ตอนนี้มายมิ้นท์ได้สติกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เขาเห็นตนเองนวดข้อมือ ทั้งยังจูบฝ่ามือของตนเองด้วย ความเป็นกังวลในสายตาของชายหนุ่มยังไงก็ปกปิดเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว บนใบหน้าของเธอจึงปรากฏรอยยิ้มบางๆที่งดงามอ่อนโยนออกมา
ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ล่ะ?
“พอเถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่เจ็บแล้ว” มายมิ้นท์เห็นเปปเปอร์ราวกับเสพติดการจูบไปแล้ว นึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือสถานีตำรวจ ด้านหลังยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมายกำลังมองอยู่ด้วย ถึงยังไงตอนนี้ก็ค่อนข้างเคอะเขินอยู่บ้าง จึงรีบชักมือกลับมา ห้ามชายหนุ่มเอาไว้
เธอกลัวว่าถ้าตนเองยังไม่ห้าม ผู้ชายคนนี้คงได้คืบจะเอาศอกแน่ๆ
เปปเปอร์เข้าใจเธอดี ต้องรู้อยู่แล้วว่าทำไมจู่ๆเธอถึงชักมือออก
เขากวาดสายตาเย็นชาไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนั้น ถึงจะยังค่อนข้างอาลัยอาวรณ์ แต่ยังคงนึกถึงความรู้สึกของมายมิ้นท์ จึงปล่อยมือของเธอออก
“จดจำคำพูดเมื่อกี้ของผมไว้ด้วย ต่อไปจะตบใคร ให้คนอื่นตบ อย่าลงมือเอง ไม่ก็ใช้อุปกรณ์ตบ จะได้ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวไปด้วย แล้วมือของตัวเองยังสกปรกอีก”
เห็นท่าทีของชายหนุ่มที่เสนอแนะออกมาอย่างเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้ มายมิ้นท์จึงพยักหน้าด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อืม ฉันจะจำไว้ ต่อไปจะลองดู”
“อืม” อย่างนี้เปปเปอร์ถึงได้พึงพอใจ
ตอนนี้ พัดชาที่ตกอยู่ในสภาพตกตะลึงมึนงงมาโดยตลอด ในที่สุดก็ได้สติกลับมาแล้ว
เธอเอนหัวที่หันไปด้านข้างให้กลับมาตั้งตรง แต่มือที่กุมใบหน้าอยู่ ยังคงไม่ปล่อยออกมาจากบนใบหน้า
เพราะตอนนี้ บนใบหน้าของเธอยังคงร้อนผ่าว ในหูยังดังวิ้งๆอยู่เลย
พอจะเดาได้ว่า ฝ่ามือเมื่อกี้รุนแรงขนาดไหน
ต่อให้ตอนนี้เธอไม่ได้ส่องกระจก เธอก็พอจะจินตนาการได้ว่า ใบหน้าครึ่งหนึ่งของตนเองที่โดนตบจะมีสภาพยังไง ต้องบวมแล้วแน่ๆ!
พัดชารู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเอง แล้วยังต้องมาเห็นคู่รักที่ตัวติดกันอย่างนี้ ความอาฆาตในดวงตาจึงแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว ร่างกายสั่นเทิ้ม น้ำเสียงราวกับปีศาจ “มายมิ้นท์ ไม่นึกว่าเธอจะกล้าตบฉัน!”
เธอคำรามออกมาเสียงดัง
มายมิ้นท์กับเปปเปอร์จึงหันไปมองพร้อมกัน
เปปเปอร์หรี่ตาเล็กน้อย ความเย็นชาและโหดร้ายในสายตา เพียงพอที่จะทำให้คนที่ได้เห็นเหน็บหนาวจนตัวแข็งทื่อ
แต่ความสนใจของพัดชาในตอนนี้เพ่งไปที่มายมิ้นท์ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร
มายมิ้นท์ยิ้ม มองพัดชาอย่างเย็นชา “ทำไมฉันถึงไม่กล้าตบเธอล่ะ? เธอเกลียดฉันขนาดนั้น ท่าทางอยากฆ่าฉันจะแย่อยู่แล้ว มันทำให้ฉันควบคุมความคิดที่อยากจะตบเธอไม่ได้จริงๆ ดังนั้นในเมื่อควบคุมไม่อยู่ ก็อย่าควบคุมดีกว่า ตบๆไปตรงๆนี่แหละ จะได้ไม่ต้องอดกลั้นจนทำร้ายตัวเอง เดี๋ยวมันจะได้ไม่คุ้มเสีย”
พูดๆอยู่ เธอก็พลิกดูมือเรียวเล็กของตนเอง
มือข้างนั้น เป็นมือที่ใช้ตบพัดชาพอดี
เธอยื่นมือเข้าไปใกล้ๆพัดชา รอยยิ้มที่มุมปากเปลี่ยนไปสะอิดสะเอียนมากขึ้น “เป็นยังไง? ฝ่ามือของฉันเมื่อกี้ รู้สึกดีไหม?”
“เธอ......” พัดชาถลึงตาใส่มายมิ้นท์จนเบ้าตาจะแตกอยู่แล้ว
แต่ท่าทีของมายมิ้นท์ไม่กลัวเธอเลยสักนิด วางมือลงอย่างสงบนิ่ง “ดูท่าเธอคงจะรู้สึกดีใช้ได้เลย ดีจนพูดไม่ออกเชียว”
เปปเปอร์ที่อยู่ข้างๆ มองมายมิ้นท์ที่กำลังคึกคักด้วยความหลงใหล
ไม่ต้องพูดถึง ท่าทีหยอกเย้าพัดชาของเธอในตอนนี้ ที่ค่อนข้างมีสไตล์ของราชินีอยู่พอตัว แต่บอกว่าเป็นราชินีที่นิสัยเหมือนปีศาจน้อยดีกว่า
ถ้าสวมชุดหนัง ถือแส้หนังก็ยิ่งเหมือนเลย
แววตาของเปปเปอร์คลุมเครือ ภายในหัวอดไม่ได้ที่จะให้มายมิ้นท์เลียนแบบท่าทีที่สวมชุดหนังถือแส้หนังตามที่คิดเอาไว้
หลังจากเลียนแบบท่าทางนั้นออกมา เปปเปอร์ก็หายใจติดขัดเล็กน้อย กลืนน้ำลาย แววตายิ่งคลุมเครือมากขึ้น
บางที น่าจะลองซื้อชุดประเภทนั้น เอามาให้เธอใส่ให้ตนเองดูบ้าง
เปปเปอร์ลูบๆคาง กำลังคิดๆด้วยแววตาที่เป็นประกาย
มายมิ้นท์ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไร อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหนาวขึ้นมา แล้วมองซ้ายมองขวา
เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ เธอจึงเอียงหัว
แปลกจัง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นนะ?
แม้ว่านี่จะทำให้พวกเขาค่อนข้างเสียเกียรติ แต่พวกเขากลับไม่ยินยอมที่จะผิดใจกับเขามากกว่า
ถ้าจะพูดให้ไม่เข้าหูสักหน่อย ก็คือเขาเป็นสปอนเซอร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้ไงล่ะ
รถราชการทุกคันที่ตำรวจพวกนี้ขับกันในเวลาปกติ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ ล้วนแต่เป็นเขาที่ลงทุนให้ทั้งนั้น ในเรื่องที่จำเป็นพวกเขาจึงต้องเปิดทางสะดวกให้แก่เขาอยู่แล้วสิ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล็กๆประเภทนี้เลย
แต่ทว่าเดิมทีพัดชาก็ไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้อยู่แล้ว จึงพูดโพล่งออกมาว่าตำรวจพวกนี้จงใจไม่ห้ามอย่างตรงไปตรงมา พูดบางเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาก็ช่างเถอะ แต่ยังจะต่อว่าพวกเขาเป็นคนขี้ขลาดอีก อย่างนี้ พัดชาก็ไม่ต้องคาดหวังว่าตำรวจพวกนี้จะช่วยเธอแล้วแหละ
สรุปแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เปปเปอร์ได้เจอคนโง่ขนาดนี้ อาศัยพละกำลังของตนเองล่วงเกินทุกคน ตัดขาดหนทางเอาตัวรอดของตนเองด้วยตนเองซะแล้ว
ที่สำคัญก็คือ เธอยังไม่รู้ตัวว่าการกระทำของตนเอง มีอะไรผิดปกติไป
“ใช่สิ ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” จู่ๆ ตำรวจคนหนึ่งก็ยืนขึ้นมาถาม
ตำรวจอีกคนหนึ่งจึงแสร้งทำเป็นดูนาฬิกา แล้วก็ยืนขึ้นมาเช่นกัน “ใกล้เที่ยงแล้ว ถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้วนะ ไม่งั้นเราออกไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยกลับมาเถอะ”
“ได้ งั้นเลิกงานก่อนแล้วกัน” ตำรวจคนอื่นๆก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย
ในทันที หลังจากที่ตำรวจพวกนี้สบตามายมิ้นท์กับเปปเปอร์แล้ว ก็ทยอยออกไปจากห้องไต่สวนทีละคนๆ
มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ต่างก็เข้าใจสายตาของตำรวจพวกนี้ ที่บอกพวกเขาว่า พวกเขาสามารถลงมือกับพัดชาต่อไปได้เลย ไม่ต้องเกรงใจพวกเขา เพียงแค่อย่าทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนเกินไปไว้บนร่างกายก็พอแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ มายมิ้นท์จึงยิ้มรับความปรารถนาดีของพวกเขา
ที่ด้านนี้ พัดชาเห็นพวกตำรวจกำลังเดินออกไป จึงตะลึงงันไปเลย
เห็นได้ชัดว่า เธอยังไม่เข้าใจ ทำไมตำรวจพวกนี้ถึงได้ออกไปล่ะ
มายมิ้นท์มองออกถึงความตกตะลึงและงุนงงในสายตาของพัดชา จึงลดระดับสายตามองต่ำลงไปแล้วพูดถากถาง: “ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเดินออกไปใช่ไหมล่ะ? งั้นฉันจะบอกเธอเอาบุญแล้วกันนะ เพราะเธอล่วงเกินพวกเขาน่ะสิ”
ล่วงเกินพวกเขางั้นเหรอ?
ม่านตาของพัดชาหดตัว ส่ายๆหัว “เป็นไปไม่ได้! ฉันล่วงเกินพวกเขาตอนไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...