แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ปฏิกิริยาของเกรียงไกรในตอนที่เอ่ยถึงแม่ของเปปเปอร์
ความทรงจำและมิตรภาพในดวงตานั้น ไม่ได้แสร้งออกมา
ซึ่งก็หมายความว่า ที่จริงแล้วในใจของเกรียงไกรยังรักแม่ของเปปเปอร์อยู่เหรอ?
เพียงแต่ว่า ยังรักอยู่แล้วยังไงล่ะ?
แต่ก็ยังหักหลังเธอไปในตอนที่ยังรักแม่ของเปปเปอร์อยู่ไม่ใช่เหรอ
ตอนนี้คนไม่อยู่แล้ว แต่กลับยังมีสภาพอย่างกับว่ารักลึกซึ้งมากมายมันจะไปมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?
ไม่มีทางทำให้คนอื่นซาบซึ้งได้แล้ว แค่จะทำให้ตัวเองซาบซึ้งคนเดียวเท่านั้น
แล้วอย่างคนนอกอย่างพวกเขา ก็จะรู้สึกแต่เพียงสะอิดสะเอียนอย่างกับกินขี้เท่านั้น
ในตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น เกรียงไกรที่อยู่ตรงหน้าก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
เขาหมุนแหวนที่อยู่บนนิ้วโป้งไป แล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิดต่อมายมิ้นท์เล็กน้อย “ขอโทษด้วยครับ คนเราเมื่ออายุมากแล้ว ก็ชอบหวนนึกถึงแต่อดีต คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณคงจะรู้สึกว่าคนอย่างผมนี่เรื่องมากแน่ใช่ไหม?”
มายมิ้นท์คลี่ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มอย่างฝืดเคืองขึ้นมา “นายใหญ่เกรียงไกรคิดมากไปแล้ว แต่ว่าพวกเราก็ควรคุยเรื่องสำคัญกันแล้วจริง ๆ”
ความหมายในคำพูดก็คือ ไม่ต้องเสียเวลา ไปพูดเรื่องในอดีตของเขาแล้ว
เธอไม่ได้อยากรู้เรื่องในอดีตของเขาเลยสักนิด และยังรู้สึกเบื่อด้วย
แน่นอนว่าเกรียงไกรต้องฟังออกแล้ว ถึงแม้ว่าบนใบหน้าจะยังมีรอยยิ้มอยู่ แต่ก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่น่ามองแล้ว
เขายื่นมือไปทางผู้ช่วยทัตที่อยู่ข้าง ๆ
ไม่รู้ว่าผู้ช่วยทัตเอาไม้เท้าอันหนึ่งที่ไม่ยาวมากนัก มากสุดก็ยาวเท่าแขนข้างหนึ่งมาจากไหน แล้วก็ส่งไปให้เกรียงไกรด้วยมือทั้งสองข้างอย่างนอบน้อม
พอเกรียงไกรรับมาแล้ว ก็เอาไม้เท้ายันลงกับพื้น จากนั้นก็เอามือทั้งคู่ไขว้กันไว้บนหัวมังกรของไม้เท้า
เกรียงไกรที่มีไม้เท้าแล้ว ในที่สุดคราวนี้ถึงทำให้มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่า เขาเป็นนายใหญ่ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่แล้ว แล้วก็มีอำนาจแบบผู้นำแล้ว และไม่ใช่บัณฑิตที่ธรรมดา ๆ คนหนึ่งแล้ว
และนี่ถึงจะเป็นรูปลักษณ์ที่เกรียงไกรใช้เจรจากับผู้คนจริง ๆ!
มายมิ้นท์คิดแล้ว ก็เม้มเรียวปากเล็กน้อย ในใจก็ยิ่งระแวงมากยิ่งขึ้น
เกรียงไกรเปิดเผยท่าทีที่แท้จริงของตัวเองในตอนนี้ เห็นได้ชัดมากเลยว่า เขาจะเริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว
งั้นเธอเอง ก็ประมาทเกินไปไม่ได้ จะได้ไม่โดนเกรียงไกรจูงจมูกเดิน
ในเมื่อเธอไม่มีทางที่จะเทียบกับเกรียงไกรได้ เกรียงไกรอายุมากกว่าเธอตั้งยี่สิบกว่าปี แล้วก็ดูแลควบคุมตระกูลหนึ่งมาสิบกว่าปี ซึ่งก็ได้กลายเป็นจิ้งจอกที่ชาญฉลาดตัวหนึ่งไปแล้ว
เธอเป็นเด็กสาวที่เพิ่งจะออกมาฝ่าฟันคนหนึ่ง ถ้าเกิดไม่คอยระวังสักหน่อย ก็จะต้องตกที่นั่งลำบากแน่
ในขณะเดียวกัน ในใจของเธอก็ค่อนข้างคาดหวังที่จะได้เผชิญหน้ากับจิ้งจอกเฒ่าแบบนี้สักครั้งเหมือนกัน จะได้ยกระดับประสบการณ์ของตัวเองด้วย แล้วตัวเองจะได้เติบโตขึ้น
จะต้องรู้ไว้ด้วย ว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ
คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามทำให้ตัวเองสงบสติลงมา จะได้ไม่ทำให้แนวหน้าวุ่นวายไป
ไม่งั้น ถ้าถูกเจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่จับจุดอ่อนได้ ก็จะยุ่งเลย
มายมิ้นท์บีบฝ่ามือไปเล็กน้อย แล้วหรี่ตาลง พยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองออกว่าตัวเองไม่สงบนิ่ง
ฝั่งตรงข้าม เกรียงไกรไม่รู้ว่ามายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ มือทั้งคู่จับอยู่บนหัวมังกรของไม้เท้า ถึงแม้ว่าท่าทีจะดูอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่เบื้องหลังของความอ่อนโยนอันนี้ กลับมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
เขาประหลาดใจที่ผู้หญิงที่อายุน้อยคนนี้ กลับสามารถสงบนิ่งได้ขนาดนี้
จะต้องรู้ไว้นะ เมื่อกี้เขาตั้งใจเปิดเผยพลังอำนาจของตัวเองออกไปเล็กน้อย ก็เพื่อที่จะข่มผู้หญิงอายุน้อยคนนี้สักหน่อย เพื่อจะได้ยึดครองตำแหน่งที่ได้เปรียบในการสนทนาต่อไปนี้สักหน่อย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้รู้สึกดีกับแม่ของเปปเปอร์เท่ากับเมื่อก่อนแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ผู้หญิงมีหน้าที่ปกป้องผู้หญิงด้วยกัน และก็มีหน้าที่ทวงความยุติธรรมบางส่วนคืนให้กับผู้หญิงที่เสียหายด้วย
พอมองเห็นเกรียงไกรที่สีหน้าเคร่งขรึมลงไปหมด เพราะคำพูดชุดสุดท้ายของตัวเองแล้ว ถ้าจะบอกว่าในใจมายมิ้นท์ไม่ตื่นเต้นเลยนั้น เป็นเรื่องโกหก แต่สิ่งที่มีเยอะกว่า ก็ยังคือความแอบดีใจ
เพราะว่าเธอสามารถทำให้เกรียงไกรโมโหได้สำเร็จแล้ว
เกรียงไกรจับหัวมังกรของไม้เท้าไว้แน่น อย่างกับว่าจะบีบหัวมังกรให้แตกละเอียดไปเลย
และในดวงตาของเขาก็ไม่มีความอ่อนโยนอีกแม้แต่น้อย สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ความมืดมนที่ทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัว “นี่คุณมายมิ้นท์ฟังไม่เข้าใจความหมายของผมจริง ๆ หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจครับ?”
พอคำพูดนี้พูดออกมา มายมิ้นท์ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คนคนนี้ไม่อยากอ้อมค้อมวกไปวนมากับตัวเองอีกต่อไปแล้ว ก็เลยจะตรงไปตรงมาแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง จากนั้นเรียวปากแดงก็ขยับขึ้น “คำพูดของนายใหญ่เกรียงไกรมีความหมายอะไรคะ ฉันควรจะฟังอะไรออกคะ?”
เธอยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ไม่ว่ายังไง เธอก็จะไม่ยอมรับ
ขอแค่ไม่ยอมรับ เขาก็ไม่มีทางบอกว่าเธอแสร้งได้
“ในเมื่อคุณมายมิ้นท์ฟังไม่เข้าใจ งั้นก็ช่างเถอะครับ” พอเห็นมายมิ้นท์ปากแข็งเช่นนี้ เกรียงไกรก็โมโหจนขำขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้เปิดโปงเธอ เพียงแต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับยิ่งมืดมนและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น “งั้นผมก็จะพูดตรง ๆ เลยละกัน คุณมายมิ้นท์ช่วยเห็นแก่ที่ชายชราอย่างผมมาขอโทษด้วยตัวเอง ช่วยปล่อยลูกสาวผมสักครั้งได้ไหมครับ? และแน่นอนว่า ค่าเสียหายและสิ่งที่ควรจะต้องตอบแทนจะไม่มีทางขาดแน่ ถ้าเกิดคุณมายมิ้นท์มีอะไรที่ต้องการ ก็สามารถเอ่ยออกมาได้ ขอแค่ชายชราอย่างผมสามารถทำได้ ผมจะไม่มีทางทำให้คุณมายมิ้นท์ผิดหวังแน่ครับ คุณมายมิ้นท์คิดว่ายังไงบ้างครับ?”
เขาหรี่ตาจ้องมองดูมายมิ้นท์
มายมิ้นท์เสยผมขึ้นมาเล็กน้อย “หึ? ฉันอยากได้อะไรก็ได้เหรอคะ?”
“แน่นอน” เกรียงไกรพยักหน้าขึ้น ท่าทางหยิ่งยโสอย่างไม่ปิดบังเลย สายตาที่มองมาที่มายมิ้นท์ แฝงความดูถูกเหยียดหยามไว้อย่างชัดเจน
อย่างกับคำว่าแน่นอนคำนี้ เป็นเหมือนการให้ทานยังไงอย่างงั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...