รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 681

เขาเกือบจะทำให้ท่านย่าต้องตาย แม้ว่าในที่สุดท่านย่าจะไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็ตกใจไม่น้อย

ดังนั้น เขาจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เขายินดีที่จะรับการลงโทษทุกอย่าง

เพราะถึงยังไง เดิมทีก็เป็นความผิดของเขา

เปปเปอร์ก้มหน้ามองชายหนุ่มที่โค้งคำนับต่อหน้าตน ริมฝีปากบางเม้มแน่น รอบกายเต็มไปด้วยไอแห่งความเย็น และไม่ได้บอกให้ผู้ช่วยเหมันตร์ลุกขึ้นยืนอยู่นาน

เพราะว่าเขาโกรธจริงๆ

ไม่นานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าประตูก็ตึงเครียดขึ้นมาก ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย นอกจากลมหายใจที่ออกมาเพียงเล็กน้อย และไม่มีเสียงใดเลย สิ่งนี้ทำให้ในใจของคนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เป็นเช่นเดียวกัน

เปปเปอร์ไม่พูดไม่จา ไม่เรียกให้เขาลุกขึ้น และก็ยังคงจ้องมองเขาอยู่ ทำให้ในใจของเขารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก

เขายอมให้ประธานเปปเปอร์เตะเขาหนึ่งที หรือด่าว่าเขา เขาก็คงจะไม่หวาดกลัวขนาดนี้ กระทั่งเหงื่อบริเวณหน้าผากค่อยๆไหลออกมา

“เปปเปอร์”มายมิ้นท์รับรู้ถึงความรู้สึกกดดันที่อยู่ในใจของผู้ช่วยเหมันตร์ หลังจากที่ถอนหายใจแล้ว ก็ดึงแขนเสื้อของชายหนุ่ม เตรียมเอ่ยปากพูดแทนผู้ช่วยเหมันตร์

เปปเปอร์รับรู้ได้ถึงความหมายของเธอ พลางเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เชื่อฟังเธอ หลังจากที่มองไปยังผู้ช่วยเหมันตร์ ก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณพูดอะไรกับท่านย่า?”

เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์เห็นเขาเอ่ยปากขึ้น ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้น

เมื่อประธานเปปเปอร์พูด นั้นก็หมายความว่าความโกรธที่อยู่ในใจของประธานเปปเปอร์ลดลงแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเขาน่าจะมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของประธานเปปเปอร์แล้ว

นี่ถือว่าเป็นความดีความชอบของคุณมายมิ้นท์

หากไม่ได้เป็นเพราะว่าเมื่อสักครู่นี้คุณมายมิ้นท์เรียกประธานเปปเปอร์ ประธานเปปเปอร์คงไม่ปล่อยเขาง่ายๆแน่ๆ

“ประธานเปปเปอร์ สิ่งที่ผมพูดกับท่านย่าก็คือ……”ผู้ช่วยเหมันตร์มองมายังมายมิ้นท์ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่แสดงความรู้สึกขอโทษออกมา

มายมิ้นท์ทราบดีว่า ผู้ช่วยเหมันตร์แสดงออกมาเป็นนัยว่าไม่ต้องการให้เธอรับฟัง พลางอมยิ้ม “พวกคุณคุยกันเถอะค่ะ ฉันขอตัวเข้าไปข้างในก่อนนะคะ เดี๋ยวพวกคุณคุยกันเสร็จแล้วฉันจะออกมาค่ะ”

เมื่อพูดจบ เธอก็หันหลังแล้วเดินเข้าไปข้างใน

เธอรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้ต้องการที่จะบอกเธอ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกโกรธ

เปปเปอร์มองไปยังเงาหลังของมายมิ้นท์ที่เดินเข้าไปในห้อง และไม่ได้ขวางเธอไว้

เหมันตร์เป็นคนที่รู้กาลเทศะ

ในเมื่อเหมันตร์จงใจไม่ยอมบอกให้มายมิ้นท์รู้ นั้นก็หมายความว่าสิ่งที่เหมันตร์พูดกับท่านย่า จะต้องเกี่ยวข้องกับสถานะของเขาอย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้น การที่ท่านย่าซึ่งเป็นคนที่ผ่านความทุกข์ยากมามากมายขนาดนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับแรงกระตุ้นไม่ไหว จนต้องเป็นลมล้มสลบไป

แม้ว่าบริษัทตระกูลนวบดินทร์จะล้มละลาย แต่ท่านย่าก็ไม่มีทางเป็นลมสลบไปอย่างแน่นอน

จุดอ่อนเดียวของท่านย่าก็คือเขากับปีโป้

ดังนั้น มีเพียงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขากับปีโป้เท่านั้นที่ท่านย่าจึงจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

หลังจากที่เงาหลังของมายมิ้นท์หายไปจนหมดสิ้นแล้ว เปปเปอร์จึงได้ใช้สายตามองไปยังผู้ช่วยเหมันตร์อีกครั้ง สายตาอันตรายหรี่ลงพลางพูดขึ้นว่า“คุณบอกท่านย่า เกี่ยวกับเรื่องหัวใจของผมใช่ไหม?”

เรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเขาในตอนนี้ มีเพียงเรื่องหัวใจของเขาเท่านั้น

ดังนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ท่านย่ารู้เรื่องนี้แล้ว ก็เลยทำให้เป็นลมสลบไป

ศีรษะของผู้ช่วยเหมันตร์มุดลงต่ำ“ใช่ครับ”

ความกดอากาศรอบๆตัวของเปปเปอร์กดลงต่ำ น้ำน้ำเสียงเย็นชาราวกับมาจากนรกน้ำแข็ง “ทำไมคุณต้องพูดออกมาด้วย?ผมกำชับคุณไว้ว่ายังไง บอกให้คุณเก็บไว้เป็นความลับ อย่าให้ท่านย่ากับมายมิ้นท์พวกเขารู้ไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้คุณกลับพูดออกมา!”

“ขอโทษครับประธานเปปเปอร์”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับอย่างละอายใจ:“เรื่องเรื่องนี้ เดิมทีผมก็อยากที่จะปิดบังท่านย่าเหมือนกันครับ เพียงแต่ท่านย่ารับรู้ได้เองว่ามีบางอย่างผิดปกติ เป็นเพราะว่าแค่คุณดื่มไวน์ก็เมาแล้ว ข้อบกพร่องใหญ่เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านย่าจะไม่รับรู้ถึงปัญหาด้านสุขภาพของคุณ อีกทั้งในตอนนั้นท่านย่าก็บังคับผม ผม……ผมก็เลยอดที่จะบอกหล่อนไม่ได้ อีกทั้งแม้ว่าหล่อนจะไม่พูดท่านย่าก็สามารถตรวจสอบเองได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็คงไม่สามารถปิดบังท่านย่าได้เช่นกัน”

ริมฝีปากบางของเปปเปอร์เผยความหนาวเย็นออกมา ไม่พูดไม่จา

เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล หลังจากที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นของผู้ช่วยเหมันตร์แล้ว ก็เลยรู้ว่า เรื่องนี้จะโทษเหมันตร์ฝ่ายเดียวไม่ได้

ความผิดส่วนใหญ่นั้นเป็นเพราะเขาเอง

เขาประเมินร่างกายปัจจุบันของเขาสูงเกินไป เขาไม่เคยคิดเลยว่า ร่างกายของเขาในตอนนี้ แม้แต่ดื่มไวน์ก็เมาได้

มายมิ้นท์เก็บโทรศัพท์“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”เปปเปอร์พับแขนขึ้น แสดงความหมายออกมาอย่างเห็นได้ชัด

มายมิ้นท์ยิ้ม พลางเดินเข้าไป แล้วคล้องแขนของเขา

ในครั้งนี้ ทั้งสองก็ออกจากบ้านอย่างราบรื่น

ผู้ช่วยเหมันตร์ขับรถ โดยพาพวกเขาทั้งสองไปกินอาหารเช้าที่เจ๊กสี่ก่อน จากนั้นจึงขับรถไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป

เมื่อถึงเทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์เปิดประตูแล้วลงจากรถ

เมื่อเดินมาถึงอีกทางด้านหนึ่งของรถ เปปเปอร์กดกระจกลงพลางเรียกเธอ “สะระแหน่”

ฝีเท้าของมายมิ้นท์หยุดชะงัก พลางเบิกตากว้างแล้วหันไปมองไปที่ชายหนุ่มอย่างตกใจ “คุณ……คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?”

“สะระแหน่”ริมฝีปากบางของเปปเปอร์เผยอขึ้น พลางตะโกนออกมา

ขอบตาของมายมิ้นท์ร้อนระอุ ขยับปากเล็กน้อย น้ำเสียงเริ่มสั่นเล็กน้อย“ทำไมคุณถึง……รู้ชื่อเล่นของฉัน?”

ชื่อเล่นนี้ เป็นชื่อที่พ่อใช้เรียกเธอ

แม่บอกว่า พ่อเป็นคนตั้งให้ เพราะว่าแม่ชอบใบเมเปิล หนึ่งปีก่อนที่แม่จะเสียไป พ่อกับแม่พาเธอไปชมใบเมเปิลแดงที่ต่างประเทศ

ชื่อๆนี้ ก็เป็นชื่อที่ตอนนั้นได้มาจากแม่ เพราะแม่ต้องการเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก

ในขณะเดียวกัน นามปากกาของเธอที่ชื่อใบเมเปิล ก็มีที่มาจากตรงนี้

แต่ว่าหลังจากที่พ่อเสียไป เธอก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกเธอว่าสะระแหน่อีกเลย ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเธอว่ามิ้นท์ เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่า เธอยังมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่ง

แต่ลาเต้กับคุณแม่ลาเต้ต่างรู้ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะใช้เรียก

เพราะว่าชื่อๆนี้ให้ความหมายที่แตกต่างกับเธอ มีเพียงพ่อกับแม่เท่านั้นที่ใช้เรียก

แต่ว่าตอนนี้ ผ่านไปหกปีแล้ว แต่เธอกลับได้ยินชื่อๆนี้จากเปปเปอร์ ซึ่งเรียกเธอว่าสะระแหน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว