รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 933

นี่ก็เท่ากับว่า เสียเงินซื้ออากาศเท่านั้น

แต่ว่า ด้วยฐานะของเทนเดอร์กรุ๊ปในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะซื้อไหวแน่ แต่ไม่ซื้อก็ไม่ได้

ดังนั้นสุดท้ายแล้วผลที่จะได้รับก็คือ เสียเงินไปแล้ว แต่เทนเดอร์กรุ๊ปไม่มีสินค้าที่จะเอามาขาย ไม่มีรายได้ จากนั้นเงินเดือนพนักงาน เงินกู้จากธนาคาร รวมทั้งส่วนแบ่งของบริษัทอื่นที่มาร่วมงานด้วยเป็นต้น ก็จะควักไม่ออกสักอย่าง

พอถึงตอนนั้น สิ่งที่รอคอยเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่ ก็คือโดนฟ้องล้มละลายทางเดียวเท่านั้น

แค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ อันหนึ่งถูกแย่งไป ก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวแบบนี้ได้ ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าชิ้นส่วนนี้สำคัญมากแค่ไหน

ถ้าเกิดเตชิตรู้เรื่องเข้า ก็ต้องเอาเรื่องนี้มาขยายใหญ่โต แล้วเอามาโจมตีเธอที่เป็นประธานใหญ่แน่

แล้วถ้าให้พวกพนักงานรู้เข้า ก็มีแต่จะทำให้จิตใจคนหวาดระแวง เป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินเดือนของเดือนนี้ แล้วคาดว่าอาจจะโวยวายกันขึ้นมาเลยก็ได้

ด้วยเหตุนี้ เธอถึงได้ปิดข่าวนี้ไว้อย่างระมัดระวัง ไม่ให้ใครอื่นนอกเหนือจากเธอและผู้ช่วยเลขาเท่านั้นที่รู้เรื่อง

แต่คิดไม่ถึงว่า ลาเต้กลับมารู้เรื่องเข้า

ลาเต้รู้เรื่องแล้ว ก็อาจจะหมายความว่าเตชิตและพวกพนักงานในบริษัทรู้เรื่องแล้ว งั้นตอนนี้ที่บริษัทจะโวยวายกันขึ้นมาแล้วหรือเปล่า?

พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของมายมิ้นท์ก็หนักหน่วงไปถึงก้นเหวทันที

แล้วก็ในเวลานี้เอง ลาเต้ก็เปิดปากตอบขึ้นมาว่า “เลขาคนหนึ่งของคุณเป็นคนโทรมาบอกผมเอง อย่าลืมซะล่ะ ยังไงผมก็ยังมีชื่อเป็นผู้จัดการคนหนึ่งของเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่ การร่วมงานกับโรงงานทิพย์ฟ้าในตอนแรก ผมก็เป็นคนเชื่อมสัมพันธ์ให้ พอทางโรงงานทิพย์ฟ้าจะฉีกสัญญา ผมที่เป็นคนเชื่อมสัมพันธ์นี้ก็ควรจะรับรู้ด้วย ดังนั้นเลขาของคุณจึงบอกกับผมมาตั้งนานแล้ว แล้วผมก็รีบไปหาประธานใหญ่ของโรงงานทิพย์ฟ้ามาแล้ว แต่ว่าประธานใหญ่ของโรงงานทิพย์ฟ้าไม่ยอมพบผม พอผมไม่รู้ว่าทำไมโรงงานทิพย์ฟ้าถึงฉีกสัญญา ก็เลยติดต่อคุณมา”

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” พอได้ยินการอธิบายของลาเต้แล้ว มายมิ้นท์ถึงรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิดไว้ ในใจก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง

“มิ้นท์ ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ลาเต้ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามขึ้น “ทำไมอยู่ดี ๆ โรงงานทิพย์ฟ้าถึงได้ฉีกสัญญากะทันหันได้? ผมจำได้ว่าชิ้นส่วนชุดนี้ใกล้จะถึงเวลาส่งมอบของแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ อีกสองวัน” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น

ลาเต้โมโหจนตบโต๊ะขึ้นมา “จะส่งมอบของกันอยู่แล้ว แต่เขากลับเอาชิ้นส่วนขายให้กับคนอื่น ช่างมีความกล้ามากจริง ๆ มิ้นท์ คุณบอกผมมา คุณกับประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันหรือเปล่า?”

ไม่งั้นประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าจะเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนี้มาฉีกสัญญาได้ยังไงกัน

นี่มันต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเลยนะ

มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่านี่ ฉันกับประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่ฉันกับคนที่มาแย่งชิ้นส่วนของเราไปมีความขัดแย้งกันอยู่ แล้วคนคนนั้น อาจจะจับจุดอ่อนของประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าได้ ก็เลยข่มขู่ประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าให้ขายชิ้นส่วนให้เขา เพื่อไม่ให้ฉันได้รับชิ้นส่วน แล้วจะได้รับของที่เขาอยากได้จากฉันไปง่าย ๆ”

“อะไรนะ?” ลาเต้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก “ในนี้ยังมีเรื่องวกไปวนมาแบบนี้อีกเหรอ? มิ้นท์ นี่ตกลงคุณไปผิดใจกับใครนี่?”

เขารีบถามขึ้น

อยากจะดูว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไป แล้วค่อย ๆ พูดชื่อชื่อหนึ่งออกมา “เกรียงไกร”

“เกรียงไกรเหรอ?” ลาเต้นิ่งอึ้งไปก่อน แล้วรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูเป็นอย่างมาก

แต่ว่าไม่นาน เขาก็นึกขึ้นมาได้ แล้วใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “มิ้นท์ คุณอย่าบอกผมนะ ว่าเป็นนายใหญ่เกรียงไกรของตระกูลคหบวรแห่งเมืองปักษาน่ะ? ตระกูลคหบวรที่เทียบเท่ากับตระกูลอัครเดชโภคิน หนึ่งในพวกตระกูลใหญ่แห่งเมืองปักษานะเหรอ”

“ใช่ เขานั่นแหละ” มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่งแล้วพยักหน้าขึ้น

ลาเต้สูดลมเย็น ๆ เข้าไปคำหนึ่ง “ใช่เขาจริง ๆ เหรอ มิ้นท์ คุณกับเขามีความโกรธแค้นกันได้ยังไง? พูดตามหลักแล้ว พวกคุณไม่มีทางที่จะไปเกี่ยวข้องกันได้เลยนี่”

มายมิ้นท์หรี่ตาลงเล็กน้อย “เป็นลูกนอกสมรสของเกรียงไกร”

“อะไรนะ?” ลาเต้รู้สึกฟังไม่ค่อยเข้าใจ

แต่ว่าข้ามเรื่องความแค้นของเปปเปอร์กับเกรียงไกรไป

ในเมื่อเรื่องในอดีตของแม่เปปเปอร์กับเกรียงไกรนั้น คนนอกไม่รู้เรื่องเลย

เมื่อไม่มีการอนุญาตจากเปปเปอร์ เธอเองก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป

เรื่องนี้เป็นความลับของตระกูลนวบดินทร์

“แม่งเฮี้ย!” พอมายมิ้นท์บรรยายจบ ถึงแม้ว่าลาเต้จะไม่ได้ประสบพบเจอกับเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็ถูกพัดชาทำให้โมโหอยู่ไม่น้อย โกรธจนเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง “สองพ่อลูกตระกูลคหบวรนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่านะ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นฝ่ายผิด แต่สุดท้าย คุณไม่ให้อภัยพวกเขา ก็ถือว่าเป็นความผิดของคุณเลย จากนั้นก็มาตัดหน้าชิ้นส่วนของคุณไปเพื่อเป็นการข่มขู่คุณ บนโลกใบนี้ ทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ?”

มายมิ้นท์นวดขมับเล็กน้อย “ก็ใช่น่ะซิ ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ทำไมฉันถึงมักจะพบเจอแต่คนพวกนี้นะ?”

“นี่ก็คือสวรรค์ไม่มีตายังไงล่ะ” ลาเต้เงยหน้าขึ้นมามองไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ในห้องทำงาน แล้วมองผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไปที่ท้องฟ้าด้านนอก จากนั้นก็ชูนิ้วกลางใส่ท้องฟ้าไปอย่างแรงทีหนึ่ง

ถึงมายมิ้นท์จะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถนึกภาพปฏิกิริยาในตอนนี้ของเขาออกได้ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มอย่างเบื่อหน่ายออกมาเสี้ยวหนึ่ง

“เรื่องนี้ คุณกะว่าจะจัดการยังไง?” หลังจากที่ชูนิ้วกลางเสร็จ ลาเต้ก็เก็บสายตากลับมา แล้วถามเรื่องสำคัญขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง

มายมิ้นท์หลับตาลงเล็กน้อย “พูดตามตรงนะ ตอนนี้ฉันยังไม่มีทางออกอะไรเลย”

ลาเต้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำตอบของเธอเลยสักนิด พอเงียบขรึมไปหลายวินาทีแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “ถ้าจะเอาชิ้นส่วนคืนมา เกรงว่าคุณคงจะต้องรับปากปล่อยตัวพัดชากับเกรียงไกรคนนั้นแล้ว แต่ว่าพอเป็นแบบนี้ ในใจก็จะรู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่คุณไม่ได้เป็นคนผิด คุณก็แค่ใช้บทลงโทษที่ถูกต้องตามกฎหมายมาลงโทษคนผิด แต่สุดท้าย คุณกลับต้องยอมศิโรราบเพราะถูกคนชั่วข่มขู่ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นอื่น ในใจก็ต้องรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว”

คำพูดนี้พูดไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจของมายมิ้นท์ จนทำให้เธอต้องกัดฟันตอบกลับไปว่า “เพราะฉะนั้น ตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้อยู่แล้ว”

“แต่ว่าถ้าไม่ยอมแพ้ แล้วไม่ได้ชิ้นส่วนคือมา สุดท้ายแล้วจะมีจุดจบยังไง คุณ……”

“ฉันคิดไว้แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนหน้าผา ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี” มายมิ้นท์นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างท้อแท้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว