รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 921

มายมิ้นท์ตบหลังชายหนุ่มที่อยู่บนตัวไปเบา ๆ “เอาล่ะ รีบลุกขึ้นได้แล้วค่ะ มีโทรศัพท์โทรเข้ามาแล้ว”

พอเปปเปอร์ได้ยินเธอเร่งรัด เรียวปากบางก็เม้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

มายมิ้นท์ยึดจับโซฟาไว้แล้วลุกขึ้นมา ไม่ได้สนใจผมเฝ้าที่ยุ่งเหยิง แล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม

พอเห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณป้าโทรมาค่ะ คิดว่าคงจะมาถามว่าพวกเราจะไปถึงกันกี่โมงมั้งคะ”

พูดจบ เธอก็รับสายขึ้นมา แล้วก็เอาโทรศัพท์แนบหูไว้ “สวัสดีค่ะ คุณป้า”

เปปเปอร์นั่งลงตรงด้านข้างเธอ แล้วจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เธอไปด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

ทางปลายโทรศัพท์อีกฝั่ง คุณผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ในมือถือโทรศัพท์อยู่เช่นกัน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยนและดูมีเมตตาถามขึ้นว่า “มิ้นท์จ๋า นี่มันหนึ่งทุ่มครึ่งแล้วนะ พวกหนูจะมาถึงกันเมื่อไหร่เหรอจ๊ะ?”

พอมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือทีหนึ่ง แล้วรีบตอบกลับไปว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า พวกเราเสียเวลามากเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ประมาณสองทุ่มก็น่าถึงแล้วค่ะ”

ที่นี่ห่างกับคฤหาสน์ตระกูลรัตติพีระไม่ไกลมากนัก ขับรถไปก็ใช้เวลาประมาณสี่สิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว

พอคุณนายหญิงได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์ ก็พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย “งั้นก็ดี ป้าจะได้ให้ห้องครัวเริ่มทำอาหารสักที รอพวกเธอมานะจ๊ะ”

“ค่ะ” มายมิ้นท์ยิ้มแล้วก็ตอบกลับไปคำหนึ่ง

พอวางสายไปแล้ว เธอก็เก็บโทรศัพท์ไป แล้วก็ลากตัวเปปเปอร์ลุกขึ้นมา “เอาล่ะ คุณป้าโทรมาตามแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะค่ะ”

ระหว่างที่พูด เธอก็ถือถุงของขวัญและกล่องของขวัญหลายก่อนที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา

เปปเปอร์เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง แล้วก็มารับกล่องของขวัญและถุงของขวัญส่วนใหญ่ไปจากมือเธอ “ผมถือเอง คุณถือแค่สองอันก็พอแล้ว”

เขาเหลือถุงของขวัญสองอันเอาไว้ในมือเธอ

สิ่งที่ใส่ในนั้น มีแค่กระเป๋าที่น้ำหนักเบาที่สุด

เขาเอาของที่หนักที่สุดไป แล้วเหลือของที่เบาที่สุดไว้ให้เธอ

มายมิ้นท์จะไม่เข้าใจความตั้งใจของเขาได้ยังไง ในขณะที่รู้สึกอบอุ่นหัวใจนั้น ก็แย่งกล่องของขวัญกลับมาจากมือเขาสองอัน “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้ฉันเหนื่อยเกินไป แต่ว่าแขนของคุณยังไม่หายดีเลย ของเยอะแยะขนาดนี้คุณหิ้วคนเดียว ฉันทำใจไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้น พวกเรามาช่วยกันหิ้วของพวกนี้ดีกว่า นี่ถ้าแขนคุณหายดีแล้ว ฉันก็จะไม่สงสารคุณเลย แล้วก็จะไม่แย่งกับคุณด้วย ไปกันเถอะค่ะ”

เธอยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็เดินไปทางประตูใหญ่ของห้องทำงานก่อนเลย

เปปเปอร์จ้องมองแผ่นหลังของเธอ แล้วก็มองดูแขนซ้ายของตัวเองเล็กน้อย ในใจก็อ่อนยวบราวกับจะกลายเป็นน้ำไปเลย

แล้วในขณะนั้นเอง มายมิ้นท์ก็เปิดประตูห้องทำงานออกและเดินออกไปแล้ว

พอออกมาแล้ว ไม่เห็นเปปเปอร์เดินตามออกมา แต่กลับยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เธอก็มองตาขาวขึ้นมาทีหนึ่งแล้วก็ตะโกนใส่เขาขึ้นมาว่า “เปปเปอร์ คุณมัวทำอะไรอยู่เนี่ย เหม่อลอยทำไม ไปได้แล้วค่ะ”

พอเปปเปอร์ได้ยินเธอร้องเรียก แววตาก็สั่นไหวเล็กน้อยครู่หนึ่ง แล้วก็ตั้งสติกลับมาได้ เรียวปากก็ขยับตอบกลับไปว่า “มาแล้วครับ”

เขาก้าวขาเรียวยาวออก แล้วก็รีบเดินตามไป

ทั้งสองคนลงลิฟต์ไปพร้อมกัน แล้วก็มาถึงชั้นหนึ่งของตึกเทนเดอร์กรุ๊ป

รถของมายมิ้นท์จอดอยู่ตรงจุดจอดรถนอกห้องโถงใหญ่ ไม่ได้จอดไว้ที่ลานจอดรถใต้ดิน

มายมิ้นท์และเปปเปอร์เดินไปทางประตูใหญ่ติด ๆ กัน ระหว่างทาง มีพนักงานที่อยู่ทำโอทีจนถึงเวลาเลิกงานแล้วมองเห็นพวกเขา ต่างก็กล่าวทักทายกับพวกเขา

ในนั้น ยังมีพนักงานบางส่วน ในขณะที่กล่าวทักทายกับพวกเขา สายตาที่มองมาที่พวกเขา แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งบางอย่าง

ความหมายลึกซึ้งแบบนั้น มายมิ้นท์รู้สึกว่าคุ้นตามาก

พอขึ้นรถแล้ว เปปเปอร์ก็ปรับเก้าอี้นั่งไปด้วย แล้วก็เอาใจหญิงสาวข้างกายที่ยังโมโหอยู่ไปด้วย “เอาล่ะ อย่าโกรธไปเลยนะ ที่จริงผมก็หวังดีต่อคุณทั้งนั้น”

“ห๋า?” สมองของมายมิ้นท์เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาทันที “หวังดีกับฉันเหรอ?”

“ใช่” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย

มายมิ้นท์แหล่ตามองเขาทีหนึ่ง เห็นได้ชัดเลยว่าไม่เชื่อ ในดวงตามีแต่คำว่าคุณแต่งเรื่อง คุณแต่งเรื่องไปเถอะ

ดวงตาของเปปเปอร์สั่นไหวเล็กน้อย ไม่ได้สบตากับเธอ พอขับเคลื่อนรถออกแล้ว สายตาก็มองไปด้านหน้า ท่าทางอย่างกับว่าตั้งใจขับรถและมองถนนอยู่ “จริง ๆ นะ ผมหวังดีกับคุณจริง ๆ นะ ในฐานะที่เป็นประธานใหญ่คนหนึ่ง ถึงแม้ว่ามีอำนาจมันจะดีมาก แต่ถ้านาน ๆ ไป พนักงานที่อยู่เบื้องล่างก็จะมีแต่ความหวาดกลัวคุณ ห่างเหินกับคุณ แล้วรู้สึกว่าคุณสูงส่งไม่มีทางใกล้ชิดได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้านาน ๆ ไป คุณก็จะไม่มีเพื่อนพูดคุยสักคนในบริษัทเลย แล้วก็ไม่มีผลดีต่อการควบคุมดูแลบริษัทด้วย เพราะว่าเจ้านายที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวนั้น ไม่มีทางที่จะทำให้พนักงานวางใจที่จะทำงานให้คุณได้ เพราะกลัวว่าวันไหนสักวันหนึ่งอาจจะถูกเจ้านายแบบนี้หาเรื่องเข้าก็ได้”

พอพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองเธอจากกระจกมองหลังทีหนึ่ง และสายตาก็จริงจังเป็นอย่างมาก “แต่ว่าพอผ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้มาแล้ว ภาพลักษณ์ของคุณที่อยู่ในใจพวกพนักงานก็จะเปลี่ยนแปลงไป พวกพนักงานจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้เข้มงวดเท่ากับที่พวกเขานึกเอาไว้ ถึงคุณจะเป็นประธานใหญ่ แต่ก็มีอารมณ์อย่างที่ผู้หญิงทั่วไปควรจะมี หัวเราะเป็นหลอกล้อเป็น แล้วก็จะทำให้พวกเขารู้สึกได้ในพริบตาว่า คุณไม่ใช่คนที่สูงส่งแตะต้องไม่ได้ขนาดนั้น และยังสามารถเข้าหาได้ พอพวกเขารู้จักคุณที่เป็นแบบนี้แล้ว ก็จะรู้สึกว่าคุณที่เป็นแบบนี้มีมนุษยธรรมมากกว่า เวลาทำงานขึ้นมา ก็จะวางใจได้มากขึ้น เพราะว่ามีเจ้านายที่มีมนุษยธรรม พอต่อไปทำผิดพลาดไปก็ยังมีโอกาสได้รับการให้อภัย แค่ด้วยจุดนี้ ก็จะทำให้ตำแหน่งของคุณที่อยู่ในใจพนักงานสูงขึ้นมาเป็นอย่างมากเลย”

“……” คำพูดที่จริงจังของชายหนุ่ม ทำให้มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

คำพูดนี้ พอฟังไปแล้วก็พอมีเหตุผลอยู่บ้างจริง ๆ

แต่พอลองคิดดูอย่างละเอียด ถุย เหตุผลอะไรกัน มันก็แค่ความเจ้าเล่ห์ของเขาเท่านั้น

พูดมาได้ไงว่าไม่อาจเป็นเจ้านายที่หยิ่งยโสและเข้มงวดได้ จะทำให้พนักงานกลัว แล้วไม่เป็นผลดีต่อการดูแลบริษัท

งั้นตัวเขาล่ะ?

ถ้าจะบอกว่าหยิ่งยโสและเข้มงวด ทั้งเมืองเดอะซีไม่มีใครที่หยิ่งยโสและเข้มงวดเท่าเขาอีกแล้วมั้ง ในบริษัทตระกูลนวบดินทร์ของเขา มีใครไม่กลัวเขาบ้าง?

แต่ว่าเขาก็ควบคุมดูแลบริษัท ได้อย่างเหนียวแน่นมากไม่ใช่เหรอ?

ดังนั้นจะสามารถเห็นได้เลยว่า ไม่ว่าเจ้านายจะนิสัยยังไง มีท่าทียังไงต่อพนักงานบริษัท จริง ๆ มันก็ไม่สำคัญเลย แล้วก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันด้วย เขาก็แค่ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองทำให้เธอโกรธ ก็เลยตั้งใจหาเหตุผลมากมายพวกนี้มาผลักความผิดออกไปเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว