รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 698

ความหมายนั่นก็คือแม้ตอนนี้พิศมัยจะสัญญาไม่ทำร้ายเธอ แต่คาดว่าลับหลังก็จะหาเรื่องเธออย่างแน่นอน

อันที่จริงพิศมัยก็ตั้งใจวางแผนไว้เช่นนั้น

วันนี้ทำเธอขายหน้า เธอจะไม่หาโอกาสเอาคืนภายหลังได้อย่างไร?

เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะรู้จักและเข้าใจเธอดีขนาดนี้ และพูดออกมาถึงแผนความคิดในใจของเธอ จงใจเอ่ยออกมาต่อหน้าท่านย่าเช่นนี้

ด้วยวิธีนี้ เธอจึงต้องละทิ้งความคิดที่จะไปคิดบัญชีกับมายมิ้นท์ลับหลังเป็นการส่วนตัวลง

ท่านย่าได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์ ดวงตาก็จ้องไปที่พิศมัยอย่างเคร่งขรึมแล้วหัวเราะเยาะว่า “หล่อนกล้าหรือ มายมิ้นท์ หากว่าหล่อนกล้าจัดการเธอลับหลังจริงๆ ให้มาบอกย่าได้ทันที”

“ค่ะ ท่านย่า” มายมิ้นท์เอื้อมมือไปคว้าแขนของท่านย่าแล้วเอนศีรษะลงไปซบที่ไหล่ของหญิงชรา “ขอบคุณท่านย่านะคะที่สนับสนุนหนู”

หญิงชราสัมผัสไปที่ผมของเธอด้วยท่าทางอ่อนโยน “ขอบคุณอะไรกัน เธอเป็นหลานสะใภ้ของย่านะ และก็นับว่าเป็นหลานย่าด้วย ถ้าย่าไม่ช่วยเธอแล้วจะไปช่วยใคร”

มายมิ้นท์ซาบซึ้งใจและตอบรับออกมา

ฝั่งตรงข้าม เมื่อพิศมัยเห็นฉากนี้เธอก็กัดฟันกรอดเสียจนตัวสั่น ผ่านไปสักพักเธอจึงระงับความโกรธในใจได้ และทำการขอตัวลา “แม่คะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันเดินทางมาที่นี่เพื่อดูว่าร่างกายของแม่ฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอตัวก่อนนะคะ เพราะต้องกลับไปกำชับให้คนทำความสะอาดคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์อีก ไม่กี่วันปีโป้ก็จะกลับมาแล้ว

เธอกลัวว่าถ้ายังไม่ไปอีก ประเดี๋ยวเจ้าเด็กคนนี้ก็จะพูดอะไรออกมาทำให้ท่านย่าหาเรื่องเธออีก

ในที่สุดตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าทั้งตระกูลนี้ทุกคนเอาอกเอาใจมายมิ้นท์ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เข้าพรรคเข้าพวก

และเธอเพียงคนเดียวจะไปสู้กับพวกเขามากมายได้ยังไง?

รอไปเถอะ ในอนาคตเมื่อมายมิ้นท์แต่งเข้ามาอีกครั้ง เธอจะคอยหาวิธีจัดการกับเจ้าเด็กคนนี้

ก่อนหน้านี้ตลอดหกปีที่ผ่านมา เธอก็จัดการกับเจ้าเด็กคนนี้ได้อย่างง่ายดายมาตลอด แล้วทำไมในอนาคตจะทำไม่ได้อีกล่ะ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น ในใจของพิศมัยก็รู้สึกดีขึ้นมามาก ใบหน้าอวบอ้วนค่อยๆ คลายความบิดเบี้ยวลง

ท่านย่าโบกมือให้อย่างไร้ความอดทน “ไปเถอะๆ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อยากเจอหน้าเธอนักหรอก”

“......” พิศมัยโมโหเสียจนแทบกัดฟันของตนเองจนละเอียด

ประโยคแบบนี้มันช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ของหล่อน แต่เหตุใดท่านย่าจึงไม่อยากเจอหน้าเธอเลย

เพราะเธอเคยเป็นมือที่สามอย่างงั้นหรือ

แต่มือที่สามเช่นเธอไม่เหมือนกับมือที่สามคนอื่นๆ ท่านย่าก็รู้ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงไม่ชอบเธอมากมายขนาดนี้?

พิศมัยมองไปที่ท่านย่าซึ่งไม่แยแสต่อเธอ ไม่มีความรักต่อเธอ เยือกเย็นต่อเธอเหลือเกิน แต่ปฏิบัติกับมายมิ้นท์อย่างเต็มไปด้วยความรัก ก็ทำให้ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด

หลังจากนั้นเธอก็หลับตาลงแล้วไม่อยากจะคิดเรื่องนี้อีก ได้แต่หยิบกระเป๋าหันหลังเดินจากไป

มายมิ้นท์เห็นร่างของเธอเดินจากไป ในใจก็มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านย่าคะ หนูขอไปส่งคุณนายพิศมัยก่อนนะคะ”

“จะไปส่งหล่อนทำไมกัน?” ท่านย่ากล่าวพร้อมขมวดคิ้วขึ้น

มายมิ้นท์ยิ้ม “ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ทางเปปเปอร์ และเลี้ยงดูเปปเปอร์มาจนโต ด้วยความสัมพันธ์นี้หนูไม่สามารถเมินเฉยต่อหล่อนได้หรอกค่ะ อีกประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ”

“แกพูดไร้สาระ!” น้ำเสียงของพิศมัยสูงขึ้น ดูเหมือนมีเพียงวิธีนี้จึงจะพิสูจน์ได้ว่าเมื่อครู่เธอพูดเรื่องไร้สาระจริงๆ

มายมิ้นท์หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น “ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ ในใจของคุณรู้ดี ตัวคุณเองเป็นคนอย่างไรฉันเองก็รู้ดีเช่นกัน แต่ว่าคุณพิศมัยคะดูเหมือนคุณจะไม่รู้เลยว่าฉันไม่ใช่คนเดิมเมื่อหกปีก่อนซึ่งยอมให้คุณทำร้ายรังแกได้ง่ายๆ อีกแล้ว การที่ฉันคืนดีกันกับเปปเปอร์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดละก็การจดทะเบียนใหม่อีกครั้งก็เป็นเรื่องที่แน่นอน ดังนั้นฉันจะเข้าไปเป็นสะใภ้ของตระกูลนวบดินทร์อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน ถ้าคุณกล้าจะโจมตีฉัน ฉันก็กล้าที่จะโต้กลับ คุณไม่อาจปฏิบัติกับฉันได้เหมือนเมื่อหกปีก่อนที่ชี้นิ้วสั่งฉัน เหมือนกับตัวเองสูงส่ง”

“เธอบอกว่าฉันทำไม่ได้ ฉันก็จะทำไม่ได้จริงๆ อย่างงั้นหรือ?” พิศมัยกลอกตามองด้วยความรังเกียจ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจคำพูดนี้ของมายมิ้นท์

ดังที่มายมิ้นท์กล่าวเอาไว้ ตอนนี้พิศมัยยังไม่ได้ตระหนักว่ามายมิ้นท์เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อหกปีก่อนแล้ว

ขณะนี้ในใจของพิศมัย มายมิ้นท์ยังคงเป็นไข่ในกำมือที่ให้เธอจัดการได้ทุกเมื่อ

ในสายตาของมายมิ้นท์ ปฏิกิริยาของพิศมัยเป็นไปดังที่คิดเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นท่าทางที่พิศมัยไม่เชื่อคำพูดเมื่อสักครู่จึงไม่ได้แปลกใจ รอยยิ้มจางๆ ยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้า เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย

“สักวันคุณจะเชื่อเอง” ริมฝีปากแดงเรื่อของมายมิ้นท์เผยอขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงอันสงบ “ท่านย่าบอกแล้วว่าเมื่อไหร่ที่คุณตั้งใจจะจัดการฉันให้บอกเธอได้ทันที”

“ดังนั้นที่เธอพูดเมื่อสักครู่ว่าฉันไม่อาจจัดการเธอได้เหมือนเมื่อหกปีก่อน หมายความว่าเธอจะเอาไปฟ้องท่านย่าน่ะหรือ” ดวงตาของพิศมัยมองไปด้วยความดูถูก “ฉันคิดว่าเธอมีวิธีจัดการอย่างอื่นเสียอีก”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ค่ะ” มายมิ้นท์ยื่นนิ้วชี้ออกมาโยกซ้ายขวา “ในทางกลับกัน ฉันไม่ตั้งใจจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านย่าหรอก เพราะต่อให้ท่านย่าไม่ลงมือด้วยตนเอง ฉันก็สามารถกดคุณลงได้เช่นกัน

“เธอน่ะเหรอ!” พิศมัยมองดูอย่างเหยียดหยาม

มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นเล็กน้อย “ฉันนี่แหละค่ะ คุณอย่าลืมไปนะคะว่าตอนนี้หัวใจทั้งดวงของเปปเปอร์อยู่ที่ฉัน ตราบใดที่ฉันมัดใจเขาเอาไว้ได้ ฉันก็มีวิธีจัดการกับคุณได้มากมาย รอให้ถึงวันที่ฉันจดทะเบียนสมรสกับเปปเปอร์อีกครั้ง ฉันก็จะกลายเป็นนายหญิงของตระกูลนวบดินทร์ ยิ่งทำให้จัดการกับคุณได้ง่ายขึ้น หรือกล่าวได้ว่าคุณต้องพึ่งพาลมหายใจจากปลายจมูกฉัน ถ้าฉันรู้สึกไม่พอใจล่ะก็ฉันสามารถอายัดบัตรธนาคารของคุณทุกใบได้ หรืออาจจะไล่คุณออกจากตระกูลก็ได้นะคะ คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะว่าทั้งเปปเปอร์และท่านย่าจะไม่ขอร้องแทนคุณอย่างแน่นอน แต่ปีโป้อาจจะขอร้องเพราะถึงอย่างไรคุณก็เป็นแม่แท้ๆ ของเขา แล้วยังไงล่ะ? เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเขาเองก็ต้องอาศัยพี่สะใภ้เช่นฉัน ถ้าฉันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาก็อาจจะอายัดบัตรธนาคารเขาได้เหมือนกัน ทำให้ทั้งเขาและคุณไม่อาจทำอะไรได้เลย”

“แกกล้าเหรอ!” น้ำเสียงของพิศมัยกรีดร้องออกมาดังลั่น “ฉันเป็นแม่ของเปปเปอร์นะ แกกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร!”

“ก็แค่แม่เลี้ยง คุณจะภูมิอกภูมิใจอะไรนักหนาคะ?” มายมิ้นท์เบ้ริมฝีปาก “ก็จริงอยู่ที่คุณเลี้ยงดูเปปเปอร์มานานกว่าสิบปี แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นคุณหามาเองเหรอคะ ก็เป็นเงินของตระกูลนวบดินทร์ทั้งนั้น จะว่าไปแล้วคุณก็เพียงมอบความรักของแม่ให้แก่เปปเปอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของวัตถุเลย แต่ว่าระหว่างคุณกับเปปเปอร์มีความผูกพันกันมากเท่าไหร่คะ คุณคิดว่าระหว่างคุณกับฉันเขาจะให้ความสำคัญกับใครมากกว่า?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว