พอได้ยินคำพูดของเปปเปอร์ คุณนายราศรีกับประธานวสุก็พยักหน้าขึ้นมาอัตโนมัติ “มันก็ใช่อยู่”
ในเมื่อมีอยู่คำพูดหนึ่งที่ว่า ผู้ชายที่ยอมจ่ายเงินเพื่อคุณถึงจะไม่ได้รักคุณมาก แต่ว่าในใจก็ต้องมีคุณอยู่แน่ ๆ
แต่ผู้ชายที่ไม่ยอมเสียเงินเพราะคุณเลย ในใจต้องไม่มีคุณอยู่แน่ ๆ
เปปเปอร์สามารถใจป้ำเพื่อมายมิ้นท์ได้ขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่ได้รักมายมิ้นท์จนเข้ากระดูก แต่ก็คงจะใกล้เคียงมากแล้วล่ะ
คุณนายราศรีกับประธานวสุมองสบตากันแล้วก็ครุ่นคิดไป
แล้วคุณนายราศรีก็ยิ่งแอบบวกคะแนนให้เปปเปอร์ไปอีกสิบคะแนนในใจ
คราวนี้ ก็ขาดอีกแค่ยี่สิบนาทีก็เต็มแล้ว
“เพราะฉะนั้นของขวัญพวกนี้ คุณลุงกับคุณป้าจะต้องรับไว้นะครับ นี่ถือได้ว่าเป็นความตั้งใจของผม” ในขณะที่เปปเปอร์พูด ก็ผลักของขวัญกลับไปอีกครั้งหนึ่ง
ประธานวสุกับคุณนายราศรีจ้องมองของขวัญที่ถูกผลักกลับมา “คุณเตรียมของขวัญราคาแพงพวกนี้มา มิ้นท์รู้เรื่องหรือเปล่า?”
ถ้ามิ้นท์ไม่รู้เรื่องละก็ พวกเขาก็รับไว้ไม่ได้จริง ๆ
เปปเปอร์เข้าใจความหมายของพวกเขา แล้วก็พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า “คุณลุงคุณป้าวางใจได้เลยครับ สะระแหน่รู้เรื่องนี้ดี แล้วก่อนที่จะมา ผมยังตั้งใจส่งของขวัญไปให้เธอดูมาก่อนเป็นพิเศษแล้ว และถามเธอว่าต้องการเพิ่มอะไรอีกหรือเปล่า ดังนั้นเธอรู้ดีครับ คุณลุงคุณป้าวางใจรับไว้ได้เลยครับ ถ้าเกิดทั้งสองท่านไม่รับ ก็ไม่ใช่แค่ผมแม้แต่สะระแหน่ก็ต้องเสียใจมากด้วย และจะนึกว่าของขวัญที่เตรียมมาไม่ถูกใจคุณลุงคุณป้าด้วย”
พอคำพูดนี้ออกมา ประธานวสุกับคุณนายราศรียังจะไปกล้าปฏิเสธอีกได้ยังไง
พอพวกเขามองสบตากันทีหนึ่งแล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า “ของขวัญที่ดีขนาดนี้ จะไม่ถูกใจได้ยังไง”
“ในเมื่อถูกใจแล้ว งั้นคุณลุงคุณป้าก็อย่าปฏิเสธอีกเลยนะครับ” เปปเปอร์มองไปที่คนทั้งสอง
ประธานวสุกับคุณนายราศรีมองสบตากันทีหนึ่ง
สุดท้ายก็ยิ้มแล้วก็เอาของขวัญกลับมาไว้ตรงหน้า
“งั้นก็ได้ ในเมื่อพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าพวกเราไม่รับ งั้นก็จะดูเหมือนพวกเราไม่เห็นแก่นร้ำใจคน แบบนั้นก็จะหยิ่งผยองเกินไปหน่อย” คุณนายราศรียิ้มแล้วก็พูดขึ้นมา ในมือก็ปิดฝากล่องไปทีละอัน และกะว่าก่อนนอนคืนนี้ ค่อยมาดูและทดลองกันดี ๆ สักหน่อย
นี่มันเป็นสินค้าใหม่ที่จะวางตลาดในฤดูกาลหน้าเลยนะ
เธอคงจะเป็นคนแรกในกลุ่มแม่บ้านไฮโซ ที่มีของเลยนะเนี่ย
พรุ่งนี้จะลองใส่ออกไป โอ้อวดกับพี่น้องพวกนั้นสักหน่อย
ในขณะเดียวกัน คุณนายราศรีก็แอบเพิ่มคะแนนยี่สิบคะแนนสุดท้ายในตารางในใจให้
พอเป็นแบบนี้แล้ว อยู่ในใจเธอเปปเปอร์ก็ร้อยคะแนนเต็มแล้ว
ตอนนี้เธอรู้สึกพอใจในตัวเปปเปอร์เป็นอย่างมาก
มิ้นท์หาผู้ชายคนนี้ได้ดีจริง ๆ
ในใจคุณนายราศรีอดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา
“พูดได้ถูกต้อง งั้นเปปเปอร์ พวกเราก็จะรับไว้อย่างไม่เกรงใจแล้วนะ” ประธานวสุเองก็พูดขึ้นมาด้วย ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ เก็บขวดเหล้าไปด้วย ในใจก็คิดเหมือนกับคุณนายราศรีไป เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเรียกพวกเพื่อนเก่าพวกนั้นมา ให้พวกเขาได้มาเปิดโลกทัศน์บ้าง
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าคนสองคนนี้ ช่างเหมาะสมเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แม้แต่ความคิดก็ยังเหมือนกันเลย
พอเก็บของขวัญไปแล้ว ประธานวสุกับคุณนายราศรีก็เริ่มพูดคุยเป็นเพื่อนเปปเปอร์ขึ้นมา
ในระหว่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท่าทีของคุณนายราศรีที่มีต่อเปปเปอร์นั้นดีมากแค่ไหน สนิทสนมมากแค่ไหน ถ้าจะบอกว่าเอาเปปเปอร์มาเป็นลูกชายแท้ ๆ เลยก็เกินไป
ในตอนแรก เปปเปอร์ยังไม่ค่อยชอบความกระตือรือร้นแบบนี้ของคุณนายราศรีเลย
แต่ก็ทนรับไม่ไหวจริง จึงได้แต่ฝืนยิ้มและยอมรับความกระตือรือร้นของคุณนายราศรีไป
จนถึงตอนสุดท้าย ก็ค่อย ๆ คุ้นเคยไปจริง ๆ
พอมายมิ้นท์เข้าห้องน้ำเสร็จกลับมา ก็เห็นภาพคุณนายราศรีเรียกเปปเปอร์ไม่ขาดปาก เดี๋ยวเทชาให้เปปเปอร์ เดี๋ยวยื่นผลไม้ส่งไปให้เปปเปอร์
พอเห็นภาพแบบนี้ ทั้งตัวมายมิ้นท์ก็นิ่งอึ้งไปเลย
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเธอไม่อยู่ครู่เดียว ท่าทีที่คุณป้ามีต่อเปปเปอร์ ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
พวกเขาสองคนถึงแม้ว่าอายุจะไม่น้อยแล้ว และไม่รู้ว่าระหว่างคู่รักคนอื่นเขารักกันยังไง แต่พวกเขากล้าพูดได้เลยว่า มีผู้ชายมากมายที่ไม่มีทางเป็นเหมือนแบบเปปเปอร์ ที่จะไปดูแลแฟนของตัวเองแบบนี้
ในเมื่อคนหนุ่มสาวสมัยนี้มักจะหลงตัวเอง มั่นใจในตัวเองเกินไป แล้วก็เป็นลูกรักที่คอยถูกเอาอกเอาใจจากพ่อแม่แต่ละคน ไม่มีทางที่จะลดสถานะลงมาดูแลคนอื่นแบบนี้ ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนรักของตัวเองก็ตาม
แต่ว่าเปปเปอร์ที่เป็นประธานบริษัทที่สูงส่งคนนี้ กลับสามารถทำได้เช่นนี้ ความตกตะลึงที่ได้เห็นที่นำมาให้คนอื่นนั้น ไม่ใช่ระดับใหญ่ธรรมดาเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่า เขารักมิ้นท์มากจริง ๆ
ส่วนมิ้นท์ พอเจอกับหารดูแลจากเปปเปอร์ ก็ยอมรับได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้ โดยไม่มีความเขินอายเลยสักนิด
เห็นได้เลยว่า โดยส่วนตัวแล้ว เปปเปอร์จะต้องดูแลเธอแบบนี้อยู่ตลอดแน่ พอนาน ๆ เข้า ก็เลยทำให้เธอรู้สึกว่าการที่เขาดูแลเธอแบบนี้ไม่ได้มีอะไรไม่ดี
จ้องมองการรักกันของเปปเปอร์กับมายมิ้นท์ ประธานวสุก็หัวเราะแฮะ ๆ ขึ้นมา “ที่รักคุณดีซิ พวกเขารักกันดีมากเลย”
คุณนายราศรีพยักหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มขึ้นมาด้วยเหมือนกัน “ก็ใช่น่ะซิ”
พอได้ยินการสนทนาของทั้งสองคน มายมิ้นท์ถึงเพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ว่า ปกติตัวเองรับของจากเปปเปอร์รับจนเคยชิน ชั่วขณะหนึ่งจึงลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านตัวเอง แต่เป็นบ้านตระกูลรัตติพีระ
ตัวเองมาแสดงความรักหวานชื่นกับเปปเปอร์ต่อหน้าคุณป้า นี่ทำให้เธอยังไงก็ยังรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง ใบหน้าเรียวก็แดงระเรื่อขึ้นมา “คือว่าอะไรนะคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณป้า ทำให้พวกคุณเห็นเรื่องตลกแล้ว”
“เปล่าเลย เปล่าเลย” ประธานวสุกับคุณนายราศรีรีบสะบัดมือขึ้นมา เพื่อจะบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก
“พวกหนูรักกันดี พวกเราต้องดีใจละซิไม่ว่า” คุณนายราศรีพูดขึ้นมา
ประธานวสุพยักหน้าเล็กน้อย “ป้าของหนูพูดถูก นี่ถ้าความรักของพวกหนูสามารถดีได้แบบนี้ตลอดไป ฉันกับป้าหนู ก็ยิ่งดีใจน่ะซิ”
มายมิ้นท์ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
เปปเปอร์กลับหัวเราะขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติอย่างมาก “วางใจเถอะครับคุณป้า พวกเราต้องทำได้แน่ครับ”
“งั้นก็ดี” คุณนายราศรีกับประธานวสุตอบขึ้นมา
แล้วในเวลานี้เอง คนรับใช้ก็เดินเข้ามา “คุณท่านค่ะ คุณนายค่ะ อาหารเย็นเตรียมพร้อมแล้วค่ะ สามารถทานข้าวได้แล้วค่ะ”
พอได้ยินว่าอาหารเย็นเสร็จแล้ว คุณนายราศรีก็รีบลุกขึ้นมาร้องเรียก “มิ้นท์ เปปเปอร์ ไป พวกเราไปกินข้าวที่ห้องอาหารกัน ดึกขนาดนี้แล้ว พวกหนูคงจะหิวแล้วนะซิ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...