รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 925

มายมิ้นท์จ้องมองคุณนายราศรี “หนูเข้าใจความหมายของคุณป้าค่ะ แต่ว่าคุณป้าคะ คุณป้าไม่โกรธหนูจริง ๆ เหรอคะ? เต้เป็นลูกชายของคุณป้า แล้วเขาต้องเสียใจ เพราะว่าหนูปฏิเสธเขาไป คุณป้าไม่เคยโกรธหนูเลยจริง ๆ เหรอคะ?”

“คำถามนี้ ก่อนหน้านี้หนูก็เคยถามป้าแล้ว งั้นตอนนี้ป้าจะตอบหนูอีกครั้งนะ แน่นอนว่าไม่เคยโกรธอยู่แล้ว” คุณนายราศรีดึงมือเธอมา “ป้าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ เต้รักหนู นั่นเป็นเรื่องของเต้ ไม่ได้หมายความว่าเขารักหนู แล้วหนูก็จะต้องรับปากเขา เรื่องความรัก ตั้งแต่แรกมันก็ต้องเห็นดีเห็นงามกันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ถ้าต่างฝ่ายต่างชอบพอกัน งั้นก็อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย งั้นก็ปฏิเสธไปให้จริงจัง อีกฝ่ายจะได้เก็บความรู้สึกได้ทัน หนูไม่มีความผิด ป้าจะไปโทษหนูทำไม ป้าอย่างฉัน ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนที่รู้เรื่องดีอยู่ แล้วถึงแม้ว่า……”

“คุณป้าอยากจะพูดอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ” มายมิ้นท์มองไปที่เธอ

คุณนายราศรีถอนหายใจอย่างเสียดาย “ถึงแม้ว่า ป้าจะอยากให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้มากจริง ๆ แต่ว่าแบบนั้น หนูกับเต้จะต้องไม่มีความสุขแน่ เพราะว่าป้ารู้ดีว่า เต้ไม่ใช่คนสไตล์แบบที่หนูชอบ ไม่ว่ายังไงหนูก็ไม่มีทางตกหลุมรักเต้ได้ ถ้าฝืนอยู่กันไป สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นคู่แค้นกันไป ดังนั้น เมื่อเทียบกับการให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ของป้า ป้ากลับอยากให้หนูเจอคนที่เหมาะสมกับหนูมากกว่าแล้วมีความสุขตลอดไป”

“สำหรับเต้นั้น” คุณนายราศรีกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “ตอนนี้เขากำลังอยู่ในขั้นเสียใจ แต่ป้าเชื่อว่า นี่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น รอถ้าเขาเจอคนที่เหมาะสมกับเขาแล้ว เขาก็จะหลุดพ้นได้เอง เพราะฉะนั้นมิ้นท์ หนูอย่าเป็นห่วงเขาเลย และที่สำคัญคืนนี้เขาไม่อยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นพอหนูเจอกับเขาแล้วก็ต้องอึดอัด พอเขาเห็นหนูกับเปปเปอร์ก็ต้องไม่สบายใจเหมือนกัน สู้ไม่เจอกันดีกว่า หนูว่าใช่หรือเปล่าล่ะ?”

“คุณป้า……” มายมิ้นท์กอดคุณนายราศรีไว้แน่น “ขอบคุณค่ะคุณป้า ขอบคุณคุณป้ามากจริง ๆ”

คุณนายราศรีอึ้งไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็ตบหลังเธอไปเบา ๆ แล้วก็หัวเราะขึ้น “ขอบคุณอะไรกัน เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ”

“ค่ะ” มายมิ้นท์คลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมาอีกครั้งและตอบตกลงไป

ทั้งสองคนจูงมือกันเดินออกจากห้องครัว

แต่ว่าระหว่างทาง มายมิ้นท์กลับเดินแยกกับคุณนายราศรีไป และไปเข้าห้องน้ำแล้ว

คุณนายราศรีกลับมาที่ห้องรับแขกคนเดียว

พอเห็นคุณนายราศรีมาคนเดียว ไม่มีเงาของมายมิ้นท์มาด้วย เปปเปอร์ก็รีบหยุดการสนทนาทางธุรกิจกับประธานวสุไปทันที แล้วมองไปที่คุณนายราศรีแล้วถามขึ้นว่า “คุณป้าครับ สะระแหน่ละครับ?”

ฟังออกว่าน้ำเสียงของเขามีความห่วงใยอยู่บ้าง ใจของคุณนายราศรีก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ แต่ปากก็แสร้งทำเสียงหึออกมาอย่างไม่เต็มใจ “ไปเข้าห้องน้ำแล้ว ทำไม กลัวฉันเอามิ้นท์ไปขายหรือไง?”

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ” พอได้ยินว่ามายมิ้นท์ไปเข้าห้องน้ำแล้ว ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ในใจเปปเปอร์ก็วางลงสักที แล้วพูดอธิบายขึ้นว่า “ผมก็แค่ไม่เห็นเธอ ในใจรู้สึกไม่วางใจเท่านั้นครับ”

“หึ มีอะไรให้ไม่วางใจกัน อยู่บ้านเรา มิ้นท์จะไปเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้?” คุณนายราศรีมองตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง

เปปเปอร์เม้มริมฝีปากไปทีหนึ่ง แล้วก็ไม่พูดอะไร

และในเวลานี้เอง ประธานวสุก็เดินเข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย เขามองไปที่คุณนายราศรีทีหนึ่ง “พอแล้ว พูดไปเรื่อยอะไร เปปเปอร์เขาก็เป็นห่วงมิ้นท์ ตอนนี้คู่ของพวกเขาสองคนกำลังเป็นช่วงที่รักกันที่สุด เป็นช่วงที่ตัวติดกัน แล้วอยู่ ๆ ไม่เห็นมิ้นท์ คุณว่าเขาจะไม่เป็นห่วงได้ยังไงกัน?”

“หึ คุณนี่ช่วยพูดดี ๆ แทนเขาจังเลยนะ” คุณนายราศรีชี้ไปที่เปปเปอร์ทีหนึ่ง

ตาแก่นี่ ไหนคุยกันไว้ว่าจะมาทดสอบเปปเปอร์ด้วยกัน จะมาสร้างอุปสรรคให้เปปเปอร์ด้วย จนเปปเปอร์สามารถผ่านได้ทุกด่านค่อนว่ากันไง

แต่สุดท้าย

ตั้งแต่แรกตาแก่นี่ ก็มีท่าทีที่ดีมากกับเปปเปอร์แล้ว แล้วก็ลืมเรื่องที่พูดกับเธอไว้จนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ประธานวสุไม่รู้ว่าคุณนายราศรีคิดอะไรอยู่ในใจ พอได้ยินคำพูดของคุณนายราศรี ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย “เหอะ เหอะ ช่วยไม่ได้ เปปเปอร์มอบเหล้าดี ๆ มาให้ผมหลายขวด นี่ถ้าผมไม่ช่วยพูดดี ๆ แทนเขาสักหน่อย ในใจก็จะรู้สึกผิดไม่น้อย”

คุณนายราศรีมองตาขาวทีหนึ่ง “ไม่เอาไหน!”

จ้องมองสามีภรรยาวัยกลางคนนี่ถกเถียงกัน ในดวงตาของเปปเปอร์ก็มีประกายเสี้ยวหนึ่งกะพริบขึ้นมา จากนั้น เขาก็หาพวกถุงที่ใส่เหล้าเอาไว้ออกมา วางลงตรงบนโต๊ะรับแขกหน้าประธานวสุ “คุณลุงครับ ถือโอกาสตอนนี้ที่ยังไม่กินข้าวกัน คุณลุงมาดูเหล้าพวกนี้ที่ผมเอามาฝากก่อนดีกว่านะครับ ดูซิว่าถูกใจหรือเปล่า”

“ได้” ประธานวสุรีบพยักหน้าขึ้น

เขาอยากเปิดดูทั้งนานแล้ว ในเมื่อเขาชอบเหล้าซะขนาดนั้น

แต่ว่ายังไงนี่ก็เป็นของขวัญที่เปปเปอร์เอามาฝาก แล้วตัวเปปเปอร์ยังไงไป เขาจะเปิดออกดูได้ยังไง เพราะฉะนั้นจึงได้แต่อดทนไว้

เขาจ้องมองไปที่เปปเปอร์ เพื่อขอคำยืนยันจากเปปเปอร์ว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป

เปปเปอร์พยักหน้าให้ทีหนึ่งอย่างให้เกียรติเป็นอย่างมาก เพื่อแสดงให้รู้ว่าที่เขาพูดมาถูกต้องแล้ว

พอได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเปปเปอร์แล้ว ประธานวสุก็ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ร่างกายก็สั่นเทาอย่างรุนแรงทั้งตัว “เป็นเหล้าต้นตำรับจริง ๆ ฮา ฮา คิดไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งผมจะได้เห็นเหล้าต้นตำรับจริง ๆ แถมยังเป็นเหล้าต้นตำรับที่โรงบ่มแตกต่างกันเยอะขนาดนี้อีก คุ้มแล้ว คุ้มแล้ว”

จ้องมองสภาพที่ตื่นเต้นดีใจราวกับว่าตายตอนไหน ก็นอนตายตาหลับแล้วของประธานวสุ คุณนายราศรีก็เบ้ปากขึ้นมาอย่างดูถูก “ก็แค่เหล้าไม่กี่ขวด จะต้องดีใจขนาดนี้เลยเหรอ?”

“คุณจะไปรู้เรื่องอะไร?” ประธานวสุเหล่ตามองเธออย่างดูถูกทีหนึ่ง “พวกนี้เป็นเหล้าต้นตำรับทั้งนั้นเลยนะ เป็นเหล้าชุดแรกที่โรงบ่มพวกนี้ก่อตั้งขึ้นมา เหล้าชุดนี้ราคาแต่ละขวดก็หลายร้อยล้าน ทั่วโลกมีแค่ร้อยขวดเท่านั้น มีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้เลย ฉันฝันก็ยังอยากจะได้ครอบครองสักขวด แต่ว่ายังไงก็ยังเสียดายที่ฐานะตัวเองไม่เพียงพอ คิดไม่ถึงว่า เหล้าที่ฉันใฝ่หามาตลอด มาวันหนึ่ง จะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันได้ แถมยังมีหลายขวดขนาดนี้ ฉัน……ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากจริง ๆ”

ประธานวสุกอดเหล้าพวกนั้นไว้ รู้สึกพิเศษเป็นอย่างมาก

ทุกขั้นตอนการเปลี่ยนสีหน้าของคุณนายราศรี จากความดูถูกในตอนแรก จนตกตะลึง แล้วก็ถึงไม่อยากจะเชื่อ เปปเปอร์เห็นแล้วก็รู้สึกค่อนข้างน่าขำ

“หลาย หลายล้านเหรอ?” คุณนายราศรีกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย แล้วมองไปที่เหล้าหลายขวดที่อยู่ในอกประธานวสุ “คงไม่ใช่มั้ง แค่เหล้าไม่กี่ขวดนี้ ขวดหนึ่งราคาตั้งหลายล้านเลยเหรอ?”

เธอรู้ว่าเหล้าบางอย่างนั้นราคาแพงมาก แต่ว่าที่เธอรู้มา ที่ราคาแพงที่สุด ก็แค่ไม่กี่แสนเท่านั้นนี่

แต่คิดไม่ถึง ตอนนี้เหล้าราคาหลายล้านจะปรากฏออกมาแล้ว

โลกใบนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?

อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า ตระกูลรัตติพีระที่ค่อนข้างรวยในตอนแรก ครู่เดียวก็จนไปเลย

อย่างน้อยการเสียเงินหลายล้านซื้อเหล้าขวดหนึ่ง พวกเขายังไม่ถึงขั้นฟุ่มเฟือยขนาดนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว