ความผิดปกติของเปปเปอร์ ถูกประธานวสุสังเกตเห็นเข้า
ประธานวสุมองตามสายตาของเขาไป แล้วก็มองเห็นแขนซ้ายของเขา จากนั้นก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันทีว่าช่วงก่อนหน้านี้ภรรยาเคยบอกตัวเองไว้ว่า เพื่อช่วยมิ้นท์แล้ว เปปเปอร์ถึงกับแขนหักไป
ตอนนั้น เขายังคิดว่าภรรยาพูดเล่นซะอีก
ในเมื่อมิ้นท์จะไปเกิดเรื่องอะไรได้ ถึงจะสามารถทำให้เปปเปอร์ไปช่วยเธอจนแขนหักได้
แต่ตอนนี้ดูแล้ว เหมือนกับว่าภรรยาจะพูดเรื่องจริง
“เปปเปอร์ แขนนายยังไม่หายดี เดี๋ยวฉันช่วยนายหิ้วหน่อยดีกว่า” พูดจบ ประธานวสุก็ยื่นมือไป แล้วรับของที่อยู่บนซ้ายของเปปเปอร์มา
ในวินาทีที่รับมานั้น ประธานวสุก็รู้สึกว่าหนักมาก เขาจึงถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “ในนี้มีของอะไรบ้างเนี่ย ทำไมถึงได้หนักจัง?”
“ได้ยินสะระแหน่บอกว่า คุณชอบดื่มเหล้า แล้วก็ชอบสะสมเหล้ามากด้วย แล้วพอดีว่าที่ผมมีอยู่หลายขวดที่ไม่เลวเลย ก็เลยเอามาให้คุณด้วยครับ” เปปเปอร์ขยับบริหารแขนซ้ายไปเล็กน้อยแล้วก็ตอบกลับมา
ตอนนี้บนแขนซ้ายไม่มีของอะไรแล้ว ความเจ็บปวดนั่น ในที่สุดก็ค่อย ๆ สลายหายไป
พอได้ยินว่าของที่ถืออยู่ในมือคือเหล้า ดวงตาของประธานวสุก็เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นประกายขึ้น “เหล้าเหรอ อันนี้ดี อันนี้ดี”
เขาพูดว่าดีติดต่อกันสองครั้ง ในตอนที่พูด บนใบหน้ายังยิ้มแย้มแจ่มใสด้วย
เห็นได้เลยว่า คงจะชอบเหล้ามากจริง ๆ
พอเปปเปอร์เห็นเข้าก็หัวเราะเสียงต่ำทีหนึ่ง “คุณลุงชอบก็ดีแล้วครับ”
“ชอบซิ จะไม่ชอบได้ยังไง” ประธานวสุรีบพูดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นว่าเป็นเหล้าอะไรกันแน่ แต่ว่ามาจากมือเปปเปอร์ จะต้องไม่เลวมากแน่ ๆ
ไม่แน่ว่า อาจจะดีกว่าเหล้าที่เขาสะสมไว้เองด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ ท่าทีของประธานวสุก็ยิ่งกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น แล้วก็ทำท่าเชื้อเชิญให้กับเปปเปอร์ทีหนึ่ง “เอาล่ะเปปเปอร์ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ พวกเธอเข้าไปกันตั้งนานแล้วนะ”
“ได้ครับคุณลุง” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเดินตามหลังเขาเข้าไปในคฤหาสน์
ที่ห้องรับแขกในคฤหาสน์ มายมิ้นท์กับคุณนายราศรีนั่งชิดกันอยู่ คุณนายราศรีเอามือของมายมิ้นท์วางไว้บนตักตัวเอง แล้วก็กุมไว้ในมืออย่างสนิทชิดเชื้อ และกำลังพูดคุยอะไรกับมายมิ้นท์อยู่
เหมือนกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่มีความสุข คนหนึ่งแก่คนหนึ่งเด็กก็หัวเราะออกมาพร้อมกันเลย
พอเปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์หัวเราะอย่างมีความสุขมากขนาดนี้ ในดวงตาราวกับมีดวงดาวเป็นประกาย แล้วเรียวปากก็คลี่ยิ้มขึ้นมา
“เปปเปอร์ นั่งเร็ว” ประธานวสุวางถุงหลายใบที่อยู่ในมือลง แล้วก็รีบมาบอกให้เปปเปอร์นั่งลง
เปปเปอร์กล่าวขอบคุณไปคำหนึ่ง พอนั่งลงแล้ว ประธานวสุก็เทน้ำชาให้กับเขา
พอเปปเปอร์เห็นเข้า ก็รีบจับมือประธานวสุเอาไว้ “คุณลุงครับ เรื่องเล็กแบบนี้ เดี๋ยวผมทำเองนะครับ”
ตอนนี้พวกเขาถือได้ว่าเป็นพ่อตากับลูกเขา เขาจะมาให้ผู้ใหญ่เทน้ำชาให้ได้ยังไงกัน
ประธานวสุเองก็ตั้งสติขึ้นมาได้ ว่าตอนนี้อยู่ในบ้าน และรูปแบบที่พวกเขาทำความรู้จักกันอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ในทางธุรกิจ แต่เป็นพ่อตากับลูกเขย
เพราะฉะนั้น เขาก็ไม่ต้องเทน้ำชาให้เปปเปอร์จริง ๆ ด้วย
ประธานวสุเอามือออกจากที่จับของกาน้ำชา แล้วก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย “ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย ยังปรับตัวไม่ค่อยทันน่ะ”
เปปเปอร์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ”
เขาหิ้วกาน้ำชาขึ้นมา แล้วลุกขึ้นไปเทชามาสี่แก้ว แล้วก็ยกแก้วแรกให้กับประธานวสุ แก้วที่สองให้กับคุณนายราศรี
พอเห็นชาที่เปปเปอร์ยื่นมาให้เองกับมือ ประธานวสุก็รีบรับมาทันที ในใจยังรู้สึกว่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากด้วย
โอ้โห นี่มันคือชาที่ประธานบริษัทตระกูลนวบดินทร์เทให้เขาเองกับมือเลยนะ
ทั้งเมืองเดอะซี นอกจากท่านย่าตระกูลนวบดินทร์และมิ้นท์แล้ว คาดว่าเขาคงจะเป็นคนที่สามที่ได้รับสิทธิ์พิเศษแล้วมั้ง?
อืม ภรรยาของเขาเป็นคนที่สี่
เมื่อเทียบกับประธานวสุแล้ว คุณนายราศรีกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีความคิดที่วกไปวนมาเยอะขนาดนั้นแบบในใจประธานวสุ
พอได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์ คุณนายราศรีก็โกรธจนทำเสียงหึออกมาคำหนึ่ง “เจ้าหมอนั่น บอกว่าที่บริษัทงานยุ่ง จึงไม่กลับมา”
“ช่วงนี้รัตติพีระกรุ๊ปงานยุ่งมากเลยเหรอคะ?” มายมิ้นท์มองไปที่คุณนายราศรีแล้วถามออกมา “แต่ว่าหนูไม่ได้ยินมาเลยนี่คะ”
เทนเดอร์กรุ๊ปกับรัตติพีระกรุ๊ปการร่วมงานกัน
ถ้ารัตติพีระกรุ๊ปยุ่งละก็ เธอก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องแน่
คุณนายราศรีเบ้ปากขึ้นเล็กน้อย “ยุ่งอะไรกัน ไม่ยุ่งเลยสักนิด แล้วอีกอย่าง คุณลุงของหนูก็ยังไม่ได้ถอยออกจากตำแหน่งเลย เขาต่างหากที่เป็นประธานใหญ่ ประธานใหญ่ที่ยุ่งยิ่งกว่าประธานอย่างเขายังกลับมาได้เลย คิดว่าประธานอย่างเต้คนนี้ก็น่าจะทำงานเสร็จไปตั้งนานแล้ว”
“ดังนั้น เต้จึงตั้งใจพูดว่ายุ่ง เพื่อไม่กลับบ้านเหรอคะ?” มายมิ้นท์กะพริบตาขึ้นเล็กน้อย
คุณนายราศรีพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ใช่นะซิ”
“เพราะอะไรคะ?” มายมิ้นท์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
คุณนายราศรีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แค่มองไปที่เธอ
คุณนายราศรีมองมาที่เธอแบบนี้ อยู่ ๆ มายมิ้นท์ก็เข้าใจอะไรขึ้นมา ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น “เพราะ……เพราะว่าหนูเหรอคะ?”
คุณนายราศรีถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง แล้วก็ค่อย ๆ พยักหน้าขึ้น “ความรู้สึกที่เต้มีต่อหนู ตอนนี้หนูก็รู้เรื่องแล้ว ถึงเขาจะบอกว่าปล่อยวางได้แล้ว จะลืมหนูไป แต่ว่าการลืมคนคนหนึ่ง มันไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นด้วย อย่างน้อย ตอนนี้เต้ก็ยังมีความรู้สึกต่อหนู แล้วหนูพาคนรักมาแบบนี้ ก็แน่นอนว่าเต้ต้องไม่อยากปรากฏตัวออกมาแน่ เขากลัวว่าพอตัวเองเห็นหนูหวานชื่นกับคนรัก แล้วในใจจะเจ็บปวด ดังนั้นก็เลยหลบไปอยู่ข้างนอกซะดีกว่า”
พอได้ยินคำพูดชุดนี้ ในใจของมายมิ้นท์ก็เกิดความรู้สึกผิดเสี้ยวหนึ่งพุ่งขึ้นทันที ท่าทีก็ค่อย ๆ ละอายใจขึ้นมาด้วย “ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า หนู……”
“อย่าทำแบบนี้มิ้นท์” คุณนายราศรีพูดขัดคำพูดของเธอขึ้นมา “ป้ารู้ว่าหนูจะพูดอะไร หนูรู้สึกว่า ที่เต้เป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าหนูปฏิเสธเขาไป เพราะฉะนั้นที่เขาไม่กลับมา หนูก็เลยรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง ในใจของหนูรู้สึกผิดใช่ไหมล่ะ?”
มายมิ้นท์มองไปที่คุณนายราศรี แล้วพยักหน้าขึ้นมา “ค่ะ”
คุณนายราศรียิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เด็กโง่ เรื่องนี้มันจะไปเป็นความผิดของหนูได้ยังไงกัน คุณไม่ได้ผิด คนทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกความสุขของตัวเอง เต้รักหนู แต่ไม่ได้หมายความว่า หนูจะต้องรักเขาต้องยอมรับเขา เพราะฉะนั้น การปฏิเสธของหนูไม่มีความผิดอะไรเลยนะ”
“แต่ว่า หนูก็ทำให้เต้ต้องเสียใจอยู่ดี” มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไป
คุณนายราศรียิ้มแล้วก็ลูบหัวเธอเล็กน้อย “โดนปฏิเสธไปแล้วในใจเจ็บปวดเสียใจ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งเท่านั้น ถ้าเกิดว่าไม่เจ็บปวดไม่เสียใจ แบบนั้นก็จะหมายความได้ว่า เขาไม่ได้ชอบหนู เต้หวั่นไหวต่อหนู นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับหนู หนูปฏิเสธเขาไป งั้นแน่นอนว่าเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดจากการที่ตัวเองจิตใจหวั่นไหวเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...