“และอีกอย่าง นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าขายหน้าอะไรด้วย” เปปเปอร์พูดขึ้น แล้วก็ตบไหล่เธอไปเบา ๆ
เขารู้สึกว่าการเอาใจแฟนของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่ขายหน้าหรือว่าเสียศักดิ์ศรีอะไร
ถ้าเกิดว่าการเอาใจแฟนตัวเอง ทำให้แฟนมีความสุข ยังคิดว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรีอีก งั้นก็พูดได้แค่ว่ายังรักไม่มากพอ หรือว่าไม่รักเลย
การรักคนคนหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายมีความสุข นั่นก็เป็นความสุขของการมีความรัก
เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่อยากให้มายมิ้นท์รู้สึกว่าที่เขาทำแบบนี้นั้น มีอะไรไม่ดี
มายมิ้นท์จ้องมองเปปเปอร์ สุดท้ายก็เอียงหัวพิงไปที่หน้าอกเขา “ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว แล้วฉันจะไปว่าอะไรอีกได้? แต่ว่าคุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเข้ามาแล้ว? ทั้ง ๆ ที่ฉันเดินเบาซะขนาดนี้”
เธอกอดเอวเขาเอาไว้แล้วโยกตัวไปมาอย่างออดอ้อน อย่างกับว่าถ้าเขาไม่พูดออกมา เธอก็จะไม่ยอมหยุดยังไงอย่างงั้น
เปปเปอร์จ้องมองมายมิ้นท์ที่เป็นแบบนี้ แล้วดวงตาก็มืดมนลง ลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยว่า “เอาล่ะ เลิกบิดตัวได้แล้ว ผมบอกคุณก็ได้ คุณบิดตัวไปมาอย่างนี้ คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่นะรู้ไหม? และมันก็ทำให้ผมอดคิดมาได้ว่าคุณตั้งใจทำนะ”
เธอกอดตัวเขาไว้แล้วบิดไปบิดมา แน่นอนว่าบางตำแหน่งในร่างกายของพวกเขา จะต้องถูกันโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เขาใส่เสื้อเชิ้ตไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งบางมาก เพราะฉะนั้นจึงรู้สึกได้มากกว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขายังมีสติอยู่ รู้ว่าที่นี่คือห้องครัว ยังต้องทำของกินให้เธออีก พอเธอมาหว่านเสน่ห์ใส่เขาขนาดนี้ เขาจะต้องกดทับตัวเธอลงไปเลย แล้วจูบเธอให้หนักหน่วงซะ
และจะทำให้เธอรู้ว่า ผู้ชายนั้นจะมาแหย่เล่นง่าย ๆ ไม่ได้
“ใคร……ใครไปตั้งใจเล่นไฟกัน? คุณอย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ” มายมิ้นท์จ้องมองดวงตาที่แดงเล็กน้อยของชายหนุ่ม ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าการกระทำในเมื่อกี้ของตัวเองนั้น กำลังจะปลุกสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แล้วก็รีบปล่อยเอวชายหนุ่มออกด้วยสีหน้าร้อนรนและเขินอาย และอยากจะถอยออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“จะหนีไปไหน?” แต่ว่าชายหนุ่มมองเจตนาของเธอออก แล้วก็จับข้อมือเธอไว้แล้วดึงเข้ามาทีหนึ่ง ดึงตัวเธอเข้ามาในอกอีกครั้ง แล้วกอดไว้แน่น ๆ พอเอาคางวางไว้บนไหล่เธอแล้ว ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขรึมต่ำว่า “คุณจุดไฟขึ้นมาเองแล้ว ไม่รับผิดชอบดับไฟก่อนก็จะหนีไปเลยเหรอ? คุณทำแบบนี้ช่างไม่รับผิดเลยนะ”
พอมายมิ้นท์ได้กลิ่นหอมสะระแหน่ที่ลอยออกมาจากตัวเขา ใบหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นมาอีก “ฉันไปจุดไฟที่ไหนกัน คุณพูดไปเรื่อย”
“ไม่ได้จุดจริง ๆ เหรอ?” เปปเปอร์ยักคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็จับมือเธอเอาไว้ แล้วลากลงไปข้างล่าง
พอมายมิ้นท์รู้ว่าเขาจะทำอะไรแล้ว ก็ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที “เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน เปปเปอร์ ฉันขอบอกคุณนะ คุณอย่ามาทำไปเรื่อยนะ”
“ผมไม่ได้ทำไปเรื่อยนะ” เปปเปอร์จ้องมองเธอ สายตาดูเหมือนถูกปรักปรำมาก
มายมิ้นท์มองตาขาวขึ้นมาในใจทีหนึ่ง
จับมือเธอจนจะทำอะไรขึ้นมาแล้ว ยังจะบอกว่าไม่ได้ทำไปเรื่อยอีก
ผู้ชายคนนี้นี่จริง ๆ เลย หน้าด้านมากจริง ๆ
เหมือนกับว่าจะดูออกแล้วว่าหญิงสาวพร่ำบ่นอะไรตัวเองในใจอยู่ เปปเปอร์ก็หัวเราะเสียงต่ำออกมา น้ำเสียงดูมีเสน่ห์ดึงดูดคน “เอาล่ะ ไม่เล่นแล้ว ให้ผมกอดอีกสักครู่ กอดครู่หนึ่งเดี๋ยวไฟนี้ก็มอดดับไปเอง”
มายมิ้นท์จ้องมองเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่า เธอไม่มีทางยอมเชื่อง่าย ๆ ขนาดนั้น ว่าเขาแค่กอดแป๊บเดียวก็พอแล้ว
ความเชื่อมั่นที่พูดกันเมื่อกี้ เธอสามารถรักษาความเชื่อมั่นทั้งหมดไว้ที่เรื่องอื่น ๆ ได้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ คนคนนี้ไม่มีทางเชื่อถือได้แน่นอน
หลายคืนก่อนนั้น เขาทรมานเธอจนแทบเป็นแทบตาย
เธอขอร้องอ้อนวอนอยู่หลายครั้ง ว่าขอให้เขาปล่อยเธอไป เธอไม่เอาแล้ว เขาก็มักจะตอบว่า ครั้งสุดท้ายแล้วเดี๋ยวก็จบแล้ว
แล้วผลเป็นไงล่ะ?
ครั้งสุดท้ายผ่านไปแล้ว ก็ยังเป็นครั้งสุดท้ายครั้งต่อไปอีก
เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ เธอจะต้องไม่มีทางเชื่อเขาแน่ ๆ
จ้องมองดูความสงสัยในแววตามายมิ้นท์ เปปเปอร์ก็หัวเราะแล้วส่ายหน้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ก็ได้ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า สำหรับด้านนี้แล้ว อยู่ต่อหน้าเธอตัวเองจะไม่มีความน่าเชื่อถือเช่นนี้
“จริง ๆ ผมไม่หลอกคุณหรอก ให้ผมกอดสักครู่ก็พอแล้ว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เปปเปอร์ลูบผมมายมิ้นท์ไปเบา ๆ แล้วรับประกันขึ้นมาอีกครั้ง
มายมิ้นท์สลัดเขาไม่หลุด นอกจากเชื่อเขาแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น
เพราะฉะนั้น จึงได้แต่ปล่อยให้เขากอดไป
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นอย่างเข้าใจ “งั้นนี่คุณก็ถือได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษที่แปลกอย่างหนึ่งเลยนะ ในเมื่อคนที่มีประสาทสัมผัสที่ค่อนข้างโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งนั้น ไม่ได้พบได้บ่อยมากนัก”
เปปเปอร์ยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ก็คงใช่มั้ง เอาล่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ ผมจะทำเสร็จเดี๋ยวนี้แล้ว”
“ไม่ออกแล้วค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่” มายมิ้นท์ส่ายหน้าแล้วตอบกลับมา
เธออยากอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเปปเปอร์ก็ไม่มีทางไล่เธอไปอยู่แล้ว พอมองดูเธอหน่อยแล้ว ก็เปิดไฟขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แล้วก็ทอดแผ่นแป้งต่อไป
มายมิ้นท์ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา มองดูเขาทำไป
ท่าทางของเขาดูคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วไม่เหมือนกับมือใหม่ที่เพิ่งหัดทอดแผ่นแป้งเลย
แต่มายมิ้นท์ก็ไม่ได้สงสัยว่าเขาจะทำเป็นมาก่อนแล้ว เขาคนนี้มีความสามารถในการเรียนรู้มากแค่ไหนนั้น ในใจของเธอนั้นเข้าใจชัดเจนดี
มายมิ้นท์รออยู่ในครัวไปประมาณสิบนาที แผ่นแป้งโรตีสอดไส้เต็มอิ่มอันหนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ในนั้นมีไข่มีผักแล้วก็ยังมีเนื้อ ช่างเป็นแผ่นแป้งโรตีชุดอาหารจานด่วนที่หรูหรามากเลย
เปปเปอร์ใช้กระดาษมันห่อแผ่นแป้งโรตีให้เรียบร้อย แล้วยื่นให้กับมายมิ้นท์ “กินซิ”
“ขอบคุณค่ะ” มายมิ้นท์ยิ้มแล้วก็รับมา พอกัดไปคำหนึ่ง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “อร่อยมากเลยค่ะ รสชาติอร่อยกว่าที่ฉันทำเยอะเลย”
พอได้ยินหญิงสาวชื่นชม เปปเปอร์ก็คลี่ยิ้มขึ้นมา “อร่อยก็ดีแล้ว เอาล่ะ พวกเราออกจากบ้านกันเถอะ เดี๋ยวคุณค่อยไปกินในรถช้า ๆ ก็ได้”
“ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย มือข้างหนึ่งถือแผ่นแป้งโรตีเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็โดนเขากุมเอาไว้ แล้วออกจากคอนโดไป
คงจะเป็นเพราะว่าไม่อยากให้มายมิ้นท์รีบกินมากเกินไป ดังนั้นระหว่างทางเปปเปอร์จึงขับรถค่อนข้างช้า ไม่งั้นถ้าขับรถเร็วเกินไป แล้วไปถึงสถานีตำรวจเร็ว และเพื่อต้องการให้กินแผ่นแป้งโรตีหมดไว ๆ เธอก็จะรีบร้อนกิน แล้วถ้าเกิดติดคอขึ้นมา คนที่ต้องปวดใจก็ยังต้องเป็นเขาอีกไม่ใช่เหรอ?
เพราะฉะนั้น เขาถึงได้ตั้งใจที่จะขับช้าลงหน่อย ระยะทางที่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับขับรถไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึง ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีรถคันไหนไม่พอใจที่เขาขับรถช้าเหมือนเต่า ก็ไม่กล้าที่จะบีบแตรใส่ และทำได้เพียงแค่ก่นด่าไปนิดหน่อยอยู่ในรถตัวเองเท่านั้น
ในเมื่อเป็นรถหรู พวกเขาไม่กล้าทำการกระทำที่ยั่วยุใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเกิดไปชนโดนเข้า ก็ต้องไม่มีปัญญาชดใช้แน่ ๆ
ในที่สุด ก็มาถึงสถานีตำรวจ
มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ลงจากรถไปด้วยกัน แล้วเดินเข้าประตูสถานีตำรวจไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...