“ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าให้ แล้วเป็นเพราะว่าตอนกลางวันนอนมากเกินไป หัวจึงรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ บนตัวก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอะไร ตอนนี้พอมาเดินแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มั่นคงเลย เหมือนกับว่ากำลังล่องลอยอยู่
พอเปปเปอร์เห็นเข้า หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมา แล้วเดินมาหาด้วยฝีเท้ารวดเร็ว แล้วโอบไหล่เธอไว้ ให้เธอพิงอยู่กับอกเขา จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปมองเธอ แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้เขาและตอบกลับไป “เป็นเพราะว่านอนนานเกินไป ก็เลยเวียนหัวค่ะ พักสักหน่อยก็หายค่ะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่เปปเปอร์ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ และยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเธอเล็กน้อย พอแน่ใจว่าไม่ได้เป็นไข้จริง ๆ แล้ว ถึงได้ยอมเชื่อคำพูดของเธอ
“ตอนกลางวันผมก็บอกให้คุณลุกขึ้นมาเดินหน่อย อย่านอนแล้ว คุณก็ยังจะนอนอีก” เปปเปอร์ดีดหน้าผากของเธอไปทีหนึ่ง
มายมิ้นท์ปิดหน้าผากไว้แล้วหัวเราะขึ้นมา “โอเค โอเค ฉันผิดไปแล้วค่ะ ก็ตอนเที่ยงกินอาหารทะเลไปอิ่มมากจริง ๆ ตัวก็เลยเกิดขี้เกียจขึ้นมา ไม่อยากจะขยับ ต่อไปจะไม่เป็นอีกแล้วค่ะ”
“ยังอยากจะมีต่อไปอีกเหรอ?” เปปเปอร์หึออกมาทีหนึ่ง “ต่อไปนี้ผมจะคอยจับตาดูคุณไว้ เอาล่ะ ไปนั่งพักที่โซฟาสักครู่ก่อน พักสักครู่เดี๋ยวค่อยกินข้าว”
มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย “ได้ค่ะ”
เปปเปอร์ประคองเธอไปนั่งลง แล้วก็เทน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง
มายมิ้นท์จิบน้ำอุ่นไปคำหนึ่ง น้ำอุ่นไหลตามลำคอลงไปในกระเพาะ ทำให้กระเพาะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที หลังจากความอบอุ่นแล้วก็คือความอิ่มใจ ขยายไปทั่วร่าง แล้วก็ทำให้ทั้งตัวรู้สึกสบายขึ้นมาเยอะเลย
“อ๋อ ใช่แล้ว เมื่อกี้คุณนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมกันคะ?” มายมิ้นท์ชี้ไปที่เครื่องซักผ้าแล้วถามขึ้นมา
ในดวงตาเปปเปอร์มีแววลำบากใจพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง แต่บนใบหน้ากลับตอบกลับมาอย่างเฉยเมย “ซักเสื้อผ้า”
“จะซักผ้าก็ให้เครื่องซักผ้าซักไปก็พอแล้ว ทำไมคุณต้องไปนั่งอยู่ที่นั่นด้วยละคะ?”
เธอรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
เปปเปอร์รู้ว่าตัวเองจำเป็นที่จะต้องตอบต้นสายปลายเหตุไปอย่างหนึ่ง ไม่งั้นอีกเดี๋ยวเธอก็จะถามอีก พอกระแอมไอไปทีหนึ่งแล้ว ก็ตอบอย่างเฉียบขาดขึ้นว่า “ผมลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตดูแล้ว บอกว่าตอนที่เครื่องซักผ้าซักผ้าอยู่นั้นมันจะหมุน แต่ว่าเมื่อกี้ผมรออยู่ตั้งนาน ก็ไม่เห็นมันหมุนเลย เครื่องมันเสียไปแล้วหรือเปล่า?”
มุมปากมายมิ้นท์กระตุกขึ้นเล็กน้อย “คุณแน่ใจเหรอคะว่าเสียแล้ว หรือว่าคุณใช้งานไม่เป็นกันแน่?”
“……” เปปเปอร์เงียบขรึมไปทันทีเลย
มายมิ้นท์เองก็เงียบขรึมไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงปิดปากไว้แล้วหัวเราะขึ้นมา “ดูท่าคุณน่าจะใช้งานไม่เป็น”
ในสายตาของเปปเปอร์มีความเขินอายกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง แล้วก็ได้แต่ยอมรับขึ้นว่า “อืม……ผมไม่เคยใช้เครื่องแบบนี้มาก่อน”
“ฉันเข้าใจค่ะ” มายมิ้นท์ตบบ่าของเขาเล็กน้อย อย่างไม่ได้จะขำเขา
เสื้อผ้าของเขาจะมีคนรับใช้คอยจัดการให้โดยเฉพาะ ส่วนพวกที่แพงที่สุด ก็จะมีนักออกแบบไปดูแลรักษาให้ถึงบ้าน หรือไม่ก็โยนทิ้งไปเลย ไม่มีทางที่จะต้องมาใช้พวกของอย่างเครื่องซักผ้านี่หรอก
ดังนั้นที่เขาใช้เครื่องนี้ไม่เป็น ก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ขอโทษนะ ผมรู้สึกว่าบางครั้งตัวเองนี่เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย” เปปเปอร์นวดหัวคิ้วไป
แค่พวกเรื่องความรู้พื้นฐานของชีวิตก็ยังไม่รู้ มันก็คือการไม่มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอ
มายมิ้นท์ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นมา “คุณไม่ได้ไม่มีประโยชน์ ในทางกลับกัน คุณกลับเป็นคนที่มีประโยชน์มากที่สุด ถ้าคุณไม่มีประโยชน์ แล้วเงินของคุณจะมาจากไหนกันคะ? ยิ่งเงินคุณเยอะมากเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้ก็จะมีคนมาช่วยคุณทำแล้ว ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมาลงมือทำเองเลย นี่มันเป็นชีวิตที่ใครก็อยากได้ทั้งนั้น คุณยังจะมารู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์อีก แล้วอีกอย่าง นอกจากคุณจะหาเงินได้แล้ว ตอนนี้คุณยังทำกับข้าวเป็น ยังแกะปูให้ฉันได้ด้วย ผู้ชายคนไหนจะไม่มีทักษะอย่างคุณกัน อยู่ข้างนอกก็มีความสามารถในด้านการงาน อยู่บ้านยังทำงานบ้านได้ด้วย ดีจะตายไป”
พอเปปเปอร์ได้ยินการชื่นชมจากมายมิ้นท์ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยประกาย ใบหูก็ค่อย ๆ แดงขึ้นมาเหมือนกัน
ขาเม้มปากกระแอมไอไปทีหนึ่ง เหมือนกับว่าจะเขินอายเล็กน้อยยังไงอย่างงั้น และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขรึมต่ำว่า “เอาล่ะ อย่าพูดอีกเลย คุณหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมไปเอาอาหารในครัวมาให้คุณ”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินอ้อมโซฟาไป เดินเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
มายมิ้นท์จ้องมองแผ่นหลังเขาแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย กว่าจะได้เห็นท่าทางที่เขินอายของเขา ยังไม่ทันได้มองซะเท่าไหร่เลย เขาก็หลบออกไปแล้ว
ส่ายหน้าไปอย่างขำขันทีหนึ่ง แล้วเธอเองก็เดินไปทางเครื่องซักผ้า
ต่อมาก็คือ เธอลืมเขาคนนี้ไปเลย แม้แต่น้ำเสียงก็ลืมไปเลย
ไม่ใช่ซิ ไม่ได้ลืมน้ำเสียงไป แต่เจ้าหมอนี่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น น้ำเสียงกำลังเปลี่ยนอยู่ ในตอนที่ไปนั้น น้ำเสียงหยาบกระด้างเป็นอย่างมาก อย่างกับเสียงไก่ตัวผู้เลย
ตอนนี้น้ำเสียงน่าจะเปลี่ยนไปแล้ว น้ำเสียงไม่แหบแห้งอย่างเสียงไก่ตัวผู้แล้ว เปลี่ยนเป็นสดใสน่าฟังขึ้นมาแล้ว
ดังนั้น ก็โทษเธอไม่ได้ที่ฟังเสียงของปีโป้ไม่ออกในตอนแรก
มายมิ้นท์แนบโทรศัพท์กลับไปที่ข้างหูใหม่อีกครั้ง แล้วเม้มปากพูดขึ้นว่า “อย่าเรียกไปเรื่อย ใครเป็นพี่สะใภ้นายกัน!”
