ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
อยู่ ๆ มายมิ้นท์ก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง
เธอยังนึกว่า คนคนนี้จะมีวิชาอ่านใจคนได้ซะอีก
พอเอาผมช่อหนึ่งที่หลุดร่วงลงมาเมื่อกี้ตอนที่ทำการวิ่ง ไปทัดไว้ที่หลังใบหูแล้ว มายมิ้นท์ก็มองไปที่เกรียงไกร แล้วค่อย ๆ เปิดปากพูดขึ้นว่า “นายใหญ่เกรียงไกรช่างไม่เหมือนกับที่ฉันนึกภาพเอาไว้จริง ๆ ฉันคิดไม่ถึงเลย ว่านายใหญ่เกรียงไกรจะเป็นคนที่เป็นมิตรมากขนาดนี้ ดังนั้นในชั่วพริบตาหนึ่งก็เลยอึ้งทึ่งไปเล็กน้อย คุณเกรียงไกรอย่าถือโทษโกรธกันเลยนะคะ”
แน่นอนว่า ตัวเธอเองนั้นชัดเจนดี ไอ้คำที่ว่าดูเป็นมิตรนั้น ก็แค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้น
เพราะว่าภาพลักษณ์ภายนอกของคนคนนี้มีความรู้สึกหลอกลวงอยู่สูงมาก เธอรู้จักใบหน้าแท้จริงที่อยู่ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกของคนคนนี้ดี
เป็นมิตรเหรอ?
ไม่มีอยู่จริงหรอก แสร้งออกมาทั้งนั้น!
แต่ว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเขามารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูหลอกลวงแบบนี้ มันกลับทำให้ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับเขานั้น ไม่ได้ตื่นเต้นมากขนาดนั้นแล้ว
เกรียงไกรเหมือนกับว่าจะฟังคำพูดตามมารยาทของมายมิ้นท์ไม่ออก แล้วก็โบกมือไปอย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “นี่ไม่มีอะไรหรอก ถ้าจะพูดว่าอย่าถือโทษโกรธกัน ก็ควรเป็นผมที่เป็นฝ่ายบอกให้คุณอย่าถือโทษโกรธกันมากกว่า ขอโทษด้วยนะครับคุณมายมิ้นท์ ผู้ช่วยผมคนนี้โดนผมตามใจจนเสียนิสัย จนทำให้ปกติพบเจอใครก็มีท่าทีหยิ่งยโส เพราะฉะนั้นเมื่อกี้เขาก็เลยเสียมารยาทกับคุณไป ให้ผมที่เป็นเจ้านายคนนี้ได้ขอโทษแทนด้วยนะครับ”
พูดแล้ว ก็จะโค้งคำนับขึ้นมา
มายมิ้นท์รีบห้ามปรามเขาเอาไว้ “นายใหญ่เกรียงไกร คุณอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันรับไม่ไหว”
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนคนนี้จะจดจำความแค้นที่ต้องโค้งคำนับครั้งนี้ไว้ที่เธอ เธอก็จะไม่มีทางห้ามปรามคนคนนี้โค้งคำนับแน่
ตัวเธอนั้นเข้าใจดี คนที่สูงส่งและอยู่ในตำแหน่งผู้นำมานานหลายปีแบบนี้ ถึงแม้ว่าปากจะพูดขอโทษกับผู้อื่น แถมยังจะโค้งคำนับด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็แค่ทำไปแบบนั้นแหละ
ถ้าเกิดคุณไม่ไปห้ามปรามเขา หลังจากที่เขาโค้งคำนับให้แล้ว ถึงแม้บนใบหน้าจะยิ้มแย้มอยู่ แต่ในใจกลับโกรธเกลียดคุณไปแล้ว
สำหรับพวกเขานั้น ปากของพวกเขาสามารถบอกว่าโค้งคำนับให้คุณได้ แต่ถ้าคุณให้พวกเขาโค้งคำนับให้จริง ๆ งั้นก็จะเป็นความผิดของคุณ พวกเขาจะต้องโกรธเกลียดคุณแน่
และผลปรากฏว่า พอเห็นมายมิ้นท์รีบห้ามปรามเขา รอยยิ้มบนใบหน้าเกรียงไกร ก็เด่นชัดขึ้นมาเยอะ
เขายืดตัวตรงขึ้นมา แล้วพูดเหอะ ๆ ขึ้นว่า “คุณมายมิ้นท์นี่เป็นคนมีความเคารพนับถือคนแก่จริง ๆนะครับ”
มายมิ้นท์คลี่ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “นายใหญ่เกรียงไกรเกรงใจกันเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้เป็นคนดีขนาดที่คุณพูดหรอกครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากมีเรื่อง เธอจะเคารพนับถือเขาเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
แค่คิดถึงว่าคนคนนี้หักหลังแม่ของเปปเปอร์ไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีความแค้นกับเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกรังเกียจ
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ก็ต้องยืนอยู่ฝั่งผู้หญิง ต่อต้านกับผู้ชายชั่วแบบนี้
“คุณมายมิ้นท์ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกครับ ที่ผมพูดมันเป็นความจริงทั้งนั้น” เกรียงไกรยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน
มายมิ้นท์จ้องมองความอ่อนโยนของเขา ท่าทางอย่างกับเป็นสายลม คิ้วเรียวสวยก็ค่อย ๆ ขมวดกันขึ้นมา
เพราะว่าอยู่ ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่า คนคนนี้อบอุ่นจนทำให้เธอรู้สึกว่าคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามีคนมากมายต่างก็อ่อนโยนกันทั้งนั้น เธอเองก็เคยเจอคนที่มีนิสัยอ่อนโยน บุคลิกอบอุ่นมาไม่น้อย
แต่เพราะว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอ่อนโยน แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าพวกเขาอ่อนโยนเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเกรียงไกร แต่กลับรู้สึกว่าความอบอุ่นที่เกรียงไกรแสดงออกมา กลับเหมือนกับความอ่อนโยนที่เธอเคยเห็นใครบางคนแสดงออกมาเป็นอย่างมาก ไม่งั้นก็ไม่มีทางทำให้เธอมีความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาได้หรอก
คือใครกันนะ?
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไปเล็กน้อย แล้วก็เริ่มเค้นมันสมองค้นหาในสมองอย่างสุดกำลัง
ไม่นาน วัยรุ่นที่สวยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ใบหน้ายังมีความอ่อนเยาว์อยู่บ้าง ก็ปรากฏขึ้นมาในสมองเธอ
มายมิ้นท์อ้าเรียวปากแดงออกเล็กน้อยอย่างเหลือเชื่อ
คือเปปเปอร์เหรอ!
คนที่เธอนึกถึง คือเปปเปอร์เหรอ!
มายมิ้นท์รีบมองไปที่เกรียงไกรที่อยู่ตรงข้าม จากนั้นก็เอาเขาไปเปรียบเทียบกับเปปเปอร์คนที่ยังเป็นวัยรุ่นที่อ่อนโยนในความทรงจำคนนั้น
สุดท้ายก็พบว่า เปปเปอร์ในอดีต มีบุคลิกที่เหมือนกับเกรียงไกรเป็นอย่างมากจริง ๆ
ผู้คนมากมายต่างก็อิจฉาที่เปปเปอร์เกิดมาในตระกูลนวบดินทร์ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เกิดมาก็อยู่ตำแหน่งสูงส่งที่คนมากมายไม่มีทางก้าวไปถึงได้
แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ชีวิตในวัยเด็กของเขาเป็นแบบนี้?
แล้วคนที่ทำให้ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นมา ก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้
คนคนนี้ ก็คือตัวการร้ายที่สุด!
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ สายตาที่มายมิ้นท์มองไปที่เกรียงไกร ก็ปกปิดความไม่ชอบใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
เกรียงไกรสังเกตเห็นแล้ว ดวงตาก็หรี่ลง ในดวงตามีแววโหดเหี้ยมพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง ไม่นานก็สลายไปหมด ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อนเลย ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนมีเมตตาไป “คุณมายมิ้นท์ บนหน้าผมมีอะไรหรือเปล่า ทำไมคุณถึงจ้องผมอยู่แบบนี้ล่ะ?”
มายมิ้นท์หรี่ตาลง แล้วเก็บอารมณ์ในดวงตาไป “ไม่มีอะไรค่ะ จู่ ๆ คุณเกรียงไกรก็มาหาฉันที่เมืองเดอะซี เป็นเพราะว่าต้องการให้ฉันปล่อยตัวพัดชาเหรอคะ?”
เธอพูดเรื่องสำคัญออกมาตามตรง
เกรียงไกรยังรู้สึกแปลกใจกับความซื่อตรงของเธออยู่บ้าง แล้วก็ถูแหวนไปและยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่ ที่ผมมาที่นี่ เป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ทั้งหมด ยังมาเพื่อมาเยี่ยมเพื่อนเก่าคนหนึ่งด้วย”
ตอนที่ได้ยินคำว่าเพื่อนเก่าสองคำนั้น ดวงตาของเขาก็มีความอ่อนโยนและความคำนึงหาเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
มายมิ้นท์รู้สึกได้ แล้วก็เดาได้ว่าเพื่อนเก่าที่ออกจากปากเขาคือใคร
คงจะเป็นแม่ของเปปเปอร์ละมั้ง
หลังจากที่แม่ของเปปเปอร์ตายไปแล้ว ก็ไม่ได้เอากลับไปฝังรวมกับตระกูลมหาณธรในเมืองปักษา
ตระกูลมหาณธรในตอนนี้ ไม่ได้เป็นตระกูลมหาณธรในอดีตมาตั้งนานแล้ว
แต่แม่ของเปปเปอร์ก็ไม่ได้ฝังอยู่ในตระกูลตระกูลนวบดินทร์ด้วย ไม่ใช่ว่าตระกูลนวบดินทร์ไม่ให้เธอไปฝังอยู่ที่นั่น แต่คิดว่าแม่ของเปปเปอร์ก็คงจะไม่ได้อยากไปฝังอยู่ที่นั่นหรอก
ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ก็อยากไปจากตระกูลนวบดินทร์ซะขนาดนั้น พอตายไปแล้วจะไปอยากฝังอยู่ในสุสานตระกูลนวบดินทร์ได้ยังไง?
แบบนั้นก็จะกลายเป็นว่า ทั้งตอนมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว ก็ไม่มีทางออกไปจากตระกูลนวบดินทร์ได้น่ะซิ?
ดังนั้นตระกูลนวบดินทร์จึงเอาเธอไปฝั่งไว้ในสุสานทั่วไป แต่ว่าตกลงเป็นสุสานไหนนั้น ในส่วนนี้เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และไม่เคยได้ยินเปปเปอร์พูดถึงด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...