น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง เต็มไปด้วยความรู้สึกง่วง ผนวกกับดวงตาที่ยังไม่ลืม เห็นได้ชัดว่ายังไม่ตื่น
แม้ว่ายังไม่ตื่นอย่างเต็มที่แต่ก็สามารถเอ่ยปากถามเขาได้ว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเธอรับรู้มาโดยตลอดว่าเธอนอนอยู่ข้างกายของเขา
ไม่เช่นนั้น ตอนนี้เธอคงไม่สงบเช่นนี้ คงต้องรีบลุกนั่งขัดสมาธิ แล้วถามว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี่
“สิบโมงแล้วครับ”เปปเปอร์เหลือบมองนาฬิกาพลางตอบกลับ
มายมิ้นท์เบิกตากว้าง “อะไรนะคะ?สิบโมงแล้ว?”
น้ำเสียงของเธอสูงมากอย่างเห็นได้ชัด และตกตะลึงกับเวลา
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย“สิบโมงแล้วครับ”
มายมิ้นท์รีบลุกขึ้นนั่ง “แย่แล้ว แย่แล้ว เช้าวันนี้ฉันมีประชุม”
เธอรีบจัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิง จากนั้นก็เปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
จู่ๆเปปเปอร์ก็คว้าเอวเธอจากทางด้านหลัง แล้วดึงเธอมาอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง
มายมิ้นท์รีบแกะแขนของชายหนุ่มออก “เปปเปอร์ คุณทำอะไรของคุณคะ รีบปล่อยฉันเร็ว ฉันจะไปล้างหน้าแปรงฟัน”
“ไม่ต้องรีบร้อนครับ”เปปเปอร์ยิ้มอ่อน“เมื่อสักครู่นี้เลขาของคุณโทรมา น่าจะถามว่าทำไมตอนนี้คุณถึงยังไม่ไปทำงานอีก แต่หลังจากที่หล่อนทราบว่าคุณอยู่กับผมที่นี่ ก็วางโทรศัพท์ลง และไม่ได้เร่งให้คุณรีบไปที่เทนเดอร์กรุ๊ป ดูเหมือนว่าการประชุมของคุณในวันนี้คงมาสำคัญมาก ดังนั้นคุณไม่ต้องรีบหรอกครับ ทานข้าวเช้าให้เสร็จก่อนก็ไม่สาย”
“แต่ว่า……”มายมิ้นท์รู้ว่าการประชุมในวันนี้ของตนไม่พิเศษหรือเร่งด่วนอะไร แค่คนอย่างเธอไม่ชอบผิดนัด
เปปเปอร์มองไปยังมายมิ้นท์ที่คิ้วขมวดอย่างร้อนใจ ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยื่นมือออกมาแตะที่คิ้วของเธอ แล้วยืดคิ้วของเธอให้ตรง “ผมเข้าใจความหมายของคุณ บางครั้งการมาสายหรือการผิดนัด ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่ในทางกลับกันก็สามารถช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามให้กับองค์กร เพราะว่าคุณคือประธานบริษัท ดังนั้นคุณมีสิทธิ์ที่จะมาสาย”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ มายมิ้นท์ก็ค่อยๆสงบลง ความร้อนรนในใจก็ค่อยๆจางหายไป
เธอพยักหน้า“ในเมื่อคุณพูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นในครั้งนี้ฉันก็จะลองทำตามอำเภอใจสักครั้ง”
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในฐานะที่เขาเป็นประธานบริษัทของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ คงไม่หลอกเธอแน่ๆ
แต่เธอก็รู้ดีว่า การมาสายในครั้งนี้ ก็ไม่ได้ทำให้บริษัทเกิดความเสียหายอะไร
ดังนั้นตอนนี้ในเมื่อสายแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้สายไปเถอะ
“แต่ว่าแม้ว่าจะไม่รีบร้อนไปเทนเดอร์กรุ๊ป ฉันก็ควรตื่นได้แล้ว คุณไม่หิวเหรอ?”มายมิ้นท์หันศีรษะไปถามชายหนุ่มที่กำลังกอดเธออยู่
ชายหนุ่มก้มหน้าลง พลางจับมือของเธอ
มือของเธอนั้นเล็กและนุ่มมาก น่าสนุกเป็นอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้นก็ตื่นเถอะครับ”เมื่อเปปเปอร์พูดจบ ก็ปล่อยมือของมายมิ้นท์
มายมิ้นท์รับรู้ได้ว่าตอนที่เขาปล่อยมือนั้น ท่าทีอาลัยอาวรณ์ของเขา ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มออกมา
มือของเธอ มันเล่นสนุกขนาดนี้เลยเหรอ?
มายมิ้นท์พลิกมือของตนไปมาครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นว่าจะมีนิ้วงอกขึ้นมาเพิ่ม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามีอะไรน่าสนุก ที่ทำให้เขาอาลัยอาวรณ์
ไม่ได้คิดมาก มายมิ้นท์เปิดผ้าห่มออกแล้วลงมาจากเตียง พลางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำของเปปเปอร์
เปปเปอร์เดินตามมาติดๆ อยากที่จะอาบน้ำกับเธอ
เมื่อคืนวานพวกเขาก็อาบด้วยกันแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นมายมิ้นท์จึงไม่ได้ไล่เขาออกไป และยอมให้เขาทำพฤติกรรมเช่นนั้น
อีกอย่าง ที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของเขา ส่วนเธอนั้นเป็นเพียงแขก
ในฐานะที่เป็นแขก จะไล่เจ้าของบ้านได้ยังไง?
หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เปปเปอร์ก็เข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
มายมิ้นท์ก็เดินไปยังระเบียงเพื่อเก็บเสื้อผ้าของตน
เสื้อผ้าของเธอก่อนที่จะตากก็ได้ทำการอบให้แห้งแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าเสื้อผ้าจะไม่แห้ง
หลังจากที่เปปเปอร์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ออกมาจากห้อง มายมิ้นท์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน และกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางแต่งคิ้วด้วยกระจกบานเล็ก
“ข้าวเช้าอยากทานอะไรคะ?”มายมิ้นท์แต่งคิ้วพลางใช้สายตาเหลือบมองชายหนุ่มพลางถามขึ้น
ชายหนุ่มมองมาที่เธอ สายตามองลงมายังเสื้อผ้าของเธอ “ถ้าอย่างงั้นอีกสักพักพวกเราออกไปกินกันข้างนอกเถอะครับ?”
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าประตู เสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
เปปเปอร์เปิดส่วนแสดงภาพ ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนอยู่ด้านนอกประตู
สองมือของผู้ช่วยผู้ช่วยเหมันตร์กุมเข้าหากันพลางก้าวเท้าไปข้างหน้า อีกทั้งยังสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นระยะใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เห็นมายมิ้นท์เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ยักคิ้วพลางพูดขึ้นว่า“ผู้ช่วยเหมันตร์น่าจะมายอมรับผิดกับคุณใช่ไหมคะ”
“ยอมรับผิด?”ขณะที่เปปเปอร์กำลังเอ่ยปาก เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด ก็เงียบลง
มายมิ้นท์ปัดเส้นผมที่ข้างหูครู่หนึ่ง “อึม มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกคุณ เมื่อคืนวานนี้หลังงจากที่คุณดื่มเหล้าเมา ผู้ช่วย เหมันตร์ก็อยู่ที่นี่ ในตอนนั้นท่านย่าโทรศัพท์มา เพื่อถามสถานการณ์ของคุณ ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ช่วยเหมันตร์พูดอะไรกับท่านย่า จนทำให้ท่านย่าสลบไป”
“ท่านย่าสลบไปเหรอครับ?”รูม่านตาของเปปเปอร์หดลงเล็กน้อย จู่ๆสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก
มายมิ้นท์จับมือของเขา“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป และก็ไม่ต้องเป็นกังวลด้วยค่ะ ท่านย่าไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านย่าเป็นเพียงทุกข์ทรมานจากความกังวลเกินไป เนื่องจากรับแรงกระตุ้นไม่ทันก็เลยเป็นลมสลบไป ในช่วงบ่ายผู้ช่วยเหมันตร์โทรศัพท์มาบอกว่าท่านย่าไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ เดิมทีฉันวางแผนว่าหลังจากที่คุณฟื้นจากอาการเมาเหล้าแล้ว ก็จะบอกคุณเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าลืมไปเลยเพราะว่ามัวแต่ดูแลคุณ กระทั่งเมื่อสักครู่นี้ได้เห็นท่าทีไม่สบายใจของผู้ช่วยเหมันตร์ก็เลยนึกขึ้นมาได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หัวใจของเปปเปอร์ที่ยกตัวขึ้น ในที่สุดก็กลับเข้าสู่ที่เดิม
ท่านย่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ ไม่งั้น……
เปปเปอร์เผยประกายความหดหู่ออกมา จากนั้นจับที่กลอนประตู พลางใช้แรงผลักประตูออก
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู เมื่อเห็นว่าประตูถูกเปิดออก จึงรีบยืดตัวตรง และยืนตัวตรงอยู่นิ่งๆ “ประธานเปปเปอร์!”
เปปเปอร์มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา และไม่มีการตอบสนองกลับ
เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์เห็นว่าเปปเปอร์เป็นเช่นนี้ ในใจก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าประธานเปปเปอร์จะทราบเรื่องที่ ท่านย่าเป็นลมแล้ว
ส่วนเปปเปอร์จะทราบเรื่องได้ยังไงนั้น ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้ว่าคุณมายมิ้นท์จะไม่พูด เขาก็พร้อมที่จะมารับผิดด้วยตนเอง
และนี่ ตอนนี้เขาก็มารับโทษแล้วไม่ใช่เหรอ
ขณะที่คิด ผู้ช่วยเหมันตร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็โค้งคำนับเก้าสิบองศาให้กับเปปเปอร์ “ขอโทษครับประธานเปปเปอร์……สำหรับเรื่องของท่านย่า เป็นความผิดของผมเอง เชิญคุณลงโทษได้เลยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...