เปปเปอร์ไม่ได้สนใจเขา ยกมือขึ้นมาเคาะเคาน์เตอร์ของแผนกต้อนรับเล็กน้อย
ตอนนี้พนักงานสาวของตรงแผนกต้อนรับกำลังนั่งอยู่ในที่นั่ง แล้วก้มหน้าก้มตาบันทึกอะไรอยู่ ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนมาด้วยซ้ำ
จนกระทั่งพอได้ยินเสียงเคาะโต๊ะ ถึงได้หยุดปากกาในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นมา ก็จะเป็นว่าเป็นBoosใหญ่ไปได้ พนักงานต้อนรับตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่เป็นประโยคขึ้นว่า “ประ ประ ประ……ประธานเปปเปอร์”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้จะสร้างความลำบากใจอะไรให้พนักงานต้อนรับ
เขารู้ว่า สำหรับพนักงานระดับล่างแล้ว เขาดูน่ากลัวมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นท่าทีของพนักงานต้อนรับที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้
ในเมื่อ เขาเห็นมาเยอะแล้ว
“มีคนจากเทนเดอร์กรุ๊ปมาหรือเปล่า?” เปปเปอร์เก็บมือกลับมาแล้วถามขึ้นมา
พนักงานต้อนรับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เทนเดอร์กรุ๊ปเหรอคะ?”
เปปเปอร์อืมไปคำหนึ่ง
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ด้านหลังก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที
ก็ได้ เขาก็ว่าแล้วไง ทำไมอยู่ดี ๆ ประธานเปปเปอร์ ถึงได้ให้เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอก
ที่แท้การแหกกฎในครั้งนี้ ก็ยังเป็นเพราะคุณมายมิ้นท์อยู่อีก
มันก็ใช่อยู่ นอกจากคุณมายมิ้นท์และ จะมีใครที่สามารถทำให้ประธานเปปเปอร์ผิดหลักการของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าได้อีก?
“เรียนประธานเปปเปอร์ ไม่มีค่ะ” พนักงานต้อนรับส่ายหน้าและตอบกลับมา
เปปเปอร์เม้มเรียวปากไปทีหนึ่ง
งั้นดูท่าคนที่มาส่งซุป คงจะยังมาไม่ถึง
พอเห็นเปปเปอร์หรี่ตาลงแล้วไม่พูดอะไร ผู้ช่วยเหมันตร์ก็กระแอมไอไปทีหนึ่ง แล้วก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณมายมิ้นท์ส่งคนมาส่งของอะไรให้คุณใช่หรือเปล่าครับ?”
เปปเปอร์เชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย อย่างเฉยเมย
ผู้ช่วยเหมันตร์ยิ้มแล้วดันแว่นเล็กน้อย “เรื่องนี้ง่าย ๆ ครับ ประธานเปปเปอร์คุณขึ้นไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมรออยู่ที่นี่เอง เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปส่งให้คุณเองเป็นไงครับ?”
“ไม่ต้อง” เรียวปากบางของเปปเปอร์ขยับขึ้นเล็กน้อย “ของที่เธอให้ฉัน ฉันก็ต้องรับเองกับมือซิ ไม่ต้องให้นายมารับให้หรอก”
เขาเหล่ตามองผู้ช่วยเหมันตร์ทีหนึ่ง ท่าทางอย่างกับว่าไม่ต้องการให้นายยื่นมือเข้ามาแทรกเลย
ผู้ช่วยเหมันตร์จ้องมองจนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ในใจมีไฟโกรธขึ้นมา
เฮี้ย!
ที่เขาทำแบบนี้เพราะใครล่ะ ก็เป็นเพราะว่าเจ้านายที่หน้าเลือดอย่างคุณไง!
ในเมื่อ จะมีผู้ช่วยคนไหน ที่จะทนเห็นเจ้านายตัวเองมารอรับของอยู่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับบ้าง?
มันก็มีแต่ผู้ช่วยมาทำแทนกันทั้งนั้น!
เขาที่เป็นผู้ช่วย เป็นคนเอ่ยปากบอกว่าจะขอรอเอง คนที่เป็นเจ้านาย ไม่ชื่นชมเขาว่าเป็นพนักงานที่ดีก็ช่างเถอะ แต่กลับยังใช้สายตาเหมือนว่าเขาจะมาแย่ง มองมาที่เขาอีก
ช่างทำให้โกรธมากจริง ๆ!
มีความรักแล้วมันวิเศษวิโสอะไรกัน อย่างกับว่าคนอื่นเขาจะไม่มีความรักบ้างอย่างงั้นแหละ
รอไปเถอะ รอให้เขาพอมีเวลาสักหน่อย เขาก็จะไปหาแฟนบ้างเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาทนเห็นความหวานเลี่ยนไปวัน ๆ นี่เห็นจนจะอวกอยู่แล้ว
ในใจผู้ช่วยเหมันตร์อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน แต่บนใบหน้ากลับยังคงมีรอยยิ้มอย่างมีมารยาทอยู่ ทำให้คนมองการพร่ำบ่นในใจของเขาในตอนนี้ไม่ออกเลยสักนิด
เปปเปอร์เองก็ไม่มีทางไปคาดเดาจิตใจของเขา แล้วก็ยกเก้าอี้ออกมาจากแผนกต้อนรับมานั่งลงไป ก็ไขว้ขาทั้งสองข้างไว้ แล้วก็เริ่มกะเวลาและนั่งรอไป
จากเทนเดอร์กรุ๊ปมาที่นี่ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่า เขากลับมาจากโรงงาน ก็ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงเหมือนกัน
งั้นดูท่าแล้ว คนของเทนเดอร์กรุ๊ปก็ใกล้จะถึงแล้ว
พอคิดแบบนี้ไป เปปเปอร์ก็ยกแขนขึ้นมา เดี๋ยวดูเวลา เดี๋ยวก็ใช้นิ้วมือเคาะหัวเข่าไปเบา ๆ สายตาก็คอยจดจ้องไปที่หน้าประตู แล้วแสดงความหมายของคำว่า‘รอคอย’สองคำนี้ ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมเลย
เขาไม่ไป แน่นอนว่าผู้ช่วยเหมันตร์ก็ไม่กล้าไป แล้วก็นั่งอยู่ด้านหลังเขา รอเป็นเพื่อนเขาไปอยู่อย่างนี้
ส่วนพนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหลังพวกเขา พอเห็นเทพสององค์ที่ใหญ่ที่สุดในบริษัท รอยยิ้มบนใบหน้าก็แทบจะแข็งทื่อไปเลย
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
จะไม่ให้ขำได้ยังไงกัน ผู้รับผิดชอบระดับสูงสุดของบริษัททั้งสองคน แต่ละคนต่างก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ธรรมดา ๆ ที่ไม่เข้ากับสถานะของพวกเขา รวมทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวและบุคลิกรอบตัวเลยสักนิด นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์แผนกต้องรับ แถมยังจ้องมองไปที่หน้าประตู ภาพแบบนี้ ดูยังไงก็น่าขำอยู่ดี
เพราะฉะนั้นพนักงานบางส่วนพอเดินออกมานอกรัศมีการมองเห็นของเปปเปอร์และผู้ช่วยเหมันตร์แล้ว ต่างก็อดไม่ได้จนหัวเราะมีเสียงออกมา แถมยังเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วเอาสิ่งที่ตัวเองเห็นและได้ยินมาแชร์ออกไปในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ของบริษัท
จากนั้นไม่นาน ทั้งบริษัทต่างก็รู้แล้วว่า เจ้านายของพวกเขากลับมาแล้ว แต่กลับไม่ได้กลับไปที่ห้องทำงาน แต่มานั่งอยู่ตรงห้องโถงใหญ่ อย่างกับเทพเฝ้าประตู แล้วก็ล้วนหัวเราะฮา ๆ กันขึ้นมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองและเปปเปอร์ได้โดนพวกพนักงานในบริษัทขำกันแล้ว แต่เขากลับสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของพวกพนักงานที่เดินผ่านไป
ตกตะลึง ระมัดระวัง หลบหลีก จนถึงการกั้นขำ
อย่าคิดนะ ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังกลั้นขำอะไรกันอยู่
ก็กำลังกลั้นขำเขากับประธานเปปเปอร์ที่มานั่งอยู่ตรงนี้ไง
มันก็ใช่อยู่ ผู้บริหารที่สง่างามทั้งสองคนของบริษัท ที่ที่สมควรไปนั่ง ก็คือห้องทำงานที่หรูหรากว้างขวาง กับเก้าอี้ที่อ่อนนุ่มนั่งสบาย
แต่ไม่ใช่ห้องโถงใหญ่ที่มีผู้คนเดินไปเดินมา ไม่ใช่เก้าอี้สองตัวที่ไม่รู้ว่าโดนนั่งมากี่คนแล้ว และที่สำคัญก็รู้สึกว่าเก่าหน่อยแล้วด้วย
หรือแม้กระทั่ง วินาทีนี้พวกเขาก็ควรจะไปจัดการเอกสารที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านอยู่ แต่ไม่ใช่เหมือนกับคนโง่ ที่มานั่งเหม่อมองประตูใหญ่อยู่ที่นี่แบบนี้
จะยังไงก็แล้วแต่ ครั้งนี้ได้ขายหน้าไปจนเกลี้ยงแล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์คิดไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วก็ก้มหน้าไป และปิดหน้าเอาไว้
แล้วทุกอย่างนี้ ประธานเปปเปอร์เป็นคนก่อขึ้นมาทั้งนั้น
แต่ว่าประธานเปปเปอร์กลับยังจ้องมองนาฬิกาข้อมืออย่างจริงจัง หรือไม่ก็จ้องมองไปที่หน้าประตู โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า พวกเขาสองคนได้กลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของพวกพนักงานไปแล้ว
แต่ว่า เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากตักเตือน ไม่งั้นคนที่ต้องโดนด่าต้องเป็นเขาแน่นอน
เฮ้อ……
ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจอย่างปวดหัว
ไม่มีทางเลือก เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ได้กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ขายหน้าไปแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?
แน่นอนว่าก็อยู่เป็นเพื่อนต่อไปนะซิ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...