มายมิ้นท์ปิดหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเองไว้ ร่างกายก็บิดไปบิดมา ทั้งตัวทั้งเขินอายและอึดอัด
เปปเปอร์จ้องมองท่าทางของเธอ แววขำขันในดวงตาก็ยิ่งลึกมากยิ่งขึ้น
เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขากลับสามารถมองออกได้ว่า เธอพึงพอใจกับรูปร่างของเขาเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและได้ใจขึ้นมาบ้าง
“เอาล่ะ คุณนั่งรอไปก่อน เดี๋ยวผมไปทำของกินให้คุณในครัวก่อน” เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมา แล้วเคาะหน้าผากมายมิ้นท์ไปเบา ๆ และพูดขึ้นมา
มายมิ้นท์โดนเขาเคาะไปแบบนี้ ก็รีบตั้งสติกลับมาได้จากความเขินอาย แล้วกระแอมไอเบา ๆ ไปคำหนึ่งแล้วก็มองไปที่เขา “คุณทำแผ่นแป้งโรตีเป็นเหรอคะ?”
แผ่นแป้งโรตีอันนั้น เป็นของที่เธอซื้อมาตั้งนานแล้ว
มีบางครั้งพอกลับมาบ้านแล้วเหนื่อยเกินไป เธออยู่ตัวคนเดียว ก็ไม่อยากทำอาหารเย็นที่ยุ่งยากมากนัก ก็จะทำแผ่นแป้งโรตีอันหนึ่ง จากนั้นก็ถือไว้ในมือแล้วนอนอยู่บนโซฟา ดูทีวีไปด้วยและกินไปด้วย พูดได้เลยว่าสะดวกสบายมาก
แต่พอตัวเองคืนดีกับเขา และเขาย้ายเข้ามาอยู่แล้ว เขาก็เป็นคนทำอาหารเย็น หรือไม่ก็ให้พนักงานจากที่โรงแรมมาส่งให้ จนเธอไม่ได้เข้าครัวมาช่วงหนึ่งแล้ว
ดังนั้น แผ่นแป้งโรตีอันนี้ก็เก็บอยู่ในตู้เย็นมาตลอด โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย
พอตอนนี้เปปเปอร์บอกว่าจะทำแผ่นแป้งโรตีให้เธอกิน นี่ช่างทำให้เธอสงสัยเป็นอย่างมากว่า ตกลงเขาจะทำเป็นหรือเปล่า
ในเมื่อถึงเขาจะไปเรียนทำอาหารมา แต่ว่าแผ่นแป้งโรตีนั้นไม่ใช่เมนูอาหารที่หรูหราอะไร แต่เป็นของกินเล่นตามข้างถนน เขาจะต้องไม่เคยเรียนทำมาก่อนแน่
คิดไป มายมิ้นท์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ถ้าทำไม่เป็นล่ะก็ คุณนั่งรอไป เดี๋ยวฉันไปทำเองค่ะ”
เธอพูดแล้วก็จะลุกขึ้นไป
“ไม่ต้อง” เปปเปอร์วางมือลงบนไหล่เธอ แล้วก็กดตัวเธอลงไปบนโซฟาอีกครั้ง จ้องมองเธอแล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย “ผมจะลองฝึกทำตามในโทรศัพท์ เชื่อใจผม จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”
เขาคนนี้เรียนทำอะไรก็เร็วมาก ปกติแล้วแค่ดูครั้งเดียวก็ทำเป็นแล้ว
ดังนั้น เขามีความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมากเลย
จ้องมองท่าทางที่จริงจังของเปปเปอร์ที่บอกให้ตัวเองเชื่อมั่นเขา มายมิ้นท์ก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็นั่งลงไปบนโซฟาอย่างสบายใจ “ก็ได้ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ต้องเชื่อใจคุณแล้ว”
“อืม” เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “ผมไปแล้วนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“ได้” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเขา
เปปเปอร์หยิบผ้ากันเปื้อนที่แขนอยู่ด้านข้างมา แล้วก็เดินไปทางห้องครัว
มายมิ้นท์นั่งอยู่บนโซฟาแล้วยิ้มไปทางที่เขาจากไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้ากลับมา แล้วสายตาก็ไปตกอยู่ที่ทีวีที่อยู่ตรงข้าม
หน้าจอทีวีดำมืด เธอไม่ได้เปิดทีวีออกแต่อย่างใด
ในทีวีสะท้อนรูปร่างของเธอในตอนนี้ออกมา ถึงแม้ว่าจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ว่าตรงหัวคิ้ว กลับยังแฝงความเยือกเย็นไว้เล็กน้อย
เธอยังครุ่นคิดอยู่ว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชุด
ถึงแม้ว่าเปปเปอร์จะไม่ได้สนใจว่าตกลงชุดจะยังดีอยู่หรือว่าพังไปแล้ว ในเมื่อเขามีเงิน
แต่เธอนั้นไม่เหมือนกัน เธอไม่มีเงิน เธอจน
ชุดออกงานนั่นซื้อมาด้วยเงินเก็บเกือบทั้งหมดของเธอ ถ้าพังไปแล้วจริง ๆ เธอคงจะต้องร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาแน่
“เฮ้อ……” มายมิ้นท์นวดหัวคิ้วเล็กน้อย แล้วถอนหายใจออกมาอย่างกลุ้มใจ
จากนั้น สายตาของเธอก็หันไป ตกอยู่ที่กล่องงดงามใบหนึ่งบนโต๊ะรับแขก
มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกแปลกใจที่บนโต๊ะรับแขกมีกล่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ไม่นาน เธอก็รู้แล้วว่า นี่จะต้องเป็นของที่เปปเปอร์เอากลับมา
และนึกขึ้นได้ว่าเมื่อช่วงบ่ายเปปเปอร์โทรมาหาเธอ บอกว่าจะกลับไปเอาของที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์สักหน่อย คิดว่าน่าจะเป็นของสิ่งนี้ล่ะมั้ง?
ถึงแม้ว่าจะสงสัยว่าในกล่องนั้นใส่อะไรไว้ แต่มายมิ้นท์ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเปิดออกดูเลย
ถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว แต่เธอก็ยังเคารพความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย ไม่มีทางที่จะดูของของเขา รวมทั้งโทรศัพท์ด้วย
นี่คือหลักเกณฑ์ของเธอ แล้วก็เป็นความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขาด้วย
ในเมื่อจะอยู่ด้วยกัน แน่นอนก็ต้องให้ความเชื่อมั่นกับอีกฝ่ายด้วย เธอยอมที่จะเชื่อว่าเขาไม่มีทางทำเรื่องที่ทำผิดต่อเธอแน่
เปปเปอร์หันหน้มาเล็กน้อย จ้องมองเธออย่างขำขัน คำตอบก็ชัดเจนมากแล้ว
ว่าเขารู้อยู่แล้ว
มายมิ้นท์กะพริบตาเล็กน้อย “คุณ……คุณรู้ได้ยังไงคะ? ฉันอุตส่าห์ย่องเข้ามาเบา ๆ แล้ว เพื่ออยากจะอยู่ ๆ ก็พูดออกมาเพื่อทำให้คุณตกใจจนสะดุ้งสักหน่อย แต่ปรากฏว่าคุณกลับไม่ได้ตกใจ และรู้ตัวตั้งนานแล้วด้วย”
ทีแรก เธอยังอยากเห็นท่าทางหลังตกใจของชายหนุ่มสักหน่อย จะต้องตลกมากแน่ ๆ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดมากไปเอง
จ้องมองปากเล็ก ๆ ที่จู๋ขึ้นมาของมายมิ้นท์ ท่าทางเหมือนกับว่าไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ เปปเปอร์ก็เงียบขรึมไปหลายวินาทีแล้ว อยู่ ๆ ก็ปิดไฟไป จากนั้นก็ทำท่าทางอย่างกับว่าตกตะลึงมาก “โอ้สวรรค์ นี่คุณเข้ามาได้ยังไงเนี่ย?”
น่าจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยแสดงละครมาก่อน การแสดงในครั้งนี้ก็เลยค่อนข้างขัดตา ดูเงอะงะเป็นอย่างมาก
แล้วบวกกับเขาไม่ค่อยทำท่าทีที่ซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นท่าทีตกใจบนใบหน้าเปปเปอร์ในตอนนี้นั้น ช่างทำให้คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่านี่ยังคือเปปเปอร์ยมทูตหน้าเย็นชาคนนั้นอยู่หรือเปล่า
พอเห็นท่าทีของเปปเปอร์ มายมิ้นท์ก็นิ่งอึ้งไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็กุมท้องไว้แล้วก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา “เปปเปอร์ นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?”
เธอหัวเราะจนแทบทนไม่ไหว น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว “ท่าทีเมื่อกี้ของคุณดูโง่มากเลยค่ะ”
เปปเปอร์เม้มปากแล้วมองไปที่เธอ “นี่ก็เพราะต้องการทำให้คุณสมปรารถนาไง ก็ไหนคุณบอกว่าเข้ามาไม่สามารถทำให้ผมตกใจได้ พอผมเห็นคุณผิดหวังซะขนาดนั้น ก็เลยต้องแสดงละครทำท่าทางตกใจเพราะคุณสักหน่อย เพื่อมาให้คุณมีความสุขไง”
เขาเกิดมาสูงส่งมาก ไม่ว่าจะเป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือว่าคนที่รุ่นใหญ่กว่าตัวเองหนึ่งรุ่นหรือสองรุ่น เขาก็เป็นคนที่ถูกคนอื่นเชิดชูและประคบประหงมทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ต้องแสดงละครกับใคร ยิ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกับคนอื่น ๆในวงการ ที่ต้องแสดงละครให้ได้ใกล้ชิดกับคนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ซึ่งก็หมายความว่า นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงละคร และผลที่แสดงออกมาได้นั้น ตัวเขาเองก็รู้ว่า จะต้องตลกและดูโง่มากแน่ ๆ
แต่ว่าเพื่อที่จะเห็นเธอมีความสุข จะต้องดูโง่สักหน่อยก็โง่ไปเถอะ
ในเมื่อ คนที่จะสามารถทำให้เขาปล่องวางตัวเองไปเพื่อมาทำเรื่องแบบนี้ ก็ไม่ได้มีมากนัก มีแค่เธอกับท่านย่าสองคนเท่านั้น
จ้องมองเปปเปอร์แสดงละครเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนา ในใจของมายมิ้นท์ก็มีความอบอุ่นไหลผ่านไป จากนั้นก็ยื่นแขนออกไป กอดเอวด้านหลังของชายหนุ่มเอาไว้ “เปปเปอร์ ขอบคุณนะคะ ที่จริงฉันก็แค่ล้อเล่นหน่อยเท่านั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ก็ได้”
“คุณมีความสุขก็พอแล้ว” เปปเปอร์หันหน้ามากอดตัวเธอไว้เลย แล้วก้มหน้าลงมาจูบตรงหน้าผากเธอทีหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...