เมื่อก่อนทำไมเธอถึงไม่รู้นะ ว่าเขามีความสามารถแก้ต่างให้ความผิดให้กลายเป็นถูกได้นะ?
แต่ว่า ท่าทางเขาแบบนี้ ก็ดูตลกดีนะ
คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็อดไม่ได้จริง ๆ แล้วก็หัวเราะพรืดออกมาคำหนึ่ง
พอเปปเปอร์เห็นเธอหัวเราะ ก็ยังไม่ลืมที่จะถามขึ้นมาคำหนึ่งว่า “ทำไมเหรอ?”
ทำไมอยู่ ๆ ถึงหัวเราะขึ้นมาล่ะ?
มายมิ้นท์กวาดตามองเขาอย่างอ่อนช้อยทีหนึ่ง “คุณคิดว่ายังไงละคะ?”
“ผมไม่รู้” เปปเปอร์ส่ายหน้าขึ้นมา
เรื่องนี้เขาไม่รู้จริง ๆ
ก่อนหน้านี้เธอยังมีท่าทางอย่างกับว่าโกรธเคือง กำลังโกรธเขาอยู่เลย
วินาทีต่อมา ก็หัวเราะขึ้นมาซะแล้ว
ความเร็วของการเปลี่ยนสีหน้านี้เร็วเกินไปแล้ว เร็วจนเขาหาสาเหตุไม่เจอด้วยซ้ำ
พอเห็นชายหนุ่มมีสีหน้ามึนงง มายมิ้นท์ก็ทำเสียงหึขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่รู้ก็ถูกต้องแล้ว ฉันจะไม่อยากบอกคุณหรอก จะตั้งใจทำให้คุณอยากรู้ ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้ฉันบอกให้คุณปล่อยฉันลง แต่คุณไม่ยอมปล่อยล่ะ นี่ถือเป็นบทลงโทษที่ฉันให้คุณ หึ!”
พูดจบ เธอก็หันหน้าไปทางหน้าต่างเลย ใบหน้าเรียวมีท่าทางได้ใจ เปปเปอร์เห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้เขากำลังขับรถอยู่ ต้องคอยระวังความปลอดภัยบนท้องถนน เขาก็จะต้องยื่นมือออกไปหยิกแก้มที่ป่องขึ้นมาตอนทำเสียงหึสักที ความรู้สึกตอนมือสัมผัสจะต้องดีมากแน่ ๆ
ปลายลิ้นของเปปเปอร์แตะกระพุ้งแก้มไปเล็กน้อย แล้วครุ่นคิดไปด้วยดวงตามืดมน
เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว และคฤหาสน์ตระกูลรัตติพีระก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
เปปเปอร์เพิ่งจะขับรถเข้ามาในเขตพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลรัตติพีระ มายมิ้นท์ก็เห็นที่ประตูคฤหาสน์ด้านหน้าที่ไม่ไกลนักนั้น คุณนายราศรีกับประธานวสุกำลังมายืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามายืนรอต้อนรับพวกเขา
พอเห็นแบบนี้ ในใจของมายมิ้นท์ก็มีความอบอุ่นพาดผ่านไป บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มซาบซึ้งแสดงออกมา “เมื่อกี้ตอนที่คุยโทรศัพท์ก็บอกไปแล้ว ว่าไม่ต้องมายืนรอพวกเราที่หน้าประตู แต่สุดท้ายก็มายืนรออยู่ดี”
เปปเปอร์เองก็มองที่คู่สามีภรรยาวัยกลางคนด้านหน้า แล้วเรียวปากบางก็ขยับพูดขึ้นว่า “ผู้ใหญ่ก็แบบนี้แหละ ปากก็รับปากไว้แล้ว แต่ก็ยังใช้การกระทำของพวกเขา มาแสดงความรักและการให้ความสำคัญที่มีต่อลูกหลานอีก”
มีแค่ญาติสนิทที่สนิทที่สุดเท่านั้น ถึงจะทำแบบนี้
มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นอย่างเห็นด้วย “ใช่ค่ะ คุณลุงคุณป้าดีกับฉันมากจริง ๆ ทุกครั้งที่มา ก็จะมีคนมายืนรอรับฉันที่หน้าประตูตลอดเลย”
“ทางนี้ ทางนี้!” ตรงด้านหน้า พอคุณนายราศรีเห็นรถสีแดงของมายมิ้นท์ขับเข้ามา ก็รีบกวักมือเรียก จากนั้นก็ชี้ไปที่จุดจอดรถด้านข้าง เพื่อบอกให้รู้ว่าให้จอดรถที่ตรงนี้
ถึงแม้ว่าประธานวสุที่อยู่ข้างกายเธอจะไม่ได้กระตือรือร้นเท่าเธอ แต่สายตาที่มองมาที่รถตลอดนั้น ก็แฝงไว้ด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก กับการมาของเขากับมายมิ้นท์
เปปเปอร์ขับรถไปจอดจนเรียบร้อย ภายใต้การกำกับของคุณนายราศรี จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วผลักประตูลงจากรถไป
อีกด้านหนึ่ง มายมิ้นท์ก็ผลักประตูรถออกแล้วลงจากรถเช่นกัน
ในวินาทีที่ลงจากรถนั้น คุณนายราศรีที่ยืนอยู่กับบนบันไดหน้าประตูคฤหาสน์กับประธานวสุในตอนแรก ก็ยิ้มแย้มแล้วรีบกางแขนออก และวิ่งมาทางมายมิ้นท์ “มิ้นท์ ป้าคิดถึงหนูแทบแย่ รีบมาให้ป้ากอดหน่อยเร็ว”
มายมิ้นท์คุ้นเคยกับความกระตือรือร้นของคุณนายราศรีมาตั้งนานแล้ว พอเห็นคุณนายราศรีวิ่งมา ก็เดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว แล้วกางแขนออก กอดกับตัวคุณนายราศรีไว้ “คุณป้า หนูก็คิดถึงคุณป้าค่ะ”
ทางนี้คนหนึ่งแก่คนหนึ่งเด็กกำลังรักกันหวานชื่น ส่วนทางนั้นก็คนหนึ่งแก่คนหนึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันทั้งสองคน กลับต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันไปมาไม่พูดอะไร บรรยากาศเมื่อเทียบกับความชื่นมื่นของทางนี้แล้ว ก็ดูสงบเงียบและอึดอัดมากกว่ามาก
ในเมื่อ เป็นชายชาตรีด้วยกันทั้งสองคน จะให้มากอดเหมือนพวกเธอคงจะไม่ได้หรอกมั้ง?
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ก็ยังไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้นด้วย
“แค่ก คือว่าอะไรนะ……” ยังไงประธานวสุก็ยังเป็นเจ้าบ้าน ซึ่งก็รู้ว่าไม่มีหลักการที่จะต้องให้แขกต้องเป็นผู้เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติกับเปปเปอร์ยังไง แต่ตอนนี้ก็ต้องก้าวออกมาแสดงออกสักหน่อย
ในใจของประธานวสุคิดอย่างภาคภูมิใจไป บนใบหน้ามีรอยยิ้มดูมีเมตตาปรากฏออกมา แล้วก็เก็บมือกลับไป “ในเมื่อประธานเปปเปอร์พูดแบบนี้แล้ว งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ งั้นตอนอยู่กันส่วนตัว ผมจะเรียกคุณว่าเปปเปอร์นะ”
“ได้ครับคุณลุง” เปปเปอร์พยักหน้าตอบกลับไป
คำว่าคุณลุงหนึ่งคำ ทำให้ในใจของประธานวสุรู้สึกแปลก และไม่ชินเป็นอย่างมาก
แต่ในขณะที่ไม่ชิน ก็แอบแฝงไว้ด้วยความได้ใจเล็กน้อย
ในเมื่อถูกประธานเปปเปอร์ที่สูงส่งเรียกว่าคุณลุง ถ้าพูดออกไปเขาก็ยังมีต้นทุนให้โอ้อวดอยู่บ้าง
พอเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าประธานวสุ ในฐานะที่คุณนายราศรีเป็นภรรยาของเขา ทำไมถึงจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงอดไม่ได้ที่มองตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง
ตาแก่ที่ไร้ประโยชน์ ก็แค่ว่าคุณลุงคำเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เขาหน้าชื่นตาบานขนาดนี้แล้ว
ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะออกมา พวกเขาก็ได้คุยกันไว้แล้ว เพื่อเห็นแก่ที่เปปเปอร์เคยทำเรื่องไม่ดีไว้กับมิ้นท์ พอพวกเขาออกมาแล้ว จะต้องไม่กระตือรือร้นกับเปปเปอร์มากนัก อย่างน้อยก็ต้องเย็นชาด้วยสักหน่อย
ตอนนั้นรับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ผลสุดท้าย แค่คุณลุงคำเดียวก็ทำให้เขาลืมไปหมดแล้ว
ดูท่า ต้องพึ่งตัวเธอเท่านั้นแล้ว
คุณนายราศรีคิดแล้ว ก็จูงมือมายมิ้นท์ไปด้วย แล้วก็มองมาที่เปปเปอร์ด้วย โดยใช้สายตาเหมือนกำลังสำรวจสินค้า มองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับว่ากำลังมองว่าเขามีตรงไหนที่ไม่ผ่านเกณฑ์บ้าง
แต่ว่าพอมองไปรอบหนึ่งแล้ว ปฏิกิริยาบนใบหน้าคุณนายราศรีก็แข็งทื่อขึ้นมา
เพราะว่า ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เปปเปอร์คนนี้ ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ผ่านเกณฑ์เลยสักอย่าง ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบจนถึงขีดสุดเลย
เธอรู้สึกภูมิใจที่ตัวเองคลอดลูกชายที่หล่อเหลาอย่างเต้ออกมาอยู่ตลอด แต่ว่าตอนนี้เธออดไม่ได้ที่จะเอาลูกชายหล่อเหลาของตัวเองมาเปรียบเทียบกับเปปเปอร์ จากนั้นก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้า รูปร่าง ส่วนสูง ยังมีอะไรอีกนะ ลูกชายหล่อเหลาของตัวเองล้วนพ่ายแพ้ไปทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่สามารถเทียบได้เลย
สิ่งนี้ทำให้คุณนายราศรีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเปปเปอร์รู้อยู่แล้วว่าคุณนายราศรีกำลังมองสำรวจตัวเองอยู่ ก็เลยยืนตัวตรง ไม่หลบหลีก ปล่อยให้เธอมองสำรวจไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...