ทางปลายสาย ปีโป้เพิ่งแข่งแรกเสร็จไป กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อ เขาสวมใส่ชุดบาสตัวหลวมใหญ่อยู่ กำลังนั่งแผ่หลาอยู่บนเก้าอี้แถว บนคอมีผ้าขนหนูพาดอยู่ กำลังเช็ดเหงื่อยบนใบหน้าไปด้วย และถือโทรศัพท์ไปด้วย ในหน้าที่อ่อนเยาว์หล่อเหลาในตอนแรก ตอนนี้ความอ่อนเยาว์ได้หายไปเยอะแล้ว เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาเยอะเลย แก้มที่อ้วนกลมเหมือนเด็กก็แทบจะไม่มีแล้ว ได้เปลี่ยนเป็นคางที่คมสันหล่อเหลาแบบชายหนุ่มอย่างชัดเจนแล้ว
แม้แต่กล้ามเนื้อบนแขนและขา ก็ใหญ่ขึ้นมากว่าเมื่อก่อนอย่างชัดเจนขึ้นมากแล้ว
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ปีโป้ในตอนนี้ ได้เติบโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมากแล้ว
ปีโป้เบ้ปากเล็กน้อย แล้วหัวเราะแหะ ๆ ให้ทางปลายสายเล็กน้อย บนใบหน้ามีความดีใจอย่างปิดบังไม่อยู่ “ใครเรียกไปเรื่อยกัน ผมไม่ได้เรียกไปเรื่อยซะหน่อย คุณก็คือพี่สะใภ้ผม ผมรู้นะ ว่าคุณกับพี่ชายผมคืนดีกันแล้ว”
มายมิ้นท์ฟังความได้ใจในน้ำเสียงของเขาออก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองตาขาวทีหนึ่ง “เหอะ เมื่อก่อนตอนที่ฉันกับพี่ชายนายเป็นสามีภรรยากันนั้น ไม่เคยเห็นนายเรียกฉันว่าพี่สะใภ้สักคำ ตอนนี้พอหย่ากันแล้วมาคืนดีกันใหม่ นายนี่เรียกเต็มปากเต็มคำเลยนะ ปีโป้ นายไม่ต้องกวนตีนขนาดนี้ได้ไหม?”
แน่นอนว่าปีโป้รู้ว่ามายมิ้นท์กำลังประชดเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้โกรธ
นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาในเมื่อหลายเดือนก่อน ความภูมิในตัวเองของเขาคงจะต้องทนไม่ไหวแล้วแน่ ๆ และจะต้องอาละวาดขึ้นมาแน่นอน
ในเมื่อเขาเป็นคนที่โดนเลี้ยงมาแบบประคบประหงมมาจนโต จะไปทนการโดนคนอื่นประชดประชันได้ยังไง
แต่ตอนนี้หลังจากที่ผ่านการขัดเกลาจากสังคมมา เขาก็ได้เติบโตขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยความภาคภูมิใจในตัวเองกับหนังหน้าก็มีความก้าวหน้าแล้ว
ดังนั้น พอมาเผชิญหน้ากับการประชดประชันของมายมิ้นท์ เขาก็แค่ยิ้มแหะ ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง “พี่สะใภ้ พี่ยังจำเรื่องในอดีตอยู่อีกเหรอ ก็ที่ผ่านมาผมโดนคนอื่นหลอกลวงอยู่นี่ พี่ก็รู้นี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...