เอ่อ พูดคุยกันต่อไปไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่เขาสนใจ ไม่ใช่ว่าปีโป้จะเป็นน้องชายของเขาหรือเปล่า แต่ว่าเป็นผู้ชายหรือเปล่าต่างหาก
สิ่งที่เขาสนใจ ขอแค่เป็นผู้ชายคนหนึ่งมาติดต่อกับเธอ เขาก็ไม่ชอบใจแล้ว
ความอยากเป็นเจ้าของนี้ ทำให้คนทั้งรู้สึกโมโหและอยากคำ
มายมิ้นท์ก่ายหน้าผากขึ้นมาอย่างรู้สึกขำ “ได้ ได้ ต่อไปสายโทรเข้ามาของเขา ฉันจะพยายามไม่รับแล้ว โอเคไหมคะ?”
ในเมื่อปีโป้ก็จะกลับมาแล้ว คิดว่าต่อไปคงจะไม่โทรมาหาซะเท่าไหร่แล้ว
เพราะว่าส่วนใหญ่ก็คงจะพูดกันซึ่ง ๆ หน้าอยู่แล้ว
แน่นอนว่า เรื่องนี้นั้นเธอไม่มีทางพูดออกมาแน่
พอเปปเปอร์ได้ยินมายมิ้นท์รับปากกับตัวเองแล้ว มุมปากถึงได้คลี่ยิ้มขึ้นมา และอารมณ์ก็ดีขึ้นมาด้วย
มายมิ้นท์วางช้อนลง “อ๋อ ใช่แล้วค่ะ พอพูดขึ้นมา ปีโป้นั้นเติบโตขึ้นมากเลยนะคะ เมื่อกี้ยังพูดขอโทษกับฉันด้วยนะคะ”
“อยู่ดี ๆ เขาจะมาพูดขอโทษคุณทำไม?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ท่าทีก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อกี้ เขารังแกคุณเหรอ?”
มายมิ้นท์อึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าตกลงเขาได้บทสรุปออกมาแบบนี้ได้ยังไง ในขณะที่น่าขำนั้น ในใจก็อบอุ่นขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
“เปล่าค่ะ” มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “เขาขอโทษฉันสำหรับเรื่องที่ผ่านมาค่ะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ความเครียดในการตอบสนองของเปปเปอร์ถึงได้ค่อย ๆ ลดต่ำลงมา แล้วค่อย ๆ กลับสู่ความสงบนิ่ง แล้วเชิดคางขึ้นมาเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า “งั้นเขาก็สมควรที่จะขอโทษแล้ว แม่ผม……พิศมัยเองก็ควรจะต้องขอโทษ แต่ว่าการขอโทษนั้น ผมไม่สามารถบังคับให้เธอมาขอโทษคุณ เธอมีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา แต่ว่าการกระทำผิดในส่วนของเธอ ผมจะรับผิดชอบเอง”
“ไม่ต้องค่ะ” มายมิ้นท์สะบัดมืออย่างไม่ใส่ใจ “เธอคือเธอ คุณคือคุณ คุณไม่ต้องรับผิดชอบแทนเธอ และที่สำคัญฉันก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเพื่อเห็นแก่หน้าคุณ ไม่คิดที่จะให้เธอมาขอโทษฉันอยู่แล้ว เพราะว่าฉันเองก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอมาขอโทษ ก็ไม่มีทางจริงใจแน่นอน ดังนั้นเธอไม่ต้องมาทำหรอกค่ะ ในเมื่อต่อไปนี้ขอแค่อย่าให้ฉันไปอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับเธอก็พอแล้ว ต่างคนต่างอยู่ สองคนไม่เกี่ยวข้องกันค่ะ”
เปปเปอร์หัวเราะเบา ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง “นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ บ้านที่ตึกทรีพ็อต จะเป็นบ้านที่เราอยู่กันต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่เท่ากับคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ แล้วก็ไม่ได้หรูหราขนาดนั้น แต่ว่าเอามาทำเป็นรังน้อย ๆ ของพวกเราสองคนก็มากพอแล้ว คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
บ้านเล็กไปหน่อย กลับยิ่งมีกลิ่นอายของบ้าน
ถ้าใหญ่เกินไป ถึงแม้ว่าคนสองคนที่รักกันดีอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่บางครั้งก็จะรู้สึกเงียบเหงาได้เหมือนกัน
“ขอแค่ไม่อาศัยอยู่กับพิศมัย ฉันก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ” มายมิ้นท์พูดแล้วใบหูก็แดงขึ้นมา
เปปเปอร์ลูบผมของเธอเล็กน้อย “งั้นก็ดี เอาล่ะ รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะเย็นไปซะก่อน”
มายมิ้นท์ตอบอืมคำหนึ่ง จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วมองไปที่เขาและถามขึ้นอย่างห่วงใย “คุณกินหรือยังคะ?”
เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมา “กินแล้ว ให้เหมันตร์เอามาให้ ตอนกะว่าจะปลุกคุณตื่นมากินด้วยกัน แต่สุดท้ายพอลองคิดดูแล้วก็ปล่อยไป ก็เลยเก็บไว้ให้คุณคนเดียวส่วนหนึ่ง”
“ทำไมถึงคิดแล้วก็ปล่อยผ่านไปละคะ?” มายมิ้นท์กินข้าวไปด้วย และถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจไปด้วย
ประกายดำมืดในดวงตาเปปเปอร์กะพริบผ่านไป แล้วพิงไปด้านหลังเล็กน้อย มือยันศีรษะไว้ แล้วมองไปที่เธอด้วยสายตาเร่าร้อน อย่างกับว่าจะกินเธอเลยยังไงอย่างงั้น น้ำเสียงแหบแห้งดึงดูดคน “เพราะว่าผมอยากให้คุณนอน รอคุณนอนพอแล้ว กลางคืนก็จะนอนไม่หลับแล้ว พอคุณนอนไม่หลับ งั้นกลางคืนก็จะได้มีแรงอยู่เป็นเพื่อนผมแล้ว”
ตุ๊บ!
