“หิวนิดหน่อยแล้วค่ะ” มายมิ้นท์ลูบท้องขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้เกรงใจกับคุณนายราศรีอีก
ในเมื่อ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลาทำตัวสุภาพเลย
พอได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์ คุณนายราศรีก็รีบพูดขึ้นว่า “งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ”
“ได้ คุณลุงคุณป้าเชิญนำไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะตามอยู่ข้างหลัง” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น ประธานวสุก็จับมือคุณนายราศรีไว้ แล้วเดินไปทางห้องอาหารเลย
ด้านหลัง เปปเปอร์ก็จับมือมายมิ้นท์ไว้แล้วเดินตามหลังพวกเขามาเหมือนกัน
พอเดินไปเรื่อย ๆ นิ้วมือของมายมิ้นท์ก็สะกิดฝ่ามือของชายหนุ่มไปทีหนึ่ง
ชายหนุ่มค่อย ๆ รวบมือเธอไว้ในฝ่ามือ ทำให้เธอไม่มีทางกระดุกกระดิกไปเรื่อยได้ แล้วถึงถามเสียงต่ำขึ้นว่า “เป็นอะไรเหรอ?”
มายมิ้นท์ชี้ไปที่ประธานวสุและคุณนายราศรีที่อยู่ข้างหน้าเล็กน้อย เอามืออีกข้างหนึ่งมาแนบอยู่ที่ริมฝีปาก แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำอยู่ ๆ คุณป้าถึงปฏิบัติกับคุณเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?”
ตอนที่มาถึง ประธานวสุเป็นคนที่ค่อนข้างกระตือรือร้นกับเปปเปอร์มากกว่า
แต่คุณนายราศรี เมื่อเทียบกันแล้ว ก็จะค่อนข้างเย็นชา ถึงแม้เธอจะรู้ว่าคุณนายราศรีแสร้งทำเป็นมีท่าทางเย็นชา ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เพราะว่าต้องการทดสอบเปปเปอร์
แต่ก็คงจะไม่รวดเร็วขนาดนี้ ก็ทดสอบจบแล้วนะ?
พอได้ยินมายมิ้นท์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย เรียวปากของเปปเปอร์ก็คลี่ยิ้มขึ้นมา “ง่ายมาก แค่เอาของขวัญออกมาให้พวกเขาเปิดดู”
พอคำพูดนี้พูดออกมา มายมิ้นท์ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที พอเลิกคิ้วที่สวยงามขึ้นเล็กน้อยแล้ว แล้วก็ชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้เปปเปอร์ “แผนนี้ของคุณดีมาก ฉันนึกว่า คุณจะเอาของขวัญให้พวกเขาก่อนที่เราจะจากไปซะอีก”
“ไม่จำเป็นหรอก” เปปเปอร์หัวเราะเสียงต่ำแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อจะสามารถทำให้คุณนายราศรียอมรับผมได้เร็ว ๆ ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?”
“ที่คุณพูดมาก็ถูก” มายมิ้นท์เองก็ยิ้มขึ้นมา
ในห้องอาหาร สองสามีภรรยาประธานวสุที่เพิ่งจะนั่งลงไป พอเห็นมายมิ้นท์กับเปปเปอร์เพิ่งจะเดินเข้าประตูห้องอาหารมา ก็อดไม่ได้ที่จะเร่งรัดขึ้นว่า “มิ้นท์ เปปเปอร์ พวกหนูกำลังคุยอะไรกันอยู่ รีบเข้ามาเร็ว”
“มาแล้วค่ะ” มายมิ้นท์ยิ้มแล้วตอบกลับไป จากนั้นก็จูงมือเปปเปอร์ไว้ แล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป
ในระหว่างอาหารเย็น ทั้งสี่คนเข้ากันได้อย่างมีความสุขมาก
มายมิ้นท์กับคุณนายราศรีพูดคุยหัวข้อเรื่องเครื่องสำอางเสื้อผ้าและรองเท้าที่พวกผู้หญิงเขาชอบกันไป
ส่วนเปปเปอร์กับประธานวสุ ก็พูดคุยพวกเรื่องทางธุรกิจไป
ต่างก็ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน แล้วก็ดูกลมกลืนกันเป็นอย่างมาก
จนถึงห้าทุ่มตอนกลางคืน มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ถึงได้เอ่ยปากบอกลา
คุณนายราศรียังอยากรั้งทั้งสองคนให้นอนค้างที่บ้าน แต่ถูกมายมิ้นท์กับเปปเปอร์ปฏิเสธไป
เหตุผลที่มายมิ้นท์ปฏิเสธนั้นง่ายมาก เธอรู้ว่าเปปเปอร์ไม่ชอบนอนค้างบ้านคนอื่น เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าเธอก็เลยต้องเป็นห่วงความรู้สึกของเปปเปอร์ด้วย
สำหรับเหตุผลของการปฏิเสธของเปปเปอร์นั้น ก็ยิ่งตรงมาก ๆ ก็คือ
ตอนกลางคืนเขาอยากจะใช้ชีวิตสองต่อสองกับมายมิ้นท์
แล้วพักอยู่บ้านคนอื่น จะถือว่าได้อยู่กันสองต่อสองได้ยังไง
พอเห็นมายมิ้นท์และเปปเปอร์มีใจที่จะจากไปอย่างแน่วแน่ คุณนายราศรีเองก็เลยต้องปล่อยไป และตอบตกลงให้ทั้งสองคนจากไป แล้วก็ส่งทั้งสองคนไปถึงหน้าประตูพร้อมกับประธานวสุ
ที่นอกคฤหาสน์ คุณนายราศรีกอดมายมิ้นท์ไปเล็กน้อย “มิ้นท์ บอกให้เปปเปอร์ขับรถช้า ๆ หน่อยนะ ต้องระวังตัวดี ๆ นะรู้ไหม?”
เธอจัดผมตรงข้างใบหูให้มายมิ้นท์เล็กน้อย
มายมิ้นท์อมยิ้มแล้วก็พยักหน้าขึ้น “ฉันทราบแล้วค่ะ”
ระหว่างที่พูด เธอก็หันหน้ามองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถ
พอชายหนุ่มรู้สึกถึงสายตาของเธอ แล้วก็ค่อย ๆ เบือนหน้ามองไป แล้วสบตาเข้ากับสายตาของเธอ และยิ้มจาง ๆ อย่างมีสว่างสดใสทำให้คนลุ่มหลงให้กับเธอ
คุณนายราศรีเองก็เห็นการแสดงออกของทั้งสองคนกับตา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและหัวเราะออกมา
ความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้นั้นดีมากจริง ๆ
ตัวติดกับทุกวินาที
แบบนี้ก็ดีแล้ว พอเห็นการคืนดีกันของพวกเขาไม่มีปัญหาใด ๆ ความกังวลในใจเธอ ก็ถือได้ว่าได้ปล่อยวางลงหมดแล้วจริง ๆ
“ไปเถอะ” คุณนายราศรีปล่อยมือมายมิ้นท์ออก แล้วผลักเธอไปทางเปปเปอร์ทีหนึ่ง
มายมิ้นท์เซไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
พอเปปเปอร์เห็นเข้า ขายาว ๆ ก็รีบก้าวมา แล้วก็มารับตัวเธอไว้ทันที
ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มแดงก่ำจ้องมองเธอ ริมฝีปากก็ค่อย ๆ หอบหายใจอย่างเร่งรีบ “ทำไมเหรอ?”
เขาถามขึ้นมา
น้ำเสียงมีเสน่ห์จนทำให้วิญญาณคนยังอ่อนระทวยไปเลย
มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะขาอ่อนขึ้นมา และพยายามเบิกตากว้าง “ทำไมอยู่ ๆ คุณก็……จูบมาเลยละคะ?”
และที่สำคัญก็ยังไม่ประตูอีกด้วย
เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนั้นชายหนุ่มตื่นเต้นมากแค่ไหน
ซึ่งก็โชคดีมาก ที่ที่นี่เป็นลิฟต์ชั้นหนึ่งก็เป็นห้องห้องหนึ่ง มาต้องเป็นห่วงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า
พอได้ยินคำถามของหญิงสาว เปปเปอร์ก็ชิดเข้าไปใกล้ หน้าผากชนเข้ากับหน้าผากเธอ เรียวปากจูบลงไปเบา ๆ บนปลายจมูกและดวงตาของเธออยู่ตลอด “ผมอยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนอยู่บนรถก็อยากทำแล้ว แต่อดทนมาตลอด ตอนนี้ถึงบ้านแล้ว ผมจะทนต่อไปอีกได้ยังไง”
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุกเล็กน้อย “อยู่บนรถคุณก็อยากแล้วเหรอ? คุณคงไม่ขนาดนั้นมั้ง?”
“ตอนนั้นใครใช้ให้คุณหว่านเสน่ห์ใส่ผมล่ะ” น้ำเสียงของเปปเปอร์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแหบแห้งและขรึมต่ำ
มายมิ้นท์มึนงงไปทั้งหน้า “ฉันหว่านเสน่ห์ใส่คุณเหรอคะ? ฉันไปหว่านเสน่ห์ใส่คุณตอนไหนกัน?”
“ก็ตอนที่คุณบิดขี้เกียจ แล้วเอวโผล่ออกมาไง” เปปเปอร์จ้องมองดวงตาเธอแล้วตอบกลับมา
“……” คราวนี้มุมปากของมายมิ้นท์ยิ่งกระตุกแรงมากขึ้น และพูดอะไรไม่ออกเลย
ถึงว่าล่ะตอนนั้น เขาถึงได้บอกกับเธอว่าอย่าขยับไปเรื่อย
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
แค่บิดขี้เกียจทีเดียว แล้วเอวโผล่ออกมาท่อนหนึ่ง ก็ทำให้ผู้ชายคนนี้เกิดอารมณ์สั่นไหวขึ้นมาแล้ว
นี่เธอควรจะพูดว่าแรงควบคุมของผู้ชายคนนี้แย่ หรือว่าควรจะพูดว่าเสน่ห์ของตัวเองมีมากเกินกันแน่?
พอเห็นว่าอยู่ ๆ มายมิ้นท์ก็เหม่อลอย ดวงตาเปปเปอร์ก็มีประกายพาดผ่านไป จากนั้นก็จูบลงไปอีกครั้ง
จูบไปด้วย แล้วเขาก็แยกขาทั้งคู่ของเธอออกไปด้วย แล้วก็อุ้มขึ้นมาแล้วเดินไปทางห้องนอนเลย
พอมายมิ้นท์ตั้งสติขึ้นมาได้ และรู้ว่าเขาจะทำอะไรแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างมากขึ้นมา มือทั้งคู่ประคองใบหน้าของผู้ชายเอาไว้ แล้วผลักชายหนุ่มออก และสิ้นสุดการจูบของชายหนุ่มไป จ้องมองชายหนุ่มแล้วก็หายใจหอบและพูดขึ้นว่า “เปปเปอร์ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...