คิดถึงขนาดนี้ รู้สึกมีความใกล้ชิดขนาดนี้ ทำให้ร่างกายของเธออดไม่ได้ที่จะสั่น ดวงตาแดงก่ำ
“เรื่องนี้คุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอครับ?”มือข้างหนึ่งของเปปเปอร์พิงที่ขอบหน้าต่างพลางตอบกลับ
มายมิ้นท์กะพริบตาอย่างสับสน “ฉันเป็นคนบอกคุณเหรอคะ?”
“อึม”
“เมื่อ……เมื่อไหร่เหรอคะ?”มายมิ้นท์ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยบอกเขา ว่าเธอยังมีชื่อเล่น
ชื่อเล่นนี้ ตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้วนับตั้งแต่ที่พ่อตาย เธอก็เธอปิดผนึกไว้
กระทั่งว่าหากวันนี้เขาไม่เรียกเธอ ไม่แน่ว่าเธอก็อาจจะลืมไปแล้วว่าตนยังมีชื่อๆนี้อยู่
“สิบเอ็ดปีที่แล้ว”เปปเปอร์มองผู้หญิงที่อยู่บริเวณนอกหน้าต่างพลางตอบกลับ
ดวงตาของมายมิ้นท์เบิกกว้าง “สิบเอ็ดปีที่แล้ว?”
“ใช่ครับ”เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์กลืนน้ำลาย“ความหมายของคุณก็คือ เมื่อสิบเอ็ดปีก่อนฉันเคยเขียนจดหมายเพื่อบอกคุณงั้นเหรอคะ?”
เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้วเธอไม่เคยเจอเขามาก่อน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะบอกเขากับปากของเขาเอง เกี่ยวกับชื่อเล่นชื่อนี้
สิ่งเดียวที่เป็นไปได้ ก็น่าจะเป็นการเคยเอ่ยถึงในจดหมาย เพราะว่าในตอนนั้น พวกเขานั่งสองเป็นเพื่อนทางจดหมายกันแล้ว
เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์เดาออกแล้ว เปปเปอร์จึงพยักหน้ายอมรับ “ใช่ครับ คุณเคยพูดถึงในจดหมาย ในตอนนั้นคุณถูกดารามายรังแกแล้วดารามายไม่พอใจเป็นอย่างมากที่พ่อเรียกชื่อเล่นของคุณ และร้องไห้โวยวายห้ามไม่ให้พ่อเรียกคุณแบบนี้ คุณรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นอย่างมาก คุณจึงได้บอกเรื่องนี้กับผมทางจดหมาย และได้เอ่ยถึงชื่อสะระแหน่แม้ว่าคุณจะเคยเอ่ยถึงเพียงครั้งเดียว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเลย ”
“ที่แท้……ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก น้ำเสียงสั่นเครือ “เรื่องผ่านมานานขนาดนี้แล้ว คุณยังจำได้อีกเหรอคะ ฉันลืมไปแล้ว”
ถ้าเขาไม่พูด เธอก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่เมื่อเขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้
เธอเคยเอ่ยเรื่องนี้ทางจดหมายจริงๆ
ตอนนั้นเธออายุสิบห้าปี พ่อเพิ่งจะกลับมาจากการทำงานต่างประเทศ และได้ซื้อของขวัญมาฝากเธอกับดารามาย
ในตอนนั้นเธอกับดารามายดีใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเมื่อดารามายได้ยินพ่อเรียกเธอว่าสะระแหน่จู่ๆก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ไหนแต่ไรมา พ่อเธอเรียกเธอว่าสะระแหน่มาโดยตลอด และเรียกดารามายว่ามาย แต่ว่าดารามายกลับไม่ชอบชื่อมาย คิดว่าชื่อนี้ไม่ได้พิเศษเท่ากับชื่อสะระแหน่ คิดว่ามายมาจากอักษรตัวสุดท้ายของชื่อ มันลวกๆเกินไป ดังนั้นหล่อนจึงไม่พอใจที่พ่อเรียกชื่อสะระแหน่ออกเธอ
แต่ว่าแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ก่อนดารามายก็ไม่เคยโวยวายมาก่อน อย่างมากหล่อนก็แค่พูดขึ้นด้วยความโกรธเคืองสองสามประโยค แต่ว่านับตั้งแต่ที่พ่อมอบของขวัญให้กับพวกเธอในครั้งนั้น จู่ๆดารามายก็โวยวายออกมายกใหญ่และบอกว่าต่อไปห้ามพ่อเรียกเธอว่าสะระแหน่อีก
แม้ว่าพ่อจะไม่เห็นด้วย แต่ว่าในใจของเธอก็รู้สึกไม่ได้รีบความยุติธรรม ดังนั้นท่ามกลางความเสียใจ จึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้ และส่งให้กับคนที่ชื่อข้าวก้อง
เพราะว่าข้าวก้องเป็นคนที่อ่อนโยน และเมื่อเธอคิดไม่ได้หรือรู้สึกเสียใจก็มักที่จะชี้แนะเธอ ดังนั้นเธอเชื่อใจเขาเป็นอย่างมาก
ที่แท้ การตอบกลับจดหมายฉบับนั้น ก็มีข้าวก้องเป็นคนปลอบใจและชี้แนะเธอ
“เรื่องของคุณ ผมจำได้ทั้งหมด”เปปเปอร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน
มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ที่ถูกชื่อเล่นชื่อนี้ ทำให้จิตใจรู้สึกสับสน “ใช่แล้ว ทำไมจู่ๆคุณถึงได้พูดชื่อเล่นนี้ขึ้นมาล่ะครับ?”
เปปเปอร์มองไปที่เขาพลางตอบกลับ:“ในเมื่อพวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว ผมก็คงจะไม่เรียกชื่อจริงของคุณตลอดไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็จะดูห่างเหินเกินไป แต่ว่าผมก็ไม่อยากเรียกคุณเหมือนที่ลาเต้เรียก ผมอยากมีชื่อเรียกเฉพาะกับคุณ ดังนั้นก็เลยคิดถึงเรื่องนี้”
“เหรอคะ”มายมิ้นท์ปัดเส้นผมครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นชื่อเล่นชื่อนี้ เมื่อก่อนคุณก็เคยเรียกส้มเปรี้ยวใช่ไหมคะ?”
เพราะถึงยังไงส้มเปรี้ยวก็เคยปลอมตัวเป็นเธอ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเขาจะเคยใช้ชื่อนี้เรียกส้มเปรี้ยว
ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ในใจของเธอจะต้องรู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอน
แต่ว่าเปปเปอร์กลับพยักหน้า“เปล่าครับ”
“จริงหรือเปล่าคะ?”มายมิ้นท์หรี่ตา เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อ
เปปเปอร์พยักหน้าอย่างตั้งใจ “จริงๆนะครับ คุณเคยพูดในจดหมายว่า ชื่อเล่นชื่อนี้ แม่ของคุณเป็นคนตั้งให้ อีกทั้งมีเพียงพ่อและแม่ของคุณเท่านั้นที่จะเรียกได้ ดังนั้นแม้ว่าผมจะคิดว่าส้มเปรี้ยวเป็นคุณ แต่ว่าผมก็ไม่เคยเรียกแบบนี้กับส้มเปรี้ยว ชื่อเล่นชื่อนี้ เป็นของคุณตั้งแต่ต้นจนจบ และสะอาดหมดจด”
เมื่อก่อนพ่อกับแม่ของเธอเรียกเธอแบบนี้ เธอก็รับปากอย่างไม่มีความกดดันใดทั้งสิ้น
แต่ว่าตอนนี้การที่เขาเรียกเธอเช่นนี้ เป็นการเรียกของสามีเก่าหรือแฟนในปัจจุบัน
อีกทั้งชื่อเรียกชื่อนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงจากพ่อที่ใช้เรียกลูก จนถึงใช้เรียกแฟน ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่ว่าเธอก็จะค่อยๆปรับตัว
ขณะที่คิด มายมิ้นท์คลึงแก้มของตน อึม หนึ่งทีราวกับเสียงยุงบิน ซึ่งก็ถือว่ารับปากแล้ว
เมื่อเปปเปอร์ได้ยินดังนั้น ดวงตาเป็นประกาย พลางเรียกอีกครั้งหนึ่งว่า “สะระแหน่”
มายมิ้นท์จ้องมองที่เขา“เปปเปอร์ คุณพอได้แล้วหรือยังคะ เรียกจนติดแล้ว?”
เปปเปอร์ยิ้มอ่อน
มายมิ้นท์โบกมือ“พอได้แล้ว คุณรีบไปเถอะ คุณจะรีบไปหาท่านย่าไม่ใช่เหรอคะ ฝากถามทุกข์สุขท่านย่าแทนฉันด้วยนะคะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะไปเยี่ยมท่านค่ะ”
“เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะมารับคุณครับ”เปปเปอร์เหลือบมองนาฬิกาพลางพูดขึ้น
มายมิ้นท์อยากที่จะปฏิเสธ แต่ว่าเมื่อคิดไปคิดมา พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว การที่เขามารับเธอก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วไม่ใช้เหรอ เธอกลืนการปฏิเสธอย่างเร่งด่วนพร้อมทั้งตอบกลับว่า“ได้ค่ะ ก่อนมาก็บอกฉันก่อนนะคะ ฉันจะได้ดูว่าตอนนั้นฉันยุ่งหรือไม่ยุ่ง”
“อึม”เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย
มายมิ้นท์โบกมือให้กับเขา พลางหันไปทางตึกของบริษัท
เปปเปอร์มองความเปลี่ยนแปลงของเธอ
ทันใดนั้นผู้ช่วยเหมันตร์ที่นั่งอยู่เบาะคนขับก็หันมา“ประธานเปปเปอร์ คุณกับคุณมายมิ้นท์คืนดีกันแล้วเหรอครับ?”
การสนทนาที่ประธานเปปเปอร์กับคุณมายมิ้นท์คุยกันเมื่อสักครู่นี้ เมื่อฟังแค่ครู่เดียวก็รับรู้ว่าพวกเขาคืนดีกันแล้ว
ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น ว่าเป็นอย่างที่ตนคิดไหม
เปปเปอร์หดสายตาลงพลางมองมายังผู้ช่วยเหมันตร์ ใบหน้าเผยความภูมิใจอย่างที่ไม่สามารถปกปิดได้ออกมา“คุณเดาถูกต้อง พวกเราคืนดีกันแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...