รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 721

มายมิ้นท์ฟังการโต้เถียงของข้างล่างไป และมองดูชายหนุ่มที่จ้องเขม็งไปที่หัวหน้าที่ตรงข้ามด้วยใบหน้ามืดหม่น ก็รู้สึกปวดหัวจนก่ายหน้าผากขึ้นมาเล็กน้อย

ส่วนหัวหน้าพอต้องมาเผชิญกับแววตาไม่เป็นมิตรของเปปเปอร์ ก็รู้สึกอึดอัดไปหมด

ตำรวจหนุ่มแต่ละคนที่อยู่ด้านหลังเขาล้วนหัวเราะกันจนแทบจะเป็นบ้าไปหมดแล้ว

“แค่ก แค่ก!” หัวหน้าเกาหัวด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วจ้องมองไปที่เปปเปอร์ และพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “ประธานเปปเปอร์ คลายมือออกได้หรือยังครับ?”

มือของเขา โดนประธานหนุ่มคนนี้จับจนรู้สึกเจ็บไปหมด

ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารู้ว่าอีกฝ่ายแค่กำลังหึงอยู่ถึงได้เป็นแบบนี้ เขาก็จะสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังท้าทายตำรวจอยู่

“พอได้แล้วเปปเปอร์ รีบปล่อยตัวหัวหน้าออกได้แล้ว ทำอะไรเนี่ย” มายมิ้นท์ดึงแขนเสื้อของชายหนุ่มไปเบา ๆ ทีหนึ่ง เพื่อเป็นการบอกให้ชายหนุ่มรีบปล่อยมือออก

พอชายหนุ่มโดนเตือนขึ้นมา เรียวปากก็เม้มเข้าหากันเล็กน้อย แล้วถึงจะยอมปล่อยมือหัวหน้าออก

หัวหน้าจ้องมองมือที่โดนบีบจนแดงของตัวเอง แล้วก็ยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมา

คนหนุ่มสาวสมัยนี้นี่มัน หึงกันรุนแรงจริง ๆ

เขาที่เป็นแค่คนที่มาทำงานคนหนึ่ง ยังโดนหาว่าเป็นคู่แข่งทางความรักอีก ไม่มีใครเกินแล้วจริง ๆ

หัวหน้าส่ายหน้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วก็ลดมือลง

มายมิ้นท์ที่อยู่ด้านข้าง ถลึงตาใส่ชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่ง และรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนรักสะอาด ก็เลยล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วยื่นให้ไป “เอาไป”

เปปเปอร์จ้องมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เรียวปากก็คลี่ยิ้มขึ้นมา และขจัดความเฉยเมยและเกลียดชังที่มีต่อหัวหน้าออกไป น้ำเสียงก็เปลี่ยนมาเป็นอบอุ่นขึ้นด้วย “ยังไงคุณก็เป็นคนที่เข้าใจผมที่สุด”

เขารับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือที่เคยจับมือหัวหน้า

มายมิ้นท์ทั้งโกรธทั้งรู้สึกขำขึ้นมา “ฉันก็แค่จับมือกับหัวหน้าหน่อยเท่านั้น ที่สำคัญฉันยังเป็นฝ่ายไปจับก่อนด้วย แค่นี้คุณยังต้องมาหึงอีกเหรอคะ?”

“แบบนั้นก็ไม่ได้ เขาเป็นผู้ชาย” เปปเปอร์เช็ดมือเสร็จ ก็เสียดายไม่ยอมทิ้งผ้าเช็ดหน้าไป แล้วก็เอาเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไป

มายมิ้นท์มองตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง “ไม่มีเหตุผลก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไม่อยากสนใจคุณแล้ว”

พูดจบ เธอก็หันหน้าไป แล้วยิ้มให้กับหัวหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ให้พวกคุณได้เห็นเรื่องตลกแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” หัวหน้าสะบัดมือเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับค่อนข้างรู้สึกหมดคำพูด

ในเมื่อสถานการณ์แบบนี้ เขาก็เพิ่งจะเจอเป็นครั้งแรกเหมือนกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายมาสถานะที่สูงส่ง เขาก็คงจะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ อย่างนี้หรอก

เขาเองก็เป็นคนที่เจ้าอารมณ์เหมือนกันนะ

“เอาล่ะครับประธานมายมิ้นท์ เวลาก็สายมากแล้ว งั้นพวกเราก็จะพาตัวคนไปก่อนเลยนะครับ” แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรต่อไปอีก หัวหน้าจัดหมวกตำรวจที่อยู่หัวเล็กน้อย แล้วก็พูดกับมายมิ้นท์ด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา

“ได้ค่ะ รบกวนพวกคุณด้วยนะคะ คนอยู่ทางนั้นค่ะ พวกคุณพาไปเถอะ ต่อจากนี้ถ้ามีอะไรจะต้องตรวจสอบ พวกเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือนะคะ” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ชี้ไปที่ดารามายที่โดนพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนควบคุมตัวไว้ตรงกลางโต๊ะประชุม

“พวกเราต้องทำแน่ครับ” หัวหน้าทำความเคารพให้เธอทีหนึ่ง จากนั้นก็โบกมือให้พวกตำรวจหนุ่มที่อยู่ด้านหลังไปรับตัวคนมาควบคุมตัวต่อ

พอเห็นพวกตำรวจที่เดินมาทางตัวเอง ดารามายก็ส่ายหน้าขึ้นมาและสีหน้าร้อนใจมากและหวาดกลัวมาก อย่างกับว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจแต่ละตนที่จะมาฆ่าเธอ

“ไม่เอา ไม่เอาอย่าเข้ามานะ พวกแกอย่าเข้ามานะ ออกไป ออกไปซิ!” ดารามายส่ายหน้าไปด้วย และก็ขับไล่อย่างไม่เกรงกลัว จะลองขับไล่พวกตำรวจไป

แต่ว่าพวกตำรวจจะมาโดนเธอขับไล่ไปได้ยังไง และไม่นานก็รับเธอไปจากมือพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยเลย

ในวินาทีที่พวกตำรวจแตะโดนตัวดารามายนั้น ดารามายก็ลนลานขึ้นมาทันที แล้วก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด ดวงตาก็แทบจะถลนออกมาแล้ว

“พี่ พี่ช่วยฉันด้วย พี่ช่วยฉันด้วย” อยู่ ๆ เธอก็มองไปที่มายมิ้นท์ด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง น้ำตาและน้ำมูกเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าและตะโกนขึ้นมา “พี่ พี่ให้พวกเขาออกไปซิ บอกให้พวกเขาอย่ามาจับฉันได้ไหม ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ต่อไปนี้ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ไม่กล้าแล้วจริง ๆ ฮือ ฮือ ฮือ……”

เธอร้องไห้ฟูมฟายได้น่าสงสารมาก และที่สำคัญยังมีท่าทางเหมือนกับสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ด้วย จนทำให้ผู้คนบางส่วนที่มีจิตใจอ่อนไหว ล้วนรู้สึกสงสารขึ้นมาในตอนนี้เลย

แถมแต่ละคนที่อยู่ในห้องไลฟ์สดนั้น ก็ได้เริ่มพิมพ์ข้อความวิงวอนขอร้องกันขึ้นมาแล้ว

มายมิ้นท์มองไม่เห็น แน่นอนว่าไม่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว

แต่ถึงจะมองเห็น เธอก็ไม่มีทางโดนกระทบหรอก

คนอื่นไม่รู้จักดารามายดี แต่เธอรู้จักดี

ดารามายไม่ใช่คนที่จะรู้จักสำนึกผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ

พวกนักข่าวต่างก็ได้บันทึกช่วงเวลานี้เอาไว้ พวกผู้ชมในห้องไลฟ์สด ต่างก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาตัวเองแล้ว

มาคราวนี้ ชื่อเสียงและสถานะที่เป็นคนดังที่มีคดีติดตัวของดารามาย ก็ได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

เชื่อว่าต่อไปนี้ถึงจะออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว ก็ไม่มีทางสลัดหลุดได้อีกแล้ว

“คำพูดของผู้หญิงคนเมื่อกี้ คุณอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ” เปปเปอร์กอดมายมิ้นท์ไว้เบา ๆ และปลอบโยนไปด้วยเสียงต่ำและนุ่มนวล

เขากลัวว่าที่ดารามายพูดจาข่มขู่เมื่อกี้ จะทำให้เธอตกใจไปจริง ๆ

แต่ว่ามายมิ้นท์กลับเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขา แล้วยิ้มและส่ายหน้าให้เขาครู่หนึ่ง “วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่มีทางเอามาใส่ใจหรอกค่ะ นี่ไม่ได้ครั้งแรกที่เธอข่มขู่สักหน่อย ทุกครั้งที่เสียเปรียบให้ฉันไป ก็จะต้องทิ้งคำหยาบคายไว้สักคำสองคำแบบนี้ ฉันชินแล้วค่ะ”

เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา “ถึงจะเป็นแบบนั้น คุณก็ลดความระมัดระวังลงไม่ได้ ถึงเธอจะสู้คุณไม่ไหว แต่คุณก็รับประกันไม่ได้นี่ว่า จะไม่โดนเธอทำร้ายเข้า”

“คุณพูดถูก” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นมาอย่างครุ่นคิด

เปปเปอร์ลูบผมเธอเล็กน้อย “แต่ว่าวางใจเถอะ ผมจะไม่มีทางปล่อยให้เธอมีโอกาสมาลงมือทำร้ายคุณได้หรอก”

การข่มขู่อย่างเมื่อกี้ ได้แตะต้องโดนขีดจำกัดของเขาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

จากที่เขาดูมา การข่มขู่คนที่เขาใส่ใจต่อหน้าต่อตาเขา นี่ก็คือการรนหาที่ตายชัด ๆ

ต่อจากนี้ เขาจะให้ประสบการณ์การโดนขัง ที่ยากจะลืมเลือนกับดารามายผู้หญิงคนนั้นแน่นอน

เปปเปอร์หรี่ตาลง ความเยือกเย็นในดวงตา ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

มายมิ้นท์ไม่เห็นท่าทีของเขา พอออกมาจากอ้อมกอดของเขาแล้ว ก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วทำการกล่าวคำอำลางานแถลงข่าวในช่วงสุดท้าย

พอกล่าวคำอำลาเสร็จแล้ว ผู้คนในห้องประชุมก็เริ่มสลายตัวกันไป

ผ่านไปไม่นาน ในห้องประชุม ก็เหลือแต่เปปเปอร์กับมายมิ้นท์แค่สองคนแล้ว

เปปเปอร์เดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ที่เลขาซินดี้ใช้เมื่อสักครู่ แล้วก็ถอดแฟลชไดรฟ์ออกมา แล้วยื่นให้กับมายมิ้นท์ “ครั้งนี้เป็นเพราะว่าต้องมาเคลียร์ข่าวลือ ถึงได้เปิดภาพวงจรปิดข้างในนี้ออกมา แต่ว่าต่อไปอย่าเปิดอีกเลยนะ ผมไม่อยากให้คุณเปิดเผยรอยแผลเป็นในอดีตออกมาให้ใครเห็นอีก แบบนั้นจะทำให้คุณนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด สำหรับคุณแล้ว ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากเรื่องหนึ่ง”

พอมายมิ้นท์มองเห็นความปวดใจที่แผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของเปปเปอร์ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา แล้วยิ้มและรับแฟลชไดรฟ์มา “ที่จริงก็ยังดีค่ะ ฉันหลุดออกมาจากภาพฝังใจนั่นตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นถึงจะต้องดูภาพเหตุการณ์ในอดีต ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ และตอนนี้ฉันก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว เรื่องพวกนี้ทำร้ายอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว