เธอไม่ได้พูดเล่น แต่เธอพูดมันอย่างจริงจัง
เนื่องจากเธอพยายามเกลี้ยกล่อมเขาด้วยน้ำเสียงที่ดีแต่ยังไม่เป็นผล เธอคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน
เธอมีความรู้สึกว่าความหวังดีของเธอเหมือนเอาไปโยนให้สุนัข
และด้วยเหตุนี้เองเธอจึงไม่มีความสุขเช่นกัน
ดูเหมือนจะรู้ได้ว่ามายมิ้นท์ไม่ได้พูดเล่น เปปเปอร์ยืดหลังตรงสีหน้าดูกระฉับกระเฉง ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมไม่ได้อารมณ์เสียแล้ว ผมหายแล้วครับ”
มายมิ้นท์มองไปยังชายหนุ่มที่นั่งหลังตรงด้วยท่าทีจริงจัง เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
เธอจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าชายหนุ่มคนนี้รีบพูดว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วเพราะทัศนคติของเธอที่แสดงออกมาเมื่อสักครู่
นั่นก็เป็นเพราะว่ากลัวเธอจะโมโห
เขายังนับว่าพูดเข้าใจอยู่บ้าง
“ในเมื่อคุณไม่ได้อารมณ์เสียแล้ว ช่วยยิ้มให้ฉันดูหน่อยสิคะ” มายมิ้นท์มองไปทางเปปเปอร์
เปปเปอร์เผยอริมฝีปากของตนแล้วเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
มายมิ้นท์พยักหน้า “โอเคไม่เลว”
ที่จริงแล้วเขายิ้มได้ไม่น่ามองเอาเสียเลย
แต่เธอรู้ดีว่าเขาไม่ค่อยชอบยิ้ม และจะยิ้มก็ต่อเมื่อเขามีความรู้สึกลึกซึ้ง แต่รอยยิ้มนั้นก็ค่อนข้างจืดจาง
เช่นกรณีที่คนอื่นสั่งให้เขายิ้มเขาจะไม่มีวันยิ้มอย่างแน่นอน
และการที่เขายินดีจะให้ไว้หน้าแก่เธอก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ส่วนเรื่องที่เขายิ้มแบบนี้ที่จริงเธอเองก็ยอมรับได้
บรรยากาศภายในรถกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อสักครู่ที่เพิ่งออกจากบ้าน ดูเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย
เปปเปอร์ไม่ได้พูดถึงมัน และแน่นอนว่ามายมิ้นท์ก็ไม่กล่าวถึงเช่นกัน
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงสถานีตำรวจ
มายมิ้นท์เดินจูงมือกับเปปเปอร์เข้าไปด้านใน หลังจากที่ทั้งสองคนลงทะเบียนในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนพาพวกเขาทั้งสองไปหาพัดชา
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสม ตอนนี้พัดชากำลังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบปากคำอยู่จึงไม่สะดวกที่จะพบกับพวกเขา
มายมิ้นท์ไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด เนื่องจากกฎก็ควรเป็นกฎ สิ่งเหล่านี้เธอรู้ดีและยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ดังนั้นเธอกับเปปเปอร์จึงเดินไปที่เก้าอี้ด้านข้างเพื่อนั่งรอ
หลังจากที่พัดชาให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว ค่อยเข้าพบเธอก็ยังไม่สาย
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนน่าประหลาดใจนั่นก็คือ ตรงเก้าอี้แถวยาวที่นั่งอยู่นั้นมีชายชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่ามีเงาของใครบางคนอยู่ตรงหน้าจึงได้เงยหน้าขึ้นและมองเห็นชายสวมแว่นตาคนหนึ่ง รูปร่างแม้ว่าจะธรรมดาแต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้วกำลังยิ้มให้กับเธอและเปปเปอร์
รอยยิ้มนั้นสุภาพและอบอุ่น อันที่จริงบอกได้ว่าทำให้ผู้คนรู้สึกดีจึงจะถูก
แต่สำหรับมายมิ้นท์เธอไม่ได้รู้สึกดีเลย ตรงกันข้ามเธอไม่พอใจเท่าใดนัก
เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเป็นใครคะ?”
คนคนนี้มีท่าทางไม่ธรรมดา ชุดสูทที่สวมอยู่ล้วนเป็นแบรนด์เนม คาดว่าตัวตนของเขาคงจะไม่ธรรมดา
มายมิ้นท์ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่เปปเปอร์ที่อยู่ข้างกายของเธอรู้จักเขา
และเนื่องด้วยรู้จักและจำได้ สีหน้าของเขาจึงดูไม่ดีนัก
“คุณเป็นทนายของพัดชา?” ไม่รอให้ชายคนนั้นตอบคำถามของมายมิ้นท์ เปปเปอร์ก็ได้เอ่ยปากออกมาถึงตัวตนของเขา
“ทนายเหรอคะ?” มายมิ้นท์เบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็จ้องไปยังชายซึ่งอยู่ด้านหน้า
ที่แท้เป็นทนายนี่เอง แต่จะว่าไปรูปลักษณ์ของเขาก็เหมือนทนายจริงๆ
น่าเสียดายเหลือเกิน เขาเป็นทนายของพัดชา
ไม่แปลกใจเลยในวินาทีแรกที่เห็นคนคนนี้ก็ไม่รู้สึกประทับใจ และไม่มีความรู้สึกดีแม้แต่น้อย
มายมิ้นท์หันกลับไปมองทนายความคนนั้นอีกครั้ง เพื่อต้องการจะยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่
ทนายความคนนั้นรีบพยักหน้า “ใช่ครับ เธอให้ค่าจ้างสูงมาก”
พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความละอาย “ที่จริงแล้วผมก็เพียงแค่ทำตามกระบวนการ เพราะถึงอย่างไรฝ่ายจำเลยก็คือฝ่ายผม อีกทั้งยังมีหลักฐานพร้อม ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะการขึ้นศาลในครั้งนี้ ดังนั้นการที่ผมยอมรับคดีซึ่งค่อนข้างร้อนมือนี้มานั้นก็เพียงเพราะต้องการเงิน ถึงอย่างไรเงินเหล่านี้ก็นับได้ว่ามอบให้ผมฟรีๆ ถ้าไม่เอาก็สูญเสียเปล่าประโยชน์”
“......” มายมิ้นท์กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผล
ถ้าหากว่าเป็นเธอบางทีเธออาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้
เนื่องจากเงินก้อนนี้เรียกได้ว่าให้มาโดยเปล่า
ถ้าไม่เอาก็คงจะบ้าไปแล้ว
ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ของทนายความมายมิ้นท์ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมทนายความคนนี้ถึงรับจ้างว่าความให้แก่พัดชา
“อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกมั้งครับ?” ทันใดนั้นเองเปปเปอร์ก็เหล่ตามองมาแล้วพูดขึ้น “ไม่ว่าเป็นใครก็ตามที่รู้เกี่ยวกับคดีนี้เพียงเล็กน้อย คงจะรู้ว่าพัดชาต้องแพ้อย่างแน่นอน การที่ให้ทนายความเข้ามาไกล่เกลี่ยเป็นแค่กระบวนการ ดังนั้นควรจะจ้างทนายคนไหนก็ได้มาไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงต้องจ้างคุณด้วยจำนวนเงินมหาศาลขนาดนั้น บอกมาเถอะ คนที่อยู่เบื้องหลังของพัดชาซึ่งเชิญคุณมาด้วยตนเอง เป็นเพราะต้องการให้พวกเราเปิดทางให้ใช่ไหม?”
เขามองไปยังทนายความด้วยท่าทางสงสัย
ทนายความผลักแว่นตาสีเงินของเขาขึ้นไปบนสันจมูกแล้วยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ประธานเปปเปอร์ ผมไม่สามารถปิดบังอะไรคุณได้เลยจริงๆ ตั้งเเต่เรียนมหาลัยจนถึงตอนนี้ คุณมีความเฉียบแหลมและสังเกตทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ถูกต้องแล้วครับคุณเกรียงไกรต้องการมาหาผมโดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าผมกับคุณมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ดังนั้นจึงได้จ่ายเงินจำนวนมาก เชิญให้ผมมาเดินเรื่องนี้และหวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าผม แล้วจัดการลงมือกับคุณหนูพัดอย่างเมตตา”
หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปยังห้องสอบสวน
ซึ่งตอนนี้พัดชานั่งอยู่ในห้อง
มายมิ้นท์หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างแล้วหันไปมองทนายความก่อนจะแอบถ่มน้ำลายออกมาในใจ
เมตตาเหรอ?
ต้องการให้เปปเปอร์แสดงความเมตตาออกมา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพัดชาคงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว
เปปเปอร์ไม่ใช่คนที่จะไว้หน้าใครง่ายๆ
นอกจากว่าเป็นท่านย่าหรือเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...