ตะเกียบที่อยู่ในมือมายมิ้นท์หลุดออกไปจากมือทันที แล้วตกลงไปบนโต๊ะรับแขก เกิดเสียงของตกกระทบที่ดังชัดเจนขึ้น ทั้งตัวก็มึนงงไปเลย
‘พอคุณนอนไม่หลับ กลางคืนก็จะได้มีแรงอยู่เป็นเพื่อนผม’ แค่ประโยคสั้น ๆ ประโยคนี้ ก็หมุนวนอยู่ในสมองเธอไม่หยุด ยังไงก็ลบเลือนออกไปไม่ได้
อยู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อตอนกลางวันได้รับปากเขาไว้ตอนที่อยู่ในห้องทำงานเขาว่าคืนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนเขา
จากนั้นค่อยมาปะติดปะต่อคำพูดเมื่อกี้ของเขา……
ตุ้ม!
ความร้อนสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาในหัวเธอทันที ใบหน้าทั้งหน้าของมายมิ้นท์แดงก่ำไปหมด แดงราวกับเป็นเลือดจะไหลออกมา เธอลืมตาแอปริคอทที่สวยงามไว้จ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่ม ในดวงตามีปฏิกิริยามากมายกะพริบผ่านไปในชั่วพริบตา ทั้งตัวก็อับอายไม่หยุด
ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงนะ ว่าที่เขาไม่ปลุกเธอตื่น ให้เธอนอนหลับอยู่ตลอดนั้น กลับมีความคิดแบบนี้ไปได้
ผู้ชายคนนี้นี่……
พูดแล้ว ก็อุ้มตัวเธอเดินไปทางห้องนอนเลย
“ห๋า?” มายมิ้นท์มึนงงไปทั้งตัวอีกแล้ว
กินอิ่มแล้วออกกำลังกายย่อยอาหารเป็นเพื่อนเขาเหรอ?
ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกเหมือนกับว่าจะหาเรื่องใส่ตัวเลยนะ?
พอรู้สึกได้ว่าเมื่อกี้เปปเปอร์ถามตัวเองว่าไม่กินแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ก็ได้ขุดหลุมพรางให้กับตัวเองแล้ว มายมิ้นท์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ตบไหล่เปปเปอร์ไปแล้วตะโกนขึ้นมาว่า “เปปเปอร์ คุณมันไร้ยางอาย นี่คุณกล้าวางกับดักใส่ฉันเลยเหรอ!”
“ผมเปล่านะ ก็ผมถามคุณไปแล้วว่าจะกินอีกหรือเปล่า คุณก็บอกว่าไม่กิน งั้นเวลาของคุณต่อไปนี้ ก็จะต้องเป็นของผมไปโดยปริยายแล้ว” เปปเปอร์ก้มหน้าลงมามองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ใช้เท้าเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไป และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความขบขัน
มายมิ้นท์อ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “คุณบอกว่าพอฉันไม่กินแล้ว เวลาก็จะกลายเป็นของคุณเลย นี่มัน…….”
“นี่เป็นตอนกลางคืน” อยู่ ๆ เปปเปอร์ก็พูดเตือนขัดคำพูดเธอขึ้นมา
มายมิ้นท์กะพริบตาเล็กน้อย “หมายความว่ายังไงคะ?”
“คุณเคยบอกว่ากลางคืนจะอยู่เป็นเพื่อนผม งั้นก็ต้อง พอฟ้ามืดลง เวลาทั้งหมดของคุณก็ต้องเป็นของผมแล้ว แต่ว่าผมก็ยังใจอ่อน จะให้เวลาคุณกินข้าวสักชั่วโมงสองชั่วโมง แต่ว่าคุณไม่รู้จักรักษาไว้ คุณละเลยความตั้งใจที่ผมมีต่อคุณ ดังนั้นต่อจากนี้ไป คุณก็มาอยู่เป็นเพื่อนผมซะเถอะ” เปปเปอร์วางตัวเธอลงบนเตียง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไปทีหนึ่ง ท่าทางอย่างกับว่าตำหนิที่เธอไร้เยื่อใย
มายมิ้นท์นั้นอึ้งไปเลย
นี่มันยังไงกัน อย่างกับว่าเธอเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเองเหรอ?
ใช่ เธอเคยบอกไว้ว่าตอนกลางคืนจะอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่เธอไม่ได้บอกว่า พอฟ้ามืดลงเวลาทั้งหมดก็จะเป็นของเขานี่
นี่เขาเป็นคนคิดขึ้นมาเองคนเดียวชัด ๆ เขาคิดไปเองก็ช่างเถอะ แต่กลับยังมาวางกับดักใส่เธอด้วย นี่มันช่างเกินไปแล้วจริง ๆ
มายมิ้นท์ถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห เรียวปากแดงขยับเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไร อยู่ ๆ เปปเปอร์ก็ก้มหน้าลงมา ปิดปากเธอเอาไว้ ทำให้คำพูดที่เธอจะพูด ถูกอุดกลับไปหมดเลย
ผ่านไปไม่นาน ในห้องก็เกิดเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นระส่ำระสายขึ้นมา น่าอายจนแม้แต่ดวงจันทร์ก็ยังไปแอบอยู่หลังก้อนเมฆ จนถึงฟ้าเกือบจะสว่างแล้ว ทุกอย่างถึงกลับไปสู่ความสงบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...