หวั่นวิตก หวาดกลัว จิตใจตึงเครียด ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความอ่อนล้าไม่มีชีวิตชีวาได้ทั้งนั้น
แต่จากที่มายมิ้นท์เห็น ก็สมน้ำหน้าแล้วแหละ
“คุณมายมิ้นท์ ประธานเปปเปอร์ พวกคุณมากันแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนนั้นที่รับผิดชอบการสอบสวนพัดชา เมื่อเห็นมายมิ้นท์กับเปปเปอร์แล้ว จึงรีบทักทาย
เปปเปอร์ส่งเสียงอืมออกมาเรียบๆ ถือเป็นการตอบกลับ
แต่มายมิ้นท์มีมารยาทกว่ามาก ยิ้มพยักหน้าให้พวกเขา “ค่ะ มาแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ พัดชาที่ก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน พุ่งสายตาไปที่มายมิ้นท์ทันที
สายตานั้น ไม่ต้องบอกเลยว่าโหดร้ายขนาดไหน
เปปเปอร์เห็นแล้ว ความกดอากาศรอบๆกายจึงลดลงทันที
มายมิ้นท์จึงบีบมือเขาเบาๆ ส่งสัญญาณให้เขาใจเย็นๆก่อน แล้วปล่อยมือเขาออก เตรียมจะเดินไปทางพัดชา
แต่ทว่าเพิ่งเดินออกไปได้ก้าวเดียว ก็โดนเปปเปอร์ดึงมือเอาไว้ “อย่าเข้าไป ระวังเธอจะทำร้ายคุณด้วยสิ”
มายมิ้นท์จึงหันไปยิ้มให้ชายหนุ่ม “วางใจเถอะ ที่นี่คือสถานีตำรวจนะ เธอไม่กล้าหรอก อีกอย่าง คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเธอ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่แล้ว”
เธอยังมีความมั่นใจนี้อยู่นะ
แม้พละกำลังของเธอจะเทียบกับผู้ชายไม่ได้ แต่ในบรรดาผู้หญิงด้วยกัน ก็ถือว่าเธอแรงเยอะแล้ว
เธอสามารถกดดารามายแล้วตบอยู่ฝ่ายเดียวได้ งั้นพัดชาที่แค่ยืนขึ้นมาจากบนรถเข็นยังทำไม่ได้คงยิ่งไม่ต้องพูดถึงหรอก
เชื่อว่าถ้าเธอได้เรียนรู้การต่อสู้อย่างเป็นระบบ บางทีอาจจะสู้กับผู้ชายบางคนได้เลยนะ
เห็นความมั่นใจที่แสดงออกมาจากในสายตาของมายมิ้นท์ เปปเปอร์จึงทำได้เพียงเชื่อมั่นในตัวเธอ ระงับความกังวลเอาไว้ชั่วคราว แล้วปล่อยมือของเธอ แต่ยังคงกำชับอย่างไม่สบายใจ “ระวังๆหน่อย ตื่นตัวไว้ด้วย”
ต่อให้พัดชาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น แล้วเธอป้องกันตัวไม่ทัน ก็คงบาดเจ็บได้ง่ายๆ
มายมิ้นท์เห็นท่าทีประหม่าของชายหนุ่ม ก็รู้สึกอบอุ่นใจ ยิ้มพยักหน้า “ฉันไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง คุณก็อยู่ข้างหลังฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันเชื่อว่า คุณจะมองฉันอยู่ตลอด จะไม่ยอมให้ฉันบาดเจ็บหรอกใช่ไหมล่ะ?”
เปปเปอร์ขยับปากเล็กน้อย “อืม”
“นี่ก็เพียงพอแล้ว” มายมิ้นท์ยิ้มกว้างขึ้น หันกลับไป เดินไปทางพัดชา
อย่างที่คิดเลยเปปเปอร์จ้องเธอขนาดนั้น ขมวดคิ้วแน่นราวกับกลัวว่าข้างกายของเธอจะมีอันตรายอะไรปรากฏออกมา
ตำรวจหลายคนนั้นที่อยู่ข้างๆได้เห็นถึงฉากนี้ ในใจต่างก็สับสน
พวกคุณสองคนเพลาๆหน่อยเถอะ!
ที่นี่คือสถานีตำรวจ ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เวลาที่จะให้พวกคุณมาสาดความหวานใส่กันในที่สาธารณะนะ
แต่ทว่า คำพูดพวกนี้พวกเขากลับไม่ได้พูดออกมา
ภายใต้การจดจ้องอย่างไม่สบายใจของเปปเปอร์ มายมิ้นท์ก็มาถึงด้านหน้าของพัดชาแล้ว
มือทั้งคู่ของพัดชาโดนใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างแน่นหนา วางอยู่บนต้นขา แต่กลับกำหมัดแน่น ยิ่งมายมิ้นท์เดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งกำหมัดแน่นขึ้นเท่านั้น จนเส้นเลือดหลังมือปูดออกมาแล้ว
พอจะจินตนาการได้ว่า ตอนนี้เธอระงับความเดือดดาลกับความเกลียดชังเอาไว้มากมายขนาดไหน
มายมิ้นท์ชำเลืองมองมือทั้งคู่ของพัดชาที่กำลังกำหมัดไว้แน่น แล้วก็ชำเลืองมองสีหน้าแย่ๆรวมไปถึงแววตาที่ปะปนไปด้วยความอาฆาตแค้นของพัดชา จู่ๆก็หัวเราะเยาะออกมา “เธอเกลียดฉันเหรอ?”
พัดชากัดริมฝีปากไม่ส่งเสียงออกมา แต่ความหมายกลับชัดเจน
เธอยอมรับแล้ว ว่าเธอเกลียด
มายมิ้นท์ยิ้มเยาะ แล้วยกมือขึ้น ฝ่ามือหนึ่งฟาดลงไปที่แก้มของพัดชาทันที ท่ามกลางสายตาที่เหลือเชื่อบวกกับตกตะลึงของทุกคน
เพี๊ยะ!
เสียงดังกังวาน
หัวของพัดชาหันไปอีกด้านตามแรงตบ
เธอกุมใบหน้าเอาไว้ ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าซีดเผือด ในหัววิ้งๆ งุนงงไปหมดแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงพัดชาหรอก คนอื่นๆภายในห้องไต่สวนก็งุนงง
วินาทีนี้ ภายในห้องไต่สวนที่กว้างขวาง ไม่มีใครพูดอะไรเลย เงียบเชียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น
เพราะใครๆก็ไม่คาดคิดทั้งนั้น ว่ามายมิ้นท์จะลงมืออย่างกะทันหัน ทั้งยังลงมืออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
เปปเปอร์เป็นคนที่ได้สติกลับมาก่อนใครๆ
เปปเปอร์ยืนขึ้นเขาเองก็คิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะมอบฝ่ามือให้พัดชาอย่างกะทันหันเช่นกัน ตอนนั้นจึงตะลึงงันไปชั่วครู่ แต่หลังจากได้สติ ก็ยิ้มออกมา
จากนั้น เขาจึงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เดินไปทางมายมิ้นท์
“......” มายมิ้นท์เงียบ จู่ๆสีหน้าก็ชะงักงัน
เหล่าตำรวจคนอื่นๆก็พากันล้มตัวลง หมดคำพูดสุดๆ
ท่าทางเคร่งขรึมของเปปเปอร์เมื่อกี้ พวกเขาเห็นแล้ว ก็คิดเหมือนมายมิ้นท์ คิดว่าเกิดเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรขึ้นแล้ว
แต่ผลลัพธ์กลับคิดไม่ถึงว่า จะแค่นี้เนี่ยนะ?
แค่นี้?
ก็แค่ตบแล้วฝ่ามือแดงเองไม่ใช่เหรอ เขาถึงกับต้องแสดงท่าทางอย่างนั้นออกมาให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วยงั้นเหรอ?
ในใจของพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจพากันคำรามออกมา แต่บนใบหน้ากลับรักษารอยยิ้มเจื่อนๆเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะตัวตนของผู้ชายคนนี้ พวกเขาอยากจะฆ่าเขาให้ตายไปเลย โทษฐานที่ทำให้คนอื่นตกอกตกใจเกินไป
ที่ด้านนี้ ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ได้สติกลับมา สูดหายใจเข้าลึกๆ มือข้างหนึ่งทาบหน้าผากกำลังมองเปปเปอร์อย่างพูดไม่ออก “ฉันเป็นคนตบ ฝ่ามือก็ต้องแดงอยู่แล้วสิ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย”
เปปเปอร์เม้มปากแน่น “แดงขนาดนี้ ตอนที่ตบตัวเองก็เจ็บไปด้วยใช่ไหมล่ะ?”
ประเด็นนี้ มายมิ้นท์กลับหมดหนทางที่จะปฏิเสธ
เธอเพิ่งจะบอกไปไง แรงที่กระทำต่อวัตถุจะส่งผลซึ่งกันและกัน เธอตบพัดชา ฝ่ามือของตนเองก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ข้อมือยังชาๆอยู่บ้างด้วย
ไม่งั้นเมื่อกี้เธอจะนวดข้อมือทำอะไรล่ะ
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์พยักหน้า จึงจูบไปที่ฝ่ามือของเธอด้วยความเป็นห่วง “ต่อไปเรื่องตบตีคนประเภทนี้ ไม่ต้องใช้มือของตัวเองลงมือหรอก ให้คนอื่นมาจัดการก็พอ จะได้ไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ โดยเฉพาะใบหน้าหนาๆอย่างนี้ ยิ่งทำให้บาดเจ็บได้ง่ายๆเลย ต่อให้ไม่มีคนช่วยตบให้ คุณหาอุปกรณ์มาสักอันก็ได้ ตัวเองจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวไปด้วย”
แค่พูดออกไป ภายในห้องไต่สวนจึงเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละคนกำลังมองเปปเปอร์ราวกับมองสัตว์ประหลาด
ไม่ใช่มั้งประธานเปปเปอร์ คุณทำแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า
คนรักของคุณลงมือกับคนอื่นต่อหน้าสาธารณชน คุณไม่ตำหนิการกระทำของเธอก็ช่างเถอะ ไม่นึกว่าจะช่วยเธอดูหมิ่นเหยียดหยาม ทั้งยังเสนอความเห็น ให้เธอหาคนมาลงมือแทนอีก
นี่คุณเอาพวกเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปวางไว้ที่ไหน?
ถึงยังไง แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้จะเป็นคนฉลาดหลักแหลมปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ แต่ยังคงไม่ยอมเปิดปากอย่างเป็นที่รู้กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...