมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แล้วกวาดตามองคนพวกนี้ด้วยสายตาเย็นชารอบหนึ่ง
พอพวกเลขาและผู้ช่วยพวกนี้ได้รับสายตาของเขา ร่างกายก็แข็งทื่อไปจนแทบทนไม่ไหว
เรียวปากของเปปเปอร์ขยับขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน พวกนายไม่ทำงานอยู่ในห้องทำงาน แต่กลับมาสุมหัวพูดคุยกันอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ขอโทษครับประธานเปปเปอร์ พวกเรารู้ตัวว่าทำผิดแล้วครับ”
พวกเลขาและผู้ช่วยรีบขอโทษขึ้นมาทันที
เปปเปอร์หึเสียงเย็นไปทีหนึ่ง “ตัดโบนัสเดือนนี้ กลับไปทำงานได้แล้ว”
“ครับ” พวกเขารีบพยักหน้ารับขึ้นมา ในขณะเดียวกันในใจก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง
ดีมากเลย แค่หักโบนัสเท่านั้น ไม่ได้ไล่พวกเขาออก และไม่ได้ลดตำแหน่งพวกเขาด้วย
นี่ถือว่าเป็นความโชคดีมากในความโชคร้ายแล้ว
พวกเขาครุ่นคิดไป แล้วก็รีบหมุนตัวไป แล้วกลับเข้าไปห้องทำงานที่อยู่ด้านหลัง
แล้วในตอนที่คนที่ใส่ผ้าพันคออยู่ กำลังจะเดินเข้าไปด้วยนั้น อยู่ ๆ เปปเปอร์ก็เรียกตัวเขาไว้ “นายอยู่ก่อน”
เลขาที่โดนเรียกตัวไว้สีหน้าขาวซีดไปทันที ในใจก็เป็นกังวลไม่หยุด
แย่แล้ว แย่แล้ว ประธานเปปเปอร์คงจะไม่ได้ลงโทษเขาอย่างหนักหรอกนะ?
ในเมื่อ เขาต่างหากที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการประชุมเล็กในครั้งนี้ขึ้นมา
เพราะฉะนั้น ประธานเปปเปอร์ก็เลยอยากจะลงโทษเขาคนเดียว จากนั้นก็เชือดไก่ให้ลิงดูใช่ไหม?
เลขาและผู้ช่วยคนอื่น พอเห็นว่าเขาโดนเปปเปอร์เรียกตัวไว้คนเดียว ต่างก็คือคิดแบบนี้เหมือนกัน
สำหรับสิ่งนี้ พวกเขาได้แต่แอบช่วยอธิษฐานอยู่ในใจให้เขา แต่ฝีเท้ากลับไม่กล้าชักช้าเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...