เมื่อนึกถึงว่าอาจจะเป็นสาเหตุนี้ เลขาซินดี้ก็รู้สึกถึงความหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ความรู้สึกที่ตื่นอกตกใจอย่างมากนั้น ได้เกิดขึ้นภายในใจของเธอ
เพราะเธอรู้ว่า ด้วยระดับความรังเกียจที่ประธานลาเต้มีต่อตัวเองนั้น ไม่มีทางยอมให้เธอตั้งท้องแน่นอน
แต่ในก่อนหน้านั้นที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าเธอตั้งท้องแล้ว
ดังนั้นหากประธานลาเต้รู้แล้ว ก็ต้องให้เธอไปเอาเด็กออกเพื่อยุติการตั้งท้องอย่างแน่นอน
แต่เธอ……ไม่อยากเอาออก!
เธอต้องการคลอดเด็กคนนี้ออกมา!
เมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดขาวจนน่ากลัวของเลขาซินดี้ มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมา“เลขาซินดี้ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆสีหน้าก็ดุแย่มากขนาดนี้ล่ะ?”
เลขาซินดี้ได้ก้มศีรษะลงเล็กน้อย“ประธานใหญ่คะฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรจริงหรือ?”มายมิ้นท์มองดูเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
ใบหน้าซีดขาวซะขนาดนี้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนไม่เป็นอะไรเลยสักนิด
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ”เลขาซินดี้ส่ายหัว แล้วตอบกลับด้วยความมั่นใจ จากนั้นก็ได้ถามคำถามเมื่อสักครู่อีกครั้งหนึ่ง“ประธานใหญ่คะ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยค่ะ ทำไมประธานลาเต้ถึงได้ถามฉันว่าช่วงนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ความผิดปกติที่เขาพูดถึงนั้น หมายถึงอะไรอีกหรือคะ?”
“ขอโทษด้วยนะเลขาซินดี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเคยถามเต้แล้ว แต่เต้ก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจนว่าอะไรเลย เขาพูดเพียงแค่ว่าระหว่างพวกคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นนิดหน่อย ดังนั้นจึงแค่อยากถามเกี่ยวกับคุณจากฉันที่นี่ว่าช่วงนี้คุณมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้วล่ะ ”มายมิ้นท์ตอบกลับเธอด้วยความเขินอายเล็กน้อย
เลขาซินดี้ได้กัดริมฝีปากเล็กน้อย จิตใจกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขอย่างมาก“ถ้างั้นประธานใหญ่คะ คุณตอบกลับประธานลาเต้ว่ายังไงหรือคะ ?”
หากว่าประธานใหญ่ได้บอกอาการที่เธออาเจียนนี้กับประธานลาเต้ล่ะก็ คงจะต้องมีปัญหาแน่ๆเลย
“ฉันพูดเพียงแค่ว่าคุณไม่ได้มีความผิดปกติอะไรเลย”มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเลขาซินดี้กำลังกังวลอะไรอยู่ จึงได้โบกมือแล้วพูดตามความเป็นจริงไป
เลขาซินดี้เงยหน้าขึ้นมามองเธอทันที“ประธานใหญ่ไม่ได้บอกกับประธานลาเต้ ว่าช่วงนี้ร่างกายของฉันมีตรงไหนที่ไม่ค่อยสบายหรือคะ?”
มายมิ้นท์พยักหน้า“อันนี้ไม่ได้พูดเลย ร่างกายของคุณไม่สบายก็แค่ป่วยเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติอะไรเลยสักหน่อย แล้วทำไมฉันต้องบอกกับเขาพวกนี้ด้วยล่ะ”
หลังจากที่พูดจบ เลขาซินดี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที สายตาที่มองดูมายมิ้นท์นั้น เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะประธานใหญ่”
เธอได้โค้งคำนับต่อมายมิ้นท์
โชคดีที่ประธานใหญ่ไม่ได้เข้าใจถึงความผิดปกติในสิ่งที่ประธานลาเต้จะสื่อ อาจจะเป็นความผิดปกติบนร่างกายของเธอก็ได้
มิเช่นนั้น ประธานใหญ่คงต้องบอกกับประธานลาเต้อย่างแน่นอน ว่าช่วงนี้เธอได้อาเจียน
จากนั้นประธานลาเต้ก็จะตั้งสติขึ้นมาได้ทันทีว่าเธออาจจะตั้งท้องแล้ว คงต้องส่งคนมาบังคับเธอพาไปทำแท้งอย่างแน่นอน
มายมิ้นท์ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเลขาซินดี้ได้ขอบคุณตัวเองขนาดนั้น ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลขาซินดี้จึงมีท่าทีเหมือนผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติเช่นนั้น
เธอได้โบกมือเล็กน้อย“มีอะไรให้ขอบคุณกันล่ะ ฉันก็แค่บอกให้เต้ตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง แต่ว่าระหว่างคุณกับเต้นั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เลขาซินดี้ได้ก้มศีรษะลง และไม่ได้ตอบกลับ
เมื่อเห็นเช่นนี้ มายมิ้นท์ก็เข้าใจแล้ว และได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“คุณไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร แต่หากว่าระหว่างพวกคุณมีความเข้าใจผิดอะไร ก็พยายามอธิบายให้กระจ่าง อย่ารอช้าแบบนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะยิ่งชี้แจงยากขึ้นไปอีกในอนาคต ไม่ใช่ว่าคุณต้องการจะคบหากับเต้หรือ งั้นก็รีบชี้แจงให้เร็วขึ้นกว่าเดิมสิ”
เลขาซินดี้ได้ยิ้มมุมปาก ด้วยความฝืนเล็กน้อย“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณประธานใหญ่ที่ชี้แนะนะคะ”
“ไม่เถอะ”มายมิ้นท์ได้โบกมือ
เลขาซินดี้สูบหายใจเข้าลึกๆ ได้หันศีรษะกลับไป แล้วยกเท้าขึ้นอีกครั้ง และเดินตรงออกไปทางประตู
แต่ว่าครั้งนี้ ฝีเท้าของเธอ หนักกว่าตอนที่เธอเข้ามาในเมื่อสักครู่อย่างมาก
ปัง!
ประตูของออฟฟิศได้ปิดลง
จู่ๆก็มีมืออันใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของมายมิ้นท์ บังสายตาของเธอไม่ให้จ้องมองไปที่ประตู
มายมิ้นท์ได้เอามือของผู้ชายคนนี้ที่บังอยู่ตรงหน้านั้นลง และหันศีรษะกลับไป“ทำอะไรเนี่ย?”
“คุณใช้เวลาในการมองตามหลังเธอไปนานเกินไปแล้วนะครับ”เปปเปอร์ได้โอบกอดเอวของเธอแล้วพูด
มายมิ้นท์หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้“ฉันก็แค่มองดูเลขาซินดี้เดินออกไป นี่คุณก็จะหึงหรือคะ?”
เปปเปอร์ได้กตอบกลับ“พวกเขาจะสามารถเทียบกับผมได้ยังไงล่ะ คุณสามารถดูเช่นนั้นกับผมเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ขี้เกียจจะสนใจคุณแล้ว”มายมิ้นท์ได้กลอกตาใส่เขาหนึ่งที จากนั้นก็ได้ยกกาใส่กาแฟขึ้นมา เทกาแฟร้อนๆให้กับตัวเองเล็กน้อย
มายมิ้นท์ได้ผลักเขาออกไป“พูดจากะล่อนซะจริงเลย”
“นี่ไม่ได้พูดจากะล่อนนะครับ”เปปเปอร์ได้โอบกอดเอวมายมิ้นท์อีกครั้งหนึ่ง และได้ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน ก้มศีรษะแล้วมองดูเธอ“นี่เป็นความในใจครับ!”
ไม่เชื่อก็มองดูแววตาเขาเลย
จริงใจมากแค่ไหน
มายมิ้นท์มองดูสีหน้าท่าทางที่จริงจังของเปปเปอร์ อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่
เมื่อเปปเปอร์เห็นเช่นนี้ ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยื่นมือออกไป จับใบหน้าของเธอ “คุณไม่เชื่อผมหรือครับ?”
“ไม่ใช่”มายมิ้นท์ได้ตบมือของเขาออกไป
เปปเปอร์ได้มองดูหลังมือของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็มองดูเธอ“ผมไม่เชื่อ นอกเสียจากว่าคุณจะพูดว่าเชื่อผม ”
“ไม่เอา!”มายมิ้นท์ได้หันศีรษะไปด้านข้าง
เปปเปอร์ก็ได้จับศีรษะของเธอหันกลับมาอีกครั้ง“หากคุณไม่พูด ก็แปลว่าคุณไม่เชื่อผม”
“ฉันไม่ได้ไม่เชื่อคุณเลยจริงๆค่ะ”มายมิ้นท์จับหน้าผากด้วยความหมดคำจะพูด
คนคนนี้แสดงอารมณ์มากเกินไป ยากที่จะรับมือไปหน่อยหรือเปล่า?
เขาในเมื่อก่อนไม่ใช่เช่นนี้นี่
ดังนั้น เพราะอะไรเขาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้กันแน่?
ณ ตอนนี้ มายมิ้นท์ได้ตกอยู่ในความเงียบขรึมนั้น
เปปเปอร์มองดูเธอที่ฟุ้งซ่าน และได้เม้มริมฝีปากบางๆนั้นเล็กน้อย“ผมคุยกับคุณอยู่เนี่ย คุณกลับไม่สนใจอีก”
ดวงตามายมิ้นท์ไหวสั่นเพียงชั่ววูบ ได้กลับมามีสติอีกครั้ง“ห้ะ?คุณพูดอะไรนะคะ?”
ขมับเปปเปอร์กระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างมาก“ผมพูดว่า ผมต้องการฟังคุณพูดว่า คุณเชื่อผม”
“คุณยังไม่ตายใจอีกหรือคะ”มายมิ้นท์รู้สึกหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ“มันก็แค่ประโยคเดียวเองไม่ใช่หรือ ทำไมต้องขนาดนั้นด้วยล่ะ?ฉันเชื่ออยู่ภายในใจก็พอไม่ใช่หรือคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...