เมื่อคนคนนั้นได้ยินเสียงของมายมิ้นท์ ในที่สุดก็ขยับ และยกศีรษะขึ้น
มายมิ้นท์คาดไม่ถึง ก็ยังคงไม่สามารถเห็นหน้าของคนคนนั้นได้ เห็นเพียงคนคนนั้นที่สวมใส่มาส์กสีดำอยู่ และครึ่งหน้าที่โผล่เหนือมาส์ก กลับถูกพันด้วยผ้าพันแผล เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ มายมิ้นท์ตกใจจนเบิกตากว้าง
คนคนนี้กลับกำลังอยู่ในระหว่างการทำศัลยกรรม
ใบหน้าของคนคนนี้พันผ้าพันแผลอยู่ และสามารถมองเห็นรอยตัดของเปลือกตาสองชั้นที่เปลือกตาไม่บวมได้ คนคนนี้ไม่ได้ทำศัลยกรรมขนาดเล็ก แต่กลับทำศัลยกรรมครั้งใหญ่ราวกับต้องการเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนกะโหลกยังไงยังงั้น
นี่มันต้องเจ็บขนาดไหนกัน
มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ขณะที่กำลังตกใจ ก็รู้สึกชื่นชมด้วยเช่นกัน
เพราะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้า ที่จะยอมเสี่ยงกับอันตรายขนาดนี้ และทำการศัลยกรรมอย่างเต็มรูปแบบ
“คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?หรือว่าต้องการพบใครหรือเปล่าคะ?”มายมิ้นท์พยายามกดทับความตกใจไว้ เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านนอกประตูไม่พูดไม่จา จึงทำได้เพียงถามขึ้นประโยคหนึ่ง
เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากคนคนนี้ก้มหน้าอยู่ จึงทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือว่าเป็นผู้หญิง แม้ว่าคนคนนี้จะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ว่ารูปร่างค่อนข้างสูง ดูแล้วน่าจะสูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบกว่าเซนติเมตร ดังนั้นเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นผู้ชาย
แต่ว่าหลังจากที่คนคนนี้เงยหน้าขึ้นมา เธอดูจากแววตาของคนคนนี้ และเส้นผมที่โผล่ออกมาจากใต้ปีกหมวก จึงมั่นใจว่าคนคนนี้เป็นผู้หญิง
ดังนั้นเธอจึงเรียกฝ่ายตรงข้ามว่า คุณผู้หญิง
ผู้หญิงที่อยู่ทางด้านนอกประตูก็ยังคงไม่รับคำ ทำเพียงเงยหน้าจ้องมองไปยังมายมิ้นท์
ใบหน้าของเธอนั้นราบเรียบ แต่ว่าในใจนั้นเผยคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
มายมิ้นท์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?
หรือว่าข่าวที่ผู้คนต่างลือกันจะเป็นความจริง เธอกับเปปเปอร์คืนดีกันแล้ว?
เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้หญิงวางมือบนที่วางแขนของรถเข็นและซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ จู่ๆก็กำหมัดแน่น เล็บถูกฝังอยู่ในเนื้อฝ่ามือ วินาทีต่อมา หล่อนรีบก้มหน้าลงทันที ใบหน้าไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับถูกวางยาพิษ
พวกเขากลับมาอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ!
พวกเขากลับมาอยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ!
ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทนรับความจริงได้ ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่าหล่อนยังคงไม่พูดไม่จา ในใจก็เกิดความระมัดระวังตัวขึ้นมา ส่วนน้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้เกรงใจแต่กลับเผยความเย็นชาออกมาไม่น้อย“คุณผู้หญิงท่านนี้ หากคุณยังไม่ตอบคำถามอีก ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วนะคะ”
ขณะที่พูด เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ผู้หญิงคนนี้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ในเวลานี้ก็กลับเข้าสู่ใบหน้าที่ราบเรียบอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หล่อนกระแอมหนึ่งที พลางพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบามากว่า:“ต้องขอโทษด้วยนะคะ เหมือนฉันเดินผิดทาง”
“เดินผิดทาง?”มายมิ้นท์เธอมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็ยังสงสัยว่าทำไมเสียงผู้หญิงคนนี้ถึงได้ไม่น่าฟังเอาเสียเลย เสียงแหบเหมือนมีทรายในลำคอ เมื่อเทียบกับเสียงตอนที่เปปเปอร์ดื่มเหล้าเมาแล้ว เสียงแหบนี้ยิ่งแย่ลงไปอีก
“ใช่ค่ะ”หญิงสาวก้มหน้าลงพลางพยักหน้า
มายมิ้นท์แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ“นี่เป็นชั้นบนสุด ไม่ใช่ชั้นที่อยู่ตรงกลาง”
ดังนั้นจะมาผิดทางโดยไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง
เพราะถึงยังไงการที่จะมาชั้นบนสุดของตึกๆนี้ได้ จำเป็นต้องขึ้นลิฟต์เฉพาะเท่านั้น
ลิฟต์ตัวนั้นมีปุ่มให้กดเพียงชั้นเดียว ก็คือชั้นบนสุด
หากบอกว่ามาผิดทาง ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
เมื่อผู้หญิงคนนั้นรับรู้ได้ว่ามายมิ้นท์เกิดความสงสัยตนเอง หลังจากกะพริบตา ก็ตอบอย่างใจเย็นว่า:“ฉันรู้ว่านี่คือชั้นบนสุด เพราะว่าคนที่ฉันต้องการมาพบก็อยู่ชั้นบนสุดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าไม่ใช่ตึกๆนี้ เดิมทีฉันคิดว่าเขาอยู่ตึกๆนี้ แต่หลังจากที่ได้เห็นคุณผู้หญิง ฉันถึงได้รู้ว่าไม่ใช่”
“อ่า?”มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“แล้วคุณมั่นใจได้ยังไงคะว่า คุณมาผิดตึก?ถ้าหากว่าคุณไม่ได้มาผิดตึกล่ะ แต่บังเอิญว่าฉันออกมาจากห้องของคนที่คุณกำลังตามหาพอดี?”
เธอจ้องมองผู้หญิงคนนั้น เหมือนจะอยากดูอะไรบางอย่าง ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงสงบนิ่ง “เป็นไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าเพื่อนของฉันคนนี้ป่วยหนักมาก นอกจากฉันและครอบครัวของเขาแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าห้องได้อย่างเด็ดขาด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเมื่อสักครู่นี้ฉันถามคุณตั้งสองครั้ง แต่ทำไมคุณถึงไม่ตอบคำถามฉัน?”มายมิ้นท์ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ผู้หญิงหดเปลือกตาลง“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ เมื่อเห็นคุณก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็ค่อยๆย้อนคิดว่าเขาอยู่ตึกไหนกันแน่ ดังนั้นต้องขอโทษจริงๆนะคะ ฉันขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ ผู้หญิงก็ควบคุมรถเข็นแล้วหันหลังกลับ พลางเดินไปยังทางไปลิฟต์
มายมิ้นท์ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู พลางมองไปที่หล่อนอย่างเรียบเฉย ไม่ได้ขวางการจากไปของหล่อน
มายมิ้นท์เลิกคิ้วอย่างกะทันหัน“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?คุณไม่น่าลืมนะคะ?”
เธอเดินเข้าไป นั่งลงข้างๆเตียง“คุณลืมไปแล้วจริงๆเหรอคะ?”
เปปเปอร์ยกมือแตะขมับเบาๆ“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเวียนหัวนิดหน่อย”
“เวียนหัว?”แววตาของมายมิ้นท์แน่นขึ้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบที่ศีรษะของเขา อยากที่จะทราบว่าเขาตัวร้อนหรือเปล่า
เพราะว่าคนที่เมาเหล้าส่วนใหญ่จะมีอาการตัวร้อน มีไข้
แต่ว่าพอลูบดู หัวใจที่ถูกยกขึ้นมาด้วยความกังวลก็กลับไปยังที่เดิมอย่างวางใจ
เขาไม่ได้ตัวร้อน อาการเวียนศีรษะน่าจะเป็นอาการข้างเคียงของการสร่างเมา
มายมิ้นท์ยื่นน้ำที่อยู่ตรงหัวเตียงตั้งแต่เมื่อเช้าให้กับเปปเปอร์ พลางยื่นส่งให้“ดื่มสักหน่อยเถอะ ในนั้นมียาแก้เมาค้าง ดื่มสักหน่อยจะดีขึ้นมาก ”
เปปเปอร์ยื่นมือไปรับ แล้วค่อยๆดื่ม
รอประมาณหนึ่งนาที มายมิ้นท์ก็มองมาที่เขาพลางถามขึ้น “ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย“ดีขึ้นแล้ว”
“ในเมื่อดีขึ้นแล้ว ถ้างั้นคุณลองนึกดูสิคะว่าทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ รวมไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันนี้ มีเซอร์ไพรส์นะคะ”มายมิ้นท์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เปปเปอร์มองดูท่าทีเช่นนี้ของเธอ หัวใจเต้นแรง พลางมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างอธิบายไม่ได้
สิ่งที่เธอพูดถึงนั้น เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไร แต่คงเป็นเรื่อง น่าระทึกขวัญมากกว่า
“ทำไมเหรอคะ?ทำไมถึงได้มองฉันอย่างนั้นล่ะคะ?”มายมิ้นท์มองไปยังเปปเปอร์ ดวงตาขยับเล็กน้อย แน่นอนว่าเดาออกว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ยิ้มพลางถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับ ไม่ได้ตอบอะไร
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ถือสา พลางลุกขึ้นจากเตียง “โอเคค่ะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันไปเตรียมอาหารเย็นก่อน คุณก็ค่อยๆคิดนะคะ คิดออกแล้วก็ออกมากินข้าว”
เธอรอคอยให้เขาออกมา เพื่อดูท่าทีที่กระอักกระอ่วนจนไม่กล้ามองเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...