เปปเปอร์ที่ทะเลาะชนะอีกครั้งนั้น ไม่ต้องพูดเลยว่าในใจนั้นดีใจมากแค่ไหน
ในเมื่อดีใจแล้ว เขาก็เต็มใจที่จะยกมืออันมีค่าขึ้นมา และจะยอมปล่อยไปสักครั้ง
และแล้วเปปเปอร์ก็กระแอมไอขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วใช้น้ำเสียงที่ดูมีท่าทางผู้สูงส่ง พูดกับลาเต้ที่อยู่ปลายสายอีกฝั่งขึ้นว่า “เอาล่ะ ดูจากที่ผ่านมาคุณเคย……”
“เอาโทรศัพท์ให้มิ้นท์” ลาเต้ไม่อยากจะฟังเปปเปอร์พูดมาก แล้วก็เปิดปากพูดขัดคำพูดของเปปเปอร์ไปเลย
หัวคิ้วของเปปเปอร์ขมวดขึ้นมา “ทำไม? จะไปฟ้องหรือไง? งั้นคุณก็อาจจะคิดแผนปิดแล้ว ที่พวกเราคุยกันเมื่อกี้ เธอได้ยินไปหมดแล้ว”
“คุณคิดมากไปแล้ว ผมไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น” ลาเต้หึไปคำหนึ่ง
ฟ้องเหรอ?
นี่เขาคิดยังไงกันเนี่ย
แต่ว่าเขารู้ ว่าฟ้องไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอไม่มีทางทวงความยุติธรรมให้กับเขา ไปสั่งสอนเปปเปอร์หรอก
อย่างที่เปปเปอร์พูดเมื่อกี้ เธอได้ยินที่พวกเขาคุยกันหมดแล้ว แต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำเลย
นี่มันหมายความว่ายังไง มันก็หมายความว่าเธอไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อสู้ของพวกเขา
ดังนั้นฟ้องไปยังสู้ไม่ฟ้องดีกว่านะ
“คุณรู้ว่าตัวคุณไม่มีประโยชน์ก็ดีแล้ว” เปปเปอร์เหอะไปคำหนึ่ง และพูดเสียงเรียบขึ้นมา
ลาเต้หลับตาลงอย่างแรง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง “เปปเปอร์ ผมไม่ถือสาคนอย่างคุณหรอก คุณรีบเอาโทรศัพท์ให้มิ้นท์เลย ผมมีเรื่องจะถามเธอ”
“คุณมีเรื่องอะไรถามผมโดยตรงเลยก็ได้ พวกเราคือคนคนเดียวกัน สิ่งที่เธอรู้ ผมก็รู้ทั้งนั้น” เปปเปอร์ขยับเรียวปากพูดไป
ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่ยอมเอาโทรศัพท์ให้มายมิ้นท์
ลาเต้มองตาขาวขึ้นมาทีหนึ่ง “คุณจะไปรู้กับผีอะไร ผมจะถามเรื่องอดีตเลขาของผม คุณรู้เรื่องเหรอ?”
จู่ ๆ เปปเปอร์ก็เงียบขรึมไปเลย
เรื่องนี้ เหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องจริง ๆ ด้วย
มายมิ้นท์หลุดขำแล้วก็ส่ายหน้าขึ้นมา “เอาล่ะ เอาโทรศัพท์มาให้ฉันเถอะ เดี๋ยวฉันพูดกับเต้เอง”
เธอยื่นมือออกไป
ถึงเปปเปอร์จะไม่ยินดี แต่สุดท้ายก็เอาโทรศัพท์ให้กับเธอ
มายมิ้นท์เอาโทรศัพท์แนบไว้ที่ข้างหู “ฮัลโหลเต้ นายอยากถามเรื่องอะไรของเลขาซินดี้?”
พอลาเต้ได้ยินว่าในที่สุดเสียงของเปปเปอร์ก็หายไปแล้ว ถึงได้โล่งอกไปเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่หงุดหงิดไปหมด คราวนี้ก็กลายเป็นเรียบเฉยขึ้นมาเยอะเลย แล้วหรี่ตาลงและตอบกลับมาว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมก็แค่อยากจะถามสักหน่อยว่า ช่วงนี้เธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“ผิดปกติเหรอ?” มายมิ้นท์เอียงหัวไปอย่างแปลกใจ “ที่นายพูดมันหมายถึงด้านไหนบ้างล่ะ?”
“ก็คือ……” ที่ปลายสายอีกฝั่ง ลาเต้นั่งลงไปใหม่อีกครั้ง แววตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ในปากก็อ้ำอึ้ง ๆ พูดไม่ชัดเจน
มายมิ้นท์รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “เต้ นายเป็นอะไรไป?”
“ผมไม่เป็นไร” ลาเต้ยกแขนขึ้นมาข้างหนึ่ง มาทาบไว้ที่ดวงตา “คือผมอยากถามว่า ช่วงนี้ซินดี้เธอ มีอะไรที่ผิดปกติไปหรือเปล่า อย่างเช่นมีพฤติกรรมแปลก ๆ อะไรแบบนั้นน่ะ”
“พฤติกรรมแปลก ๆ เหรอ?” มายมิ้นท์ยักคิ้วขึ้น จากนั้นก็ส่ายหน้าขึ้นเล็กน้อย “ไม่มีนี่ ช่วงนี้เลขาซินดี้ก็ปกติทุกอย่าง เต้ ที่นายถามเรื่องพวกนี้ ตกลงมันหมายความว่ายังไง นายคงจะไม่ได้สงสัยว่าเลขาซินดี้มีปัญหาหรอกนะ?”
เลขาซินดี้คงจะไม่ได้โดนคนอื่นซื้อตัวไปหรอกนะ ?
แล้วถ้าเป็นแบบนี้ไปจริง ๆ……
ในตอนที่มายมิ้นท์กำลังครุ่นคิดด้วยท่าทีเคร่งขรึมนั้น ลาเต้ก็เปิดปากพูดขึ้นอีกว่า “ไม่มี เธอไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ผมกับเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยกันนิดหน่อย ก็เลยถามขึ้นเป็นพิเศษสักหน่อยเท่านั้น”
“แบบนั้นเหรอ” พอได้ยินคำอธิบายของเขา มายมิ้นท์ก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างเข้าใจ ในใจก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
เป็นเพราะเธอคิดมากไปเอง
ตอนนี้เธอก็กลัวแต่ว่าคนรอบกายจะถูกศัตรูซื้อตัวไปเท่านั้น
จะต้องรู้ไว้นะ โดนคนที่เชื่อถือที่สุดหักหลังนี่ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเรื่องหนึ่งเลยนะ
ยังดีที่เลขาซินดี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“งั้นก็โอเค ในเมื่อช่วงนี้เธอไม่ได้มีเรื่องผิดปกติอะไรงั้นผมก็วางสายก่อนแล้วนะ” ลาเต้ฟื้นคืนสู่สภาพปกติที่ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็บอกลาขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เขากับเลขาซินดี้เกิดเรื่องนั้นขึ้นมาแล้ว ก็ผ่านมาเดือนกว่า จนเกือบจะสองเดือนแล้ว
เขาเป็นกังวลมากว่าซินดี้อาจจะไม่ฟังคำพูดของเขา ไม่กินยาดี ๆ จากนั้นก็แอบตั้งท้องลูกของเขาขึ้นมา
ในเมื่อซินดี้มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเรื่องไม่ยอมกินยาออกมาได้แน่
เปปเปอร์ตอบอืมไปคำหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจอะไร “บังเอิญเห็นเข้า แต่ผมก็รู้สึกว่าเรียกได้ถูกต้องมากเลย”
“ต่อไปนี้ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าไปดูของพวกนี้เยอะ ไม่เข้ากับบุคลิกของคุณเลยสักนิด” มายมิ้นท์ก่ายหน้าผากขึ้นมา
เปปเปอร์กอดร่างกายของเธอไปด้านหน้า ทำให้เธอยิ่งแนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น ลำคอขยับขึ้นและพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร อยู่ต่อหน้าคุณ ผมไม่ต้องการ”
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นมาเลย “ไม่อยากจะยุ่งกับคุณแล้ว”
“อ๋อ ใช่แล้ว เมื่อกี้ลาเต้พูดอะไรกับคุณ? เยี่ยมบุญไปทำอะไรนะ?” เปปเปอร์เองก็ยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็ถามเรื่องสำคัญขึ้นมา
ตอนที่เขามาถึงข้างตัวเธอนั้น ได้ยินแต่เพียงว่า เยี่ยมบุญไปทำอะไรสักอย่าง
แต่โดยรวมแล้วทำอะไรนั้น เขาก็ไม่ได้ยิน
พอมายมิ้นท์เห็นเปปเปอร์ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไป เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาหลายส่วน “เต้บอกว่า เยี่ยมบุญส่งคนไปที่เมืองน้ำรุ้ง แล้วก็ได้ไปที่โรงพยาบาลที่แม่ฉันคลอดพี่สาวเมื่อยี่สิบหกปีก่อน แล้วก็สอบถามเรื่องที่แม่ฉันคลอดพี่สาวค่ะ”
แววมืดมนในดวงตาเปปเปอร์กะพริบ “นี่เขาให้คนไปถามเรื่องนี้เหรอ”
“ใช่” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นมา “เพราะฉะนั้นเต้ก็เลยตั้งใจมาบอกฉัน บอกให้ฉันระวังตัวหน่อย ไม่มีทางที่อยู่ดี ๆ เยี่ยมบุญก็จะมาถามเรื่องนี้ เขาจะต้องมีแผนการอะไรอยู่แน่ ๆ”
แผนการ……
เปปเปอร์หรี่เปลือกตาลง เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง
พอมายมิ้นท์เห็นเข้า ก็ไม่ได้รบกวนเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เปปเปอร์ก็เหมือนกับว่าจะคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าก็ดูย่ำแย่ขึ้นมาเล็กน้อย
สมควรตายจริง นี่เขาลืมไปด้วยยัง ว่างานแถลงข่าวในวันนี้ เยี่ยมบุญก็ต้องดูอยู่ด้วยแน่นอน
อยู่ในใจมายมิ้นท์นั้น เยี่ยมบุญเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วอยู่ในใจเยี่ยมบุญ มายมิ้นท์ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
แล้วพอมายมิ้นท์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอีกเรื่องหนึ่ง เยี่ยมบุญก็ไม่มีทางที่จะไม่สนใจแน่
ดังนั้นงานแถลงข่าวในวันนี้ เยี่ยมบุญจะต้องดูแน่นอน และที่สำคัญก็รู้เรื่องแล้วว่ามายมิ้นท์ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของสองสามีภรรยาไตรภูมิ แต่เป็นลูกที่‘เก็บ’มาเลี้ยง
แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ขั้นตอนการรับเลี้ยงนี้ถูกสื่อนำเสนอออกไปแล้ว บนนั้นก็จะมีวันที่ที่มายมิ้นท์โดนรับมาเลี้ยงอยู่ด้วย
วันที่ที่รับมาเลี้ยง ใกล้เคียงกับวันที่ที่ไตรภูมิขโมยมายมิ้นท์มา ดังนั้นที่เยี่ยมบุญให้คนไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ลีน่าคลอดลูกที่เมืองน้ำรุ้ง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่า กำลังสงสัยว่ามายมิ้นท์จะเป็นลูกสาวของเขาหรือเปล่าอยู่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...