แต่ชวนชมกลับไม่ได้เปิดปากพูด แล้วมองไปทางคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
ความหมายชัดเจนมาก ว่าเธออยากให้คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ออกไปก่อน อยากพูดคุยส่วนตัวกับเยี่ยมบุญเท่านั้น
พอคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ดูออกแล้ว สีหน้าก็ขาวซีดไปทันที ในใจก็ยิ่งทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น แต่มุมปากก็ขยับเล็กน้อย พยายามคลี่ยิ้มขึ้นมาอันหนึ่ง “ชวนชม ฉันเป็นแม่นะ หรือว่าแกคุยกับพ่อ แล้วฉันอยู่ฟังด้วยไม่ได้เหรอ?”
ชวนชมเบือนหน้าหนีไป และหลบสายตาของเธอไป
การกระทำนี้ของชวนชม ทำให้คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้สึกเหมือนกับว่า มีมีดเล่มหนึ่งแทงมาที่เธออย่างแรง แทงจนหัวใจของเธอแหลกสลาย เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
ลูกสาวไม่อยากให้เธอฟัง แถมยังไม่อยากจะเห็นเธอ ไม่อยากพูดกับเธอ
เธอ……
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ปิดหน้าไว้ แล้วเริ่มร้องไห้ขึ้นมา
เยี่ยมบุญที่ตัดสินใจจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของสองแม่ลูกมาตลอด พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หัวคิ้วก็ขมวดกันขึ้นมา สายตาที่มองไปที่ชวนชม ก็แฝงไว้ด้วยความพอใจขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจดีว่าคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของภรรยา จะทำให้ลูกสาวใส่ใจมาก และโกรธมาก
ดังนั้นถ้าลูกสาวจะใส่อารมณ์ใส่ภรรยาบ้าง เขาก็จะทำเป็นมองไม่เห็น
แต่ตอนนี้ ลูกสาวดูเหมือนจะได้คืบเอาศอกเกินไปแล้ว?
ถึงแม้คำพูดพวกนั้นจะทำร้ายคนจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง ความเป็นห่วงความรักและปกป้องที่ภรรยามาต่อลูกสาวนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงแม้นั่นจะเป็นแค่การแสดงละครของภรรยา
แต่อย่างน้อย ถึงใจภรรยาจะไม่มีทางสนิทใจกับลูกสาวได้ แต่ก็ยอมแสดงละครไปแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ห่างเหินกับลูกสาวไปตรง ๆ ตามความรู้สึกในใจเลย เขาก็คิดว่า ภรรยาไม่ได้ทำผิดต่อลูกสาวจริง ๆ
เพราะฉะนั้นลูกสาวโกรธภรรยาแค่ครู่เดียวก็พอแล้ว ทำไมจะต้องมาไม่อยากเห็นภรรยาอยู่ตลอดแบบนี้ด้วย?
พอคิดถึงมาเรื่องพวกนี้ น้ำเสียงที่เยี่ยมบุญพูดกับชวนชมก็แข็งทื่อขึ้นมาค่อนข้างเยอะ “พอแล้วชวนชม นี่เป็นแม่ของแกนะ ถึงแม้แม่แกจะมีความผิด แต่แกก็ไม่ต้องเอาแต่โกรธเกลียดอยู่ในใจตลอดก็ได้ อย่างน้อยแกกลับมานานขนาดนี้แล้ว แม่แกก็ไม่ได้ดูแลแกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
ชวนชมฟังความไม่พอใจและความคิดเห็นที่อยู่ในน้ำเสียงของเขาออกแล้ว ดวงตาก็สั่นไหวครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าไว้ไม่ยอมพูดอะไร
เยี่ยมบุญไม่ได้สนใจเธอ แล้วหันสายตาไปที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ทั้งท่าทีและน้ำเสียงก็อ่อนโยนลงเป็นอย่างมาก “เอาล่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ พวกคุณสองคนแม่ลูก ต่างก็สงบสติอารมณ์กันสักหน่อย ถ้ามีเรื่องอะไร รอให้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ค่อยมาคุยกันดี ๆ เถอะ”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จ้องมองไปที่ชวนชม แล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย “ได้ค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็หมุนตัวไป และเดินไปทางประตูห้องพักผู้ป่วยอย่างคอยเหลียวหลังมามองอยู่เรื่อย
ไม่นาน ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ปิดลงอีกครั้ง ในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือแต่เยี่ยมบุญและชวนชมแล้ว
เยี่ยมบุญนวดหัวคิ้วเล็กน้อย แล้วก็พูดกับชวนชมที่ก้มหน้าอยู่ขึ้นว่า “ชวนชมอ่ะ ฉันรู้ว่าแกยังใส่ใจกับพวกคำพูดที่แม่แกพูดเมื่อก่อนหน้านี้อยู่ แม่แกก็พูดไม่ถูกจริง ๆ แต่นั่นเป็นเพราะว่าพวกแกแยกจากกันไปตั้งยี่สิบกว่าปี แล้วแกก็เพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่เดือน แม่ของแกก็เลยยังไม่คุ้นเคยกับทุกอย่าง เพราะฉะนั้นถึงได้พูดว่ารู้สึกไม่สนิทใจกับแก แต่ว่าในใจของเธอนั้นรักแก แกลองทำความเข้าใจดูสักหน่อย อีกเดี๋ยวก็ออกไปพูดคุยกับแม่แกดี ๆ รีบขจัดความขัดแย้งออกไป ไม่งั้นถ้ายังทะเลาะกันอย่างนี้ออกไปเรื่อย ๆ มันจะใช่เรื่องยังไง”
“หนูรู้แล้วค่ะพ่อ” ชวนชมกัดริมฝีปากไป และตอบกลับไปเสียงเบาราวกับยุงบิน
ทีแรกเธอกะว่า จะหลอกล่อแม่ให้ดี ๆ สักช่วงหนึ่ง มีแค่แบบนี้ ถึงจะทำให้ต่อไป แม่จะได้ยิ่งรักและเอ็นดูเธอมากขึ้น
แต่ตอนนี้เพราะว่าท่าทีที่ตัวเองมีต่อแม่ พ่อถึงได้เกิดความไม่พอใจบางส่วนกับตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกได้ว่า เมื่อเทียบกับความรู้สึกแค่ไม่กี่เดือนที่มีกับตัวเอง ยังไงก็ความรักของสามีภรรยาที่มีมาหลายสิบปีสำคัญกว่ามาก
ระหว่างตัวเองกับแม่ พ่อก็ต้องเลือกแม่อยู่แล้ว
ประกายในดวงตาชวนชมกะพริบผ่านไป “งั้นพ่อคะ หนูจะออกไปคุยกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“ไปเถอะ ไปเถอะ” เยี่ยมบุญสะบัดมือให้
ชวนชมเช็ดขอบตาเล็กน้อย ในวินาทีที่หมุนตัวไปนั้น มุมปากของเธอก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา บนใบหน้าไม่มีความน้อยอกน้อยใจอยู่เลยสักนิด เหลือแต่ความได้ใจที่โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
ดูท่า เรื่องนี้คงจะถือได้ว่าผ่านไปแล้ว ความสงสัยในใจพ่อที่มีต่อสถานะของมายมิ้นท์ก็ได้วางลงแล้ว แล้วก็จะไม่ไปตรวจสอบอีกต่อไปแล้ว
พอเป็นแบบนี้แล้ว สถานะของเธอ ก็จะสามารถหลบซ่อนได้ต่อไปแล้ว
ดวงตาของชวนชมเป็นประกายขึ้น จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก้มหน้าส่งข้อความออกไปอันหนึ่ง
พอเห็นว่าส่งข้อความสำเร็จแล้ว เธอถึงได้กำลูกบิดประตูเอาไว้ แล้วเปิดประตูออก
อีกด้านหนึ่ง เปปเปอร์สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่าโทรศัพท์ที่อยู่กระเป๋าสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง
เขาดีดขี้บุหรี่ออกเล็กน้อย แล้วบี้ก้นบุหรี่ให้ดับไป จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา
พอเห็นการรายงานที่ชวนชมส่งมา ท่าทีก็สั่นไหวเล็กน้อย
จากนั้น นิ้วมือของเขาก็กดเข้าไป และลบข้อความนั้นทิ้งไป แล้วโยนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อสูท ก็หมุนตัวกลับไปในห้องทำงานมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ได้จบการคุยโทรศัพท์กับทามทอยไปแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งต้มกาแฟอยู่ที่โซฟา พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา การกระทำที่กำลังบดเมล็ดกาแฟของเธออยู่ก็หยุดนิ่งลง และหันหน้าไปมองทางต้นเสียงของฝีเท้า แล้วยิ้มขึ้นอย่างสวยงามครู่หนึ่ง “โทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...