แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน เธอก็ต้องห้ามเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาทำต่อไป
เขาไม่อาย แต่เธออายนะ
“อือ......”
ปากโดนอุดไว้ ทำให้มายมิ้นท์พูดไม่ออก ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมา มือทั้งสองออกแรงดันร่างของฝ่ายชาย อยากจะดันเขาออกไป
ในตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มตาแดงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อยๆไม่มีสติแล้ว
การผลักๆดันๆของมายมิ้นท์ ไม่เพียงแต่ดันชายหนุ่มออกไปไม่ได้ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว มันมีความหมายของการยั่วเย้าอยู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มถึงได้กักขังเธอไว้แน่นมากขึ้น
มายมิ้นท์โดนเขาจูบจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว ใบหน้าเล็กๆแดงระเรื่อ ในหัวก็มึนๆ ทั้งร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง
จนท้ายที่สุด แรงผลักของเธอเบาลงเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวก็ช้าลงเรื่อยๆ ชัดเจนว่าไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว สายตาค่อยๆพร่ามัว
เห็นได้ชัดว่า เธอโดนชายหนุ่มพาเข้าไปอยู่ท่ามกลางความลุ่มหลงแล้ว
อันที่จริงสถานการณ์อย่างนี้ เดิมทีก็ทำให้จิตใจคนเราเคลิบเคลิ้มอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แค่อีกฝ่ายมีจุดประสงค์ที่จะทำให้หลงใหล ต่อให้อีกฝ่ายไม่ยินยอม แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงถลำลงไปอยู่ดี
อย่างช้าๆ สติของมายมิ้นท์ค่อยๆเลอะเลือน จนยอมแพ้ที่จะดิ้นรนอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถึงขั้นที่ลืมว่าตนเองยังอยู่ในรถ ทั้งยังอยู่ในลานจอดรถด้วย
ร่างกายที่ตึงเกร็งของเธอก็ค่อยๆผ่อนคลายลง นอนอยู่บนเบาะ ยอมให้ฝ่ายชายกอดเอาไว้แน่น
หลังจากฝ่ายชายรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของมายมิ้นท์ ท่าทางที่กำลังจูบเธอจึงหยุดลงชั่วครู่ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
ไม่นาน มายบัคสีดำที่จอดอยู่นิ่งๆ ก็โยกขึ้นมาทันที ภายในลานจอดรถที่สลัวๆ จึงดูผิดปกติเป็นพิเศษ
คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าเกิดเรื่องลี้ลับอะไรขึ้น
และตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าลอยมาจากที่ไม่ไกล ถ้าฟังให้ดีๆ ก็พอจะฟังออกว่าเป็นเสียงรองเท้าส้นสูงกับรองเท้าหนังที่กำลังเดินมา
ที่แท้ก็เป็นชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่ง ที่เดินโอบกันออกมาจากลิฟต์ชั้นใต้ดินของอาคารที่จอดรถ
ในทันที ผู้ชายคนนั้นก็เห็นได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหยุดฝีเท้าลง อุทานคำที่คนในประเทศต่างก็เข้าใจในความหมายของมันออกมา “FUCK!”
เมื่อฝ่ายหญิงเห็นว่าจู่ๆผู้ชายก็หยุดเดิน จึงหยุดตามไปด้วย “เฮ้ ที่รัก เป็นอะไรไป?”
ฝ่ายชายหยิบมือถือออกมา ชี้ๆมายบัคที่กำลังโยกอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น “ที่รักเธอดูสิ”
ฝ่ายหญิงจึงมองไปตามทางที่ฝ่ายชายชี้ไป ตอนที่เห็นฉากที่อยู่ตรงข้าม ก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “นี่......”
“เจ๋งสุด ก็ไม่รู้ว่าสองคนไหนที่อดใจรอไม่ไหวขนาดนั้น ถึงได้ทำเรื่องที่ฉันอยากจะทำแต่ไม่กล้าทำ ช่างเป็นต้นแบบของพวกเราจริงๆเลยนะ” ฝ่ายชายถูๆฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น แล้วเดินไปทางมายบัค
ฝ่ายหญิงเห็นแล้ว จึงรีบถามขึ้น “นายจะทำอะไร?”
“ฉันจะเข้าไปถ่ายวิดีโอ ข่าวเด็ดขนาดนี้ต้องได้พาดหัวข่าวแน่ๆ ฉันปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้” ฝ่ายชายรีบก้าวเข้าไป ตอบกลับโดยที่ไม่หันหน้ามาด้วยซ้ำ
แต่ฝ่ายหญิงกลับมีสติดีกว่าฝ่ายชายอยู่มาก เธอมองๆแผ่นหลังของเขาแล้ว จึงมองไปที่หมายเลขทะเบียนรถที่เห็นได้ไม่ชัดเจน ทว่ากลับเป็นรถมายบัคที่ไม่ได้พบเจออยู่บ่อยๆ เธอกลัวว่าฝ่ายชายจะก่อเรื่อง หลังจากกระทืบเท้า ก็รีบวิ่งเหยาะๆเข้าไป “ที่รัก นายอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ”
ต้องโทษเปปเปอร์ ที่จะทำเรื่องประเภทนี้ที่นี่ให้ได้ แล้วยังล่อลวงเธออีก ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนยอมอ่อนข้อให้
แล้วก็ต้องโทษตนเอง ที่ไม่อดทน ไม่มีประโยชน์เลย แค่โดนเขาจูบ ก็หน้ามืดแล้ว ขาดสติไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เห็นท่าทีของหญิงสาวร้อนรนจนจะร้องไห้อยู่แล้ว เปปเปอร์ถึงได้ปล่อยเอวของเธอ เช็ดน้ำตาที่หางตาให้เธอเบาๆ
หลังจากเช็ดแล้ว เขาจึงวางมือไว้ใกล้ๆริมฝีปาก เลียน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนนิ้วโป้งเบาๆ จากนั้นก็เหลือบตาขึ้น ระงับแววตาที่กำลังหลงใหลเอาไว้
มองชายหญิงด้านนอกด้วยสายตาเย็นยะเยือก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสงบนิ่ง: “วางใจเถอะ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก พวกเขามองไม่เห็นเรา แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงของเราด้วย คงไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว ต่อให้ถ่ายรูปไป ก็ไม่กล้าแชร์ออกไปหรอก ถึงขั้นที่จะลบทิ้งอย่างรวดเร็วด้วยซ้ำ ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“จริงเหรอ?” มายมิ้นท์ตะลึงเล็กน้อย ถามขึ้นด้วยความงุนงง
เปปเปอร์ขยับๆริมฝีปาก กำลังจะตอบกลับไป แต่จู่ๆสีหน้าของผู้หญิงข้างนอกก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่น่าหวาดกลัวอย่างนั้น อ้าปากค้างด้วยความตกใจ สีหน้าเริ่มซีดเผือดขึ้นมา
เธอจึงคว้าแขนของผู้ชายข้างกายเอาไว้ ตะโกนออกมาอย่างรีบร้อนลนลาน: “พอเถอะ อย่าถ่ายเลย!”
ระหว่างที่พูด เธอถึงกับแย่งมือถือของฝ่ายชายมา ดูสิ่งที่ฝ่ายชายถ่ายเอาไว้ แล้วกดลบทิ้งไปทันที
ฝ่ายชายเห็นแล้ว จึงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล: “เธอทำอะไรเนี่ย? เป็นบ้าหรือไง?”
เขาแย่งมือถือกลับมา รีบตรวจดูว่าสิ่งที่ตนเองถ่ายเอาไว้โดนลบทิ้งไปหรือเปล่า แล้วยังจะกู้กลับคืนมาได้ไหม
แต่ทว่าหลังจากเห็นสิ่งที่ตนเองถ่ายเอาไว้ โดนลบทิ้งไปหมดแล้ว ฝ่ายชายจึงถลึงตาใส่ฝ่ายหญิงด้วยความโมโหทันที “เธอบ้าไปแล้วเหรอ? เธอป่วยหรือไง? เธอจะลบทิ้งทำไม? ถ้าเธอไม่มีคำอธิบายที่น่าพึงพอใจให้ฉัน งั้นฉันจะเลิกกับเธอ!”
ฝ่ายหญิงเห็นสายตาของฝ่ายชายที่ราวกับอยากจะจับตนเองกิน จึงโมโหขึ้นมาทันทีเช่นกัน “นายยังกล้าจะบอกเลิกฉันอีกงั้นเหรอ? นี่ฉันกำลังช่วยนายอยู่นะ นายรู้บ้างไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...