รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 879

ดังนั้นเขายินยอมให้ราเม็งหลับสนิท ไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยคงดีกว่า

แม้จะคิดอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่เอาคำพูดพวกนี้มาหลอกเธอ เพราะมันไม่จำเป็น

“อย่างนี้เอง” แววตาของมายมิ้นท์หม่นหมอง ไม่ได้คลางแคลงใจในคำพูดของเปปเปอร์

อัตราความสำเร็จไม่สูง......

ใช่สิ ถ้าอัตราความสำเร็จสูง ป่านนี้ราเม็งคงกลับมาแล้ว

เธอไม่เชื่อว่าพวกชาหวานจะไม่เคยตามหมอมาตรวจราเม็ง

ถึงยังไงคนที่พวกชาหวานสนับสนุนก็คือราเม็ง ไม่ใช่ธิติอยู่แล้ว

พูดอย่างนี้ ราเม็งจะตื่นขึ้นมาไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ?

ราวกับมองออกว่าในใจของมายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ เปปเปอร์จึงยื่นมือใหญ่ๆออกไป โน้มหลังหัวของเธอ มาพิงบนไหล่ของตนเอง ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “อย่าคิดมาก ถึงหมอจะไม่สามารถปลุกให้ราเม็งตื่นขึ้นมาได้โดยตรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทาง”

ได้ฟังยังงี้ แววตาของมายมิ้นท์จึงเป็นประกายขึ้นมาทันที “มีวิธีทำให้ราเม็งตื่นเหรอ?”

เปปเปอร์ส่ายหัว “อีธานบอกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคสที่ตัวตนหลักยึดอำนาจควบคุมร่างกายกลับมาได้ แต่เคสพวกนี้ต่างก็มีจุดหนึ่งร่วมกัน”

“อะไรที่ร่วมกันเหรอ” มายมิ้นท์จับแขนเสื้อของเปปเปอร์แน่น ถามขึ้นอย่างอดทนรอไม่ไหว

ถ้ามีวิธีทำให้ราเม็งตื่นขึ้นมา เธอยินยอมจะลองดู

“ปาฏิหาริย์” เปปเปอร์มองมายมิ้นท์ เอ่ยปากพูดคำนี้ออกมา

มายมิ้นท์ตะลึงงัน “อะไรนะ? ปาฏิหาริย์?”

เห็นได้ชัดว่า ยังไงเธอก็คิดไม่ถึงในสิ่งที่เปปเปอร์พูด ไม่นึกว่านี่จะเป็นจุดร่วมกัน

เปปเปอร์เชิดคางขึ้นพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ปาฏิหาริย์ อีธานบอกว่าคนในเคสพวกนั้น ล้วนแต่เป็นเพราะอิทธิพลจากคนบางคน เรื่องบางเรื่องที่ทำให้เกิดขึ้น จึงปลุกให้ตัวตนเดิมตื่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และนี่ก็เป็นปาฏิหาริย์ บางทีถ้าตามหาปัจจัยที่พอจะทำให้ราเม็งยอมตื่นขึ้นมา ราเม็งอาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้”

ส่วนปัจจัยนี้คืออะไร ในใจของเขาชัดเจนดี ก็คือสะระแหน่นี่แหละ

ถ้าสะระแหน่ไปบอกธิติว่า เธอยินยอมจะคบกับราเม็ง

ราเม็งจะไม่ยึดอำนาจควบคุมร่างกายกลับมางั้นเหรอ?

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้

แต่ เขาไม่มีทางให้สะระแหน่ทำอย่างนี้เด็ดขาด

สายตาที่อึมครึมของเปปเปอร์กำลังจดจ้องมายมิ้นท์ ความหมายในแววตาชัดเจนมาก

จริงๆประโยคท้ายก็ทำให้มายมิ้นท์รู้สึกตัวได้แล้ว เป็นไปได้ว่าตนเองก็คือปาฏิหาริย์ที่จะปลุกให้ราเม็งตื่นขึ้นมา จึงทำให้ความตื่นเต้นภายในใจของเธอยุติลงทันที

ถึงยังไง เธอคงทำไม่ได้จริงๆที่จะใช้ตนเองไปปลุกให้ราเม็งตื่นขึ้นมา

จะบอกว่าเธอไม่จริงใจก็ได้ จะบอกว่าเธอแสร้งทำตัวเป็นคนดีก็ช่าง

เธอทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้

ถ้าทำ นั่นแหละถึงจะเป็นความจอมปลอมอย่างแท้จริง เพราะเธอทำผิดต่อเปปเปอร์ ทำผิดต่อตนเอง แล้วก็ทำผิดต่อราเม็ง

เธอเห็นราเม็งเป็นแค่น้องชาย แม้จะคบกับราเม็ง ตนเองกับราเม็งก็ต้องเจ็บปวดทรมานอยู่ดี

เดิมทีราเม็งก็เป็นคนที่มักจะวิตกกังวลอยู่แล้ว ไม่มีความรู้สึกปลอดภัย เป็นเด็กที่อารมณ์ขุ่นมัว การอยู่กับความเจ็บปวดมาเป็นเวลานาน มีแต่จะทำให้ราเม็งยิ่งเสียสติ บางทีถึงตอนนั้น คงจะไม่ได้แยกออกมาแค่ตัวตนเดียว อาจจะมีตัวตนที่สามที่สี่มาด้วย

ถึงตอนนั้น เรื่องราวมีแต่จะยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่

คิดๆแล้ว มายมิ้นท์จึงถอนหายใจ วางมือของตนเองไว้บนหลังมือของชายหนุ่ม แล้วพยายามยิ้มออกมาให้เขา “พอเถอะ อย่าคิดมากเลย ฉันไม่ทำเรื่องประเภทนั้นหรอก ถึงจะทำให้ราเม็งตื่นขึ้นมา ก็ควรจะมีวิธีที่ถูกต้อง และดีต่อทุกๆคนสิ ไม่ใช่แค่เพื่อปลุกให้ราเม็งตื่นขึ้นมาอย่างเดียว โดยไม่ครุ่นคิดถึงวันข้างหน้าเลย คุณว่าจริงไหม?”

ได้ยินการยืนยันจากเธอ ท่าทีตึงเครียดของเปปเปอร์จึงผ่อนคลายลงทันที เห็นแววตาของเธอแล้ว ก็มีท่าทีอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้ง ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธอ “อืม คุณคิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว”

เขากังวลว่ามายมิ้นท์จะใจอ่อนเกินไป อยากจะให้ราเม็งตื่นขึ้นมาเกินไป จนทำเรื่องโง่ๆพวกนี้ออกมา

โชคดีที่สุดท้ายเธอยังมีสติดี

ทนายวุฒิที่อยู่ข้างๆได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดของทั้งสองคนแล้ว ก็รู้สึกว่าในหัวกำลังมึนงง

แขนของเปปเปอร์ใช้เวลาสองเดือนถึงจะถอดเฝือกออก สามารถทำกิจกรรมเบาๆได้ ตอนนี้เพิ่งเข้าเดือนที่สาม ก็ฟื้นตัวได้ดีมาก

แต่แขนของราเม็ง ไม่คิดว่าจะตั้งครึ่งปี!

กระดูกคงหักไปแล้วสินะ ไม่งั้นคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก

“บาดเจ็บได้ยังไง?” ตอนนี้ จู่ๆเปปเปอร์ก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “นอกจากแขนแล้ว ยังบาดเจ็บที่อื่นอีกไหม?”

ทนายวุฒิคิดเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป: “ได้ยินว่าโดนล้อรถของรถเข็นทับจนได้รับบาดเจ็บครับ”

“ล้อรถเข็นทับจนบาดเจ็บงั้นเหรอ?” มายมิ้นท์หน้าตาประหลาดใจ “รถเข็นอะไร? ทำไมราเม็งถึงโดนล้อรถเข็นทับจนบาดเจ็บได้?”

สาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บแปลกขนาดนี้ ทำให้เธอต้องคิดมากจริงๆ

“รายละเอียด ผมไม่ทราบอย่างแน่ชัดนะครับ แค่ได้ยินว่าหลังจากงานประมูลจบลง ระหว่างทางที่หัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินเดินออกไป จู่ๆก็โดนคนกระแทกล้มลงตรงนั้น แล้วรถเข็นล้อเดียวที่กำลังเข็นสินค้าคันหนึ่งก็สูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหัน กลิ้งทับไปบนแขนขวาของหัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินทันที แต่ตอนนั้นรถเข็นล้อเดียวมีคนกำลังเข็นอยู่ จะสูญเสียการควบคุมได้ยังไง ดังนั้นคนวงในถึงได้พูดกันว่า ต้องเป็นคุณเกรียงไกรแน่ๆที่แค้นใจหัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินที่แย่งที่ดินไป จึงจงใจใช้ลูกไม้นี้มาแก้แค้น ทำให้แขนของหัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินบาดเจ็บ จนหมดหนทางที่จะเซ็นชื่อได้ ส่วนเจ้าของที่ดินผืนนั้นต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน เป็นไปไม่ได้ที่จะรอหัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินถึงครึ่งปี ได้ยินว่าตอนนี้ที่ดินผืนนั้นก็โดนตระกูลคหบวรเอาไปครอบครองแล้ว” ทนายวุฒิพูด

มายมิ้นท์สีหน้าแย่มาก

รถเข็นที่กำลังเข็นสินค้า งั้นคงหนักน่าดู

น้ำหนักที่หนักขนาดนี้ กลิ้งทับไปบนร่างกายของคนๆหนึ่ง ก็พอเดาได้เลยว่า ตอนนั้นราเม็งเจ็บปวดขนาดไหน

แม้ราเม็งในตอนนี้ จะไม่ใช่ราเม็งในอดีต แต่เพราะราเม็งเขาถึงได้เกิดมา เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่กังวล

“งานประมูลสิ้นสุดลง แขนของธิติก็ได้รับบาดเจ็บ ที่ดินในมือ ก็ตกไปอยู่ในมือของเกรียงไกร เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นเป็นฉากๆขนาดนี้ ฟังแล้วเกรียงไกรน่าสงสัยที่สุดจริงๆ” เปปเปอร์ลูบๆคางพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ทนายวุฒิพยักหน้า “ใช่ครับ ภายในแวดวงของเมืองปักษาพากันพูดว่าคุณเกรียงไกรเป็นคนทำ แต่ใครๆก็ไม่มีหลักฐาน รวมไปถึงหัวหน้าครอบครัวตระกูลอัครเดชโภคินที่เหมือนจะไม่เจอหลักฐานอะไรด้วย ดังนั้นเบื้องหลังของเรื่องนี้เหมือนจะจบลงโดยที่ไม่มีความชัดเจน แต่จริงๆแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่า คุณเกรียงไกรนั่นแหละที่เป็นคนทำ ถึงยังไงอุบัติเหตุที่บังเอิญขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย”

“ห๊ะ?” เปปเปอร์หรี่ตา แววตาคลุมเครือ

ทนายวุฒิจึงพูดต่อ: “จริงๆครับ ภายในแวดวงของเมืองปักษาคนมากมายพูดกันว่า การแก่งแย่งธุรกิจกับเกรียงไกร ถ้าแย่งไปได้ ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็ต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้วธุรกิจนั้นก็จะตกมาอยู่ในมือของคุณเกรียงไกร เพียงแต่คุณเกรียงไกรทำได้อย่างมิดชิดเกินไป ทั้งยังไม่ทิ้งร่อยรอยไว้เลย ต่อให้ทุกคนจะรู้ว่าเป็นเขา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี”

ทนายวุฒิแบมือออก ถอนใจอย่างหดหู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว