รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 889

ทุกอย่างนี้ ต้องโทษเปปเปอร์หมดเลย

ถ้าไม่ใช่เขา เธอก็ไม่ต้องเหนื่อยนอนหลับไปหรอก แล้วก็ยิ่งไม่มีทางนอนหลับไปนานขนาดนี้ นอนจนเรื่องที่จะไปเทนเดอร์กรุ๊ปตอนบ่ายหายไปเลย

เธอจะบ้าตายแล้วจริง ๆ!

ไม่ได้ ต้องไปคิดบัญชีกับอิตาบ้านั่นสักหน่อยแล้ว!

มายมิ้นท์เอี้ยวตัวไป เปิดไฟที่หัวเตียงขึ้นมา

ในชั่วพริบตาเดียว ไฟในห้องก็สว่างวาบขึ้นมาราวกับเป็นตอนกลางวัน

พอมายมิ้นท์สามารถมองทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง แล้วเลิกผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง

แต่ปรากฏว่าพอเท้าแตะลงพื้น ขาทั้งคู่ของเธอก็อ่อนยวบลงทันที จากนั้นทั้งตัวเธอก็หล่นตุ๊บทีหนึ่ง แล้วเข่าทั้งคู่ก็คุกเข่าลงไปบนพื้น มือทั้งคู่ก็ยันอยู่บนพื้น

ดีที่บนพื้นมีพรมหนา ๆ ปูเอาไว้ พอมายมิ้นท์ก็คุกเข่าลงไป จึงไม่ได้เจ็บมาก เพียงแต่ว่าใบหน้าเรียวเป็นสีแดงก่ำขึ้นมา และรู้สึกว่าน่าขายหน้าเป็นอย่างมาก

เพราะว่าที่เธอเป็นแบบนี้ได้นั้น นอกจากว่าไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน จนร่างกายไม่มีแรงไปหมดทั้งตัวแล้ว ที่มากยิ่งกว่าก็คือ ยังมีที่บางแห่งที่รู้สึกไม่สบายไปด้วย ตอนที่แตะพื้นนั้นได้ฉุดรั้งโดนไปด้วย จึงทำให้เท้าทั้งคู่อ่อนยวบไปทันที แล้วก็ล้มลงไป

ก้มหน้าลงไปมองหัวเข่าของตัวเอง และมือตัวเองที่ยันอยู่บนพื้น จู่ ๆ ในใจมายมิ้นท์ก็เกิดความน้อยใจพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่ง ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา ที่ปากก็พร่ำบ่นชื่อของเปปเปอร์ไปไม่หยุด

ต้องโทษเปปเปอร์ทั้งนั้น ต้องโทษเขาหมดเลย!

ถ้าไม่ใช่เขา ทำไมเธอจะต้องมาล้มลงกับพื้นอย่างต่ำต้อย แถมยังต้องคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยล่ะ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย น้ำตาหมุนวนอยู่ในดวงตาจริง ๆ

ตลอดชีวิตของเธอมายมิ้นท์ ยังไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย

แต่ว่าตั้งแต่ที่พบกับผู้ชายอย่างเปปเปอร์ เธอก็พบว่าไม่ว่าเรื่องขายหน้าคนแบบไหน เธอก็ได้เจอมาหมดแล้ว

อิตาบ้านี่ช่างเป็นตัวซวยของเธอจริง ๆ ชาติที่แล้วเธอคงติดค้างเขาไว้!

มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามฝืนน้ำตากลับไป มือทั้งคู่จับขอบเตียงเอาไว้ แล้วยันขอบเตียงไว้ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็นั่งลงตรงขอบเตียง

ตอนนี้บนตัวเธอสวยใส่ชุดนอนอยู่ คาดว่าหลังจากที่เปปเปอร์อุ้มเธอกลับมาแล้ว ก็เปลี่ยนให้เธอ

เธองอตัวลง แล้วรวบขากางเกงของชุดนอนทั้งสองข้างขึ้นมา มาดูหัวเข่าเล็กน้อยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

เพราะว่าเมื่อกี้ตอนที่คุกเข่าลงไปนั้น เสียงที่ดังตุ๊บนั้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย

บางครั้งถึงจะไม่ปวด แต่ก็จะเหลือร่องรอยเอาไว้ ซึ่งก็ไม่แน่นอน

เพราะฉะนั้นเธอจะต้องตรวจดูให้ดี ๆ สักหน่อย

พอดึงขากางเกงขึ้นมาแล้ว ขาเรียวขาวนวลสองข้างก็โผล่ออกมา พอมาอยู่ภายใต้การส่องของแสงไฟ ก็ขาวนวลราวกับหยกขาว ช่างดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

พอมายมิ้นท์ตรวจดูหัวเข่าอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าไม่เป็นอะไร ถึงได้โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง แล้วปล่อยขากางเกงลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วจับกำแพงไว้แล้วเดินออกไปข้างนอก

จะไม่จับได้ยังไงกัน?

ร่างกายเธอทั้งตัวอ่อนยวบ แล้วท้องก็หิวมาก ไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด ถ้าไม่จับอะไรไว้ คาดว่าอีกเดี๋ยวก็คงจะต้องล้มลงไปอีกแน่

ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่าแล้ว เปปเปอร์มาได้อยู่ในห้อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ห้องรับแขกหรือว่าไปข้างนอกแล้ว

ถ้าเกิดว่าอยู่ในห้องรับแขกละก็ เธอจะต้องกัดเขาสักหน่อยแน่ เพื่อเป็นการระบายที่เธอต้องหกล้มเมื่อกี้ ไม่งั้นเธอก็ไม่สบายใจ

มายมิ้นท์จับกำแพงไปตลอดทาง ในที่สุดก็ออกจากห้องนอน แล้วมาถึงห้องรับแขก

ไฟในห้องรับแขกเปิดไว้ทุกดวง สว่างจนแสบตา ซึ่งก็บอกได้ในชั่วพริบตาว่า เปปเปอร์ไม่ได้ออกไปข้างนอก ยังอยู่ในคอนโดอยู่

แต่ว่าในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่ งั้นตอนนี้ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในห้องครัว ก็ต้องอยู่ในห้องหนังสือที่ดัดแปลงมาจากห้องนอนเล็ก

คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็จับกำแพงไว้แล้วเปลี่ยนทิศทางไป เดินไปทางห้องหนังสือที่อยู่ทางซ้ายมือ

พอมาถึงหน้าห้องหนังสือ ประตูห้องเปิดแง้มไว้ แสงไปส่องออกมาจากช่องว่างประตู แล้วก็ยังมีเสียงเคาะแป้นพิมพ์เบา ๆ ดังลอยออกมาด้วย

สิ่งนี้ทำให้มายมิ้นท์มั่นใจได้อย่างเต็มที่แล้วว่า อิตาบ้าบางคนที่เป็นตัวซวยได้อยู่ข้างในแน่นอน

มายมิ้นท์สูดหายใจเข้าเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาผลักประตู และเปิดประตูห้องหนังสือออก

ความเคลื่อนไหวที่เปิดประตูของเธอนั้นเบามาก สามารถพูดได้ว่าแทบจะไม่ส่งเสียงดังเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้ผู้ชายในห้อง จึงยังไม่รู้ว่าประตูห้องหนังสือได้เปิดออกแล้ว และกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างตั้งใจอยู่

เปปเปอร์หัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา “ดูท่าคงจะหิวแล้ว ไป ไปกินข้าวกันก่อน”

เขาจูงมือเธอไว้ พาเธอเดินออกไปข้างนอก

มายมิ้นท์หันหน้าไปมองโต๊ะทำงานเขาทีหนึ่ง “คุณไม่ยุ่งแล้วเหรอคะ? เมื่อกี้ฉันเห็นคุณจริงจังซะขนาดนั้น คิดว่าคงจะยังทำงานไม่เสร็จ หรือไม่คุณทำงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปหาของกินเองคนเดียวก็ได้ค่ะ”

“ไม่ต้อง ไม่ใช่งานที่สำคัญมากเท่าไหร่ ไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้” เปปเปอร์เปิดประตูห้องหนังสือออก แล้วตอบกลับไปเรียบ ๆ

สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานที่สำคัญมากแค่ไหน ถ้าเทียบกับเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีความสำคัญมากขนาดนั้นแล้ว

เมื่อเทียบกับการเอาแต่ยุ่งอยู่กับการทำงาน เขาอยากอยู่เป็นเพื่อนเธอมากกว่า

พอมาถึงห้องรับแขก เปปเปอร์ก็ดึงเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวออก แล้วให้มายมิ้นท์นั่งลงไป

พอเธอนั่งลงไปแล้ว เขาถึงพูดขึ้นว่า “รอผมสักครู่นะ เดี๋ยวผมไปเอาของกินในครัวมาให้คุณ”

“ห๋า?” พอได้ยินคำพูดพวกนี้ มายมิ้นท์ก็ยืดตัวตรงขึ้นมามองไปที่เขา “อาหารเย็นทำเสร็จแล้วเหรอคะ?”

เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “เตรียมเสร็จตั้งนานแล้ว แล้วก็อุ่นรอคุณอยู่ตลอดด้วย รอเดี๋ยวนะ”

ตบไหล่เธอเล็กน้อย เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปในครัวเลย

ไม่นาน เปปเปอร์ก็ยกอาหารเย็นเดินออกมา มีเนื้อมีผัก แล้วก็มีซุปไก่ถ้วยหนึ่งด้วย กลิ่นหอมจนโชยเข้าจมูกเลย

เปปเปอร์ยื่นตะเกียบให้เธอมาคู่หนึ่ง “กินเถอะ”

“แล้วคุณละคะ?” มายมิ้นท์รับตะเกียบมาแล้วก็ถามออกไป

เปปเปอร์นั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามเธอ “ผมกินแล้ว รีบกินเถอะ ลองชิมดูอาหารพวกนี้เป็นยังไงบ้าง ผมเพิ่งหัดทำมาใหม่เลยนะ”

ท่าทางที่คีบผักของมายมิ้นท์นิ่งค้างไปเล็กน้อย แล้วจ้องมองไปที่ชายหนุ่มอย่างแปลกใจ “คุณทำเองเหรอคะ?”

“แน่นอนซิ” เปปเปอร์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้ามีแววภาคภูมิใจในตัวเองอย่างเปิดเผย

มายมิ้นท์หัวเราะขึ้นมาคำหนึ่ง “งั้นไม่ต้องชิม ฉันก็รู้ว่ารสชาติต้องไม่เลวแน่นอนค่ะ คุณเรียนทำอะไรก็ทำได้ทั้งเร็วและทั้งดีด้วย ความเชื่อมั่นในส่วนนี้นั้นฉันมีอยู่แล้วค่ะ”

พอพูดจบ เธอก็คีